บทที่ 1 นางแบบจำเป็น (2)
สั้นเหมือนผู้ชายไปมา โดยมีสายตานิทราจับจ้องอยู่ และสายตาแบบจับผิดนั้นก็ทำให้คนเส้นตื้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกจนได้
“ขำอะไรนักหนายะ ฉันไม่ใช่ตัวตลกนะ”
“ก็มันอดไม่ได้จริง ๆ นี่นา ถามจริงเถอะ ตอนนั้นแกคิดอะไรอยู่วะ ถึงกล้าแหวกด่านนักข่าวเข้าไปจูบนายอารัญนั่นเข้า”
คนถูกถามไหวไหล่แล้วแกะโรลม้วนผมซึ่งพันกับขาแว่นสายตาของตัวเองออก “ไม่ได้นึกอะไรเลย แค่หมั่นไส้อีตาเกย์นั่นเท่านั้น”
“จริงเหรอ?”
“โกหกมั้ง” นิทราหันไปทำตาเขียวใส่คนถามเซ้าซี้
“ให้ได้อย่างนี้สิ แล้วล้วงไส้ล้วงพุงออกมาล้างน้ำยาหมดหรือยังล่ะ?”
นิทราจึงหันขวับมาพ่นลมหายใจที่มั่นใจว่าหอมสะอาดใส่หน้ากุสุมา แต่อีกฝ่ายกลับหงายท้องตึงลงแผ่หลาลงบนพื้นดื้อ ๆ
“เฮ้ย เป็นอะไรยะ?!” นิทรารีบชะโงกหน้ามองเพื่อนรักที่นอนแลบลิ้นออกมาด้วยความตกใจ
“เป็นลม เหม็นลมปากแก” กุสุมาแกล้งว่า และคนที่ไม่มั่นใจในความสะอาดของช่องปากตัวเองต้องทดสอบลมหายใจของตัวเองอีกครั้ง
“เหม็นจริงเหรอ สงสัยยังล้างน้ำลายนายนั่นออกไม่หมด” ไม่บอกด้วยเสียงจริงจังอย่างเดียวนิทรายังรีบลุกขึ้นเพื่อไปล้างปากด้วย ทว่าเธอก็ถูกกุสุมาฉุดข้อมือให้นั่งลงตามเดิมซะก่อน
“ล้อเล่น ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ เท่านี้แกก็ล้วงคอออกมาล้างจนแบคทีเรียตายหมดแล้ว”
“จริงนะ”
“เออ”
ได้ยินอย่างนั้นความมั่นใจจึงกลับคืนมา นิทราหย่อนสะโพกกลมพิงขอบเตียงนอนสีขาวที่ออกแบบให้คล้ายกับเตียงนอนในยุควิคตอเรียพร้อมเหยียดขายาว
“ป้าเพชรธารารู้ข่าวนี้หรือยังวะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน หูไวตาไวอย่างนั้นถ้ารู้เดี๋ยวก็โทรมาเองนั่นล่ะ”
แล้วก็จริง ยังไม่ทันขาดคำด้วยซ้ำเสียงโทรศัพท์มือถือซึ่งถูกหมกเอาไว้ในที่นอนจึงดังขึ้น กุสุมาเพียงกวาดมือไปมา ตลบผ้าห่มลายดอกไม้จุ๋มจิ๋มสีอ่อนออกแล้วคว้าโทรศัพท์มือถือมายื่นให้เพื่อนสาวที่ทำหน้าเบื่อโลกทันที
“ใคร?”
“ช่างภาพประจำตัวแกไง”
นิทราถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกก่อนกดปุ่มรับสายแล้วนำโทรศัพท์มาแนบหู “ค่ะป้าเพชร”
“เห็นข่าวบันเทิงของวันนี้หรือยัง?”
เพียงคำถามเดียวจากเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง และพ่วงด้วยตำแหน่งบรรณาธิการใหญ่ของเพชรธารา ทำเอานิทราที่ปรายตากลมโตไปมองหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ซึ่งมีรูปถ่ายอื้อฉาวและเป็นข่าวดังในขณะนี้เบ้ปากทำหน้าเหมือนจะขย่อนอะไรในท้องออกมาอีก
“ฉันล่ะปวดใจกับผู้หญิงสมัยนี้จริง ๆ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ถึงกล้าทำอะไรงามหน้าแบบนั้น เฮ้อ นี่ถ้าเป็นลูกเป็นหลานนะ จะหยิกให้เนื้อเขียวเลย”
จากที่ตั้งใจจะบอกว่าเป็นฝีมือของเธอเอง นิทราจึงหดคอแล้วเปลี่ยนเป็นเออออห่อหมกตามไป
“ก็ไม่เลวเท่าไหร่นะคะ อย่างน้อยข่าวนี้ก็ช่วยกลบกระแสข่าวนิตยสารของนายเกย์นั่นไปได้”
เพชรธาราหัวเราะร่า ดูจะอารมณ์ดีกว่าทุก ๆ วันด้วยซ้ำ ที่คู่แข่งตัวฉกาจต้องมาเจอกับข่าวอื้อฉาว ซ้ำยังตกเป็นเป้าสายตาของคู่แข่งอีกหลาย ๆ ฝ่าย
“ใช่ ฉันพอใจมากเลยนะอย่างน้อย ๆ ก็ทำให้นิตยสารของเราปล่อยอาจิไซลงตลาดโดยปราศจากคู่แข่ง”
เหตุผลนั้นทำให้เพชรธาราระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ ทว่าเหตุผลเดียวกันนั้นกลับทำให้นิทรามีสีหน้าจืดลง
“คุณป้าอย่าหวังอะไรกับอาจิไซนักเลยค่ะ ผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนตัวการ์ตูนในเกมออนไลน์นั่นล่ะ ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา ไม่เคยมีตัวตนอยู่ในโลกความเป็นจริง”
“ตีตายเลยยัยนิทรา พูดอย่างนี้กับอาจิไซของฉันได้ยังไง ยอดขายนิตยสารของเราแรงกระฉูดไม่มีตกมาตลอดเจ็ดปี ครองตลาดกินเนื้อที่ส่วนแบ่งกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วไหนจะแฟนคลับในโลกออนไลน์ที่ขยับตัวเพิ่มขึ้นทุกวัน เธอจะกล่าวหาว่าอาจิไซที่ฉันปั้นมาเองกับมือไม่มีตัวตนได้ยังไงยะ”
นิทราได้แต่รับฟังโดยเลือกที่จะปิดปากเงียบ แต่ในใจนั้นกลับค้านหัวชนฝา รู้ว่างานถ่ายภาพที่ป้าและเธอร่วมมือกันทำคืองานศิลปะแขนงหนึ่ง แต่นั่นล่ะ มันก็เหมือนการหลอกลวงผู้ที่หลงใหลคลั่งไคล้นางแบบสาวคนนั้น...
อาจิไซ นางแบบชื่อดังที่โลดแล่นในนิตยสาร ‘เลิฟเมจิก’ มานานถึงเจ็ดปีกลับไม่เคยมีใครพบเห็นตัวจริง หรือได้ถ่ายรูปสัมภาษณ์สดเธอผู้นี้สักครั้ง สาเหตุเพราะอาจิไซไม่เคยมีตัวตนในโลกของความเป็นจริง ที่อาจิไซเกิดขึ้นมา และเติบโตไปพร้อมกับนิตยสารเลิฟเมจิกได้เป็นเพราะความบังเอิญเท่านั้นเอง
