9
“ยูกิ นอนหรือยัง?” เสียงเรียกของพี่ชายที่ดังขึ้น ทำให้เธอต้องรีบกดปิดมือถือ แล้วลุกจากเตียงไปเปิดประตูห้องนอน
“ยังค่ะ พี่ชิโร่มีอะไรหรือเปล่าคะ?” อาซามิเอ่ยถามพี่ชายด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” ไดอิจิเดินเบี่ยงตัวเข้าไปในห้องนอนของน้องสาวด้วยสีหน้าเป็นกังวล
อาซามิปิดประตูห้องนอนแล้วเดินตามพี่ชายไปนั่งที่บนเตียงอย่างมึนงงกับสีหน้าและท่าทางแปลกๆ ของอีกฝ่าย “ว่ามาได้เลยคะ”
“เรื่องผู้ถือหุ้นในบริษัทเรา” ไดอิจิเอ่ยก่อนจะถอนหายใจยาว
“ทำไมคะ?” อาซามิรอฟังอย่างตั้งใจ
“พวกเขาเทขายหุ้นให้กับคู่แข่งไปทั้งหมด 40% ครับ” ไดอิจิที่ปล่อยให้น้องสาวเพลิดเพลินกับการกลับมาไทยได้ห้าวัน ก็จำต้องบอกเรื่องสำคัญ ซึ่งเกี่ยวโยงกับการขึ้นชกมวยในวันพรุ่งนี้ให้ทราบ เพราะลึกๆ ก็แอบกลัวว่า...หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ อย่างน้อย...น้องสาวก็ควรจะได้รู้ถึงสถานการณ์บีบบังคับที่ตนกำลังเผชิญหน้าอยู่
“ตายจริง แล้วเราจะทำยังไงดีคะ” อาซามิใจหายวูบ ไม่นึกว่าผู้ถือหุ้นในบริษัทจะยอมเทขายหุ้นให้กับคู่แข่ง
“คนที่กว้านซื้อหุ้นไปคือหิรัญ” ไดอิจิกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่ต้องเอ่ยชื่อของไอ้ตัวการ
อาซามิได้ฟังก็ถึงกับนิ่งไปทันใด จากที่รู้สึกติดลบกับอีกฝ่าย ตอนนี้กลับกลายเป็นรู้สึกรังเกียจและไม่ชอบหน้าอย่างแรง
“มันบอกว่าถ้าพี่ยอมขึ้นชกกับมันแล้วชนะ มันจะยอมขายหุ้นคืนให้ แต่หากพี่แพ้ มันจะ...” ไดอิจิกัดฟันเอ่ยถึงข้อตกลง
“ฮุบบริษัทของเราเหรอคะ?” อาซามิถามอย่างใจคอไม่ดี
“เปล่า มันจะยกหุ้นคืนให้เหมือนเดิม เพียงแค่...” ไดอิจิเอ่ยค้างไว้พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของน้องสาวนิ่ง พลัน! ก็เหมือนจะมีอะไรบางอย่างเเล่นเข้ามาจุกที่ต้นคอ จนทำให้พูดไม่ออก
“อะไรคะ” อาซามิรอฟังอย่างตั้งใจ
“เอ่อ...มีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างน่ะ แต่เราไม่ต้องห่วงนะ ยังไงพี่ก็เอาชนะมันได้แน่” ไดอิจิรีบปรับสีหน้าและน้ำเสียง ไม่อาจจะบอกออกไปตามตรงได้ เพราะกลัวว่าน้องสาวสุดที่รักจะเกลียดตน ที่ยินยอมให้อีกฝ่ายดึงเธอเข้ามาอยู่ในเกมเดิมพันครั้งนี้
“สู้ๆ นะคะ หนูเอาใจช่วยค่ะ” อาซามิฉีกยิ้มหวานให้กำลังใจพี่ชาย
“จ้ะ นอนหลับฝันดีนะ” ไดอิจิยิ้มตอบด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“ค่ะ พี่ชิโร่ก็เหมือนกัน ไปนอนได้แล้วไม่ต้องคิดมากนะคะ” อาซามิสวมกอดพี่ชายและลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวล
“พี่รักเรานะรู้ไหม” ไดอิจิกอดตอบและกระชับอ้อมกอดแขนให้แน่นขึ้น
“รู้ค่ะ หนูก็รักพี่ชิโร่เหมือนกัน”
“พรุ่งนี้ขึ้นไปนั่งเชียร์พี่ที่ห้องวีไอพีบนชั้นสองนะ ถ้าพี่น็อคไอ้บ้านั่นเสร็จเมื่อไหร่ พี่จะขึ้นไปรับยูกิกลับบ้าน”
“ค่ะ หนูชวนไอโกะไปด้วยได้ไหมคะ” อาซามิถามเสียงหวาน
“ได้สิครับ” ไดอิจิยิ้มและโยกตัวน้องสาวไปมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขอตัวไปนอน
วันต่อมา...วันศึกแดงเดือด
ทันทีที่อาซามิเดินทางมาถึงสนามมวยขนาดใหญ่ ก็ถูกคมสันพาไปยังห้องรับรองวีไอพีที่อยู่บนชั้นสอง ซึ่งสามารถมองเห็นการชกบนสังเวียนได้ชัดเจน อีกทั้งภายในห้องยังสามารถ ปรับเพิ่ม หรือ ลดเสียงจากด้านนอกได้อีกด้วย
“เอ่อ...พี่คมคะ กระจกตรงนี้เป็นกระจกสองด้านหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ เป็นกระจกด้านเดียว สามารถมองเห็นจากด้านในไปด้านนอกได้เท่านั้นครับ” คมสันบอกยิ้มๆ
“อ้าว! แบบนี้พี่ชิโร่มองขึ้นมาก็ไม่เห็นยูกิน่ะสิคะ?” อาซามิเอ่ยท้วงอย่างรู้สึกนอยด์นิดๆ ที่พี่ชายจะไม่เห็นว่าเธอมาเชียร์
“ครับ แต่บอสรู้ว่าคุณหนูอยู่บนนี้”
“โอเคค่ะ” อาซามิพยักหน้ารับเบาๆ
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” คมสันเอ่ยหลังจากที่ล้วงมือถือมาอ่านข้อความแชตจากลูกน้องเสร็จ
“ค่ะ/ค่ะ” สองสาวขานรับก่อนจะพากันเดินไปดูบรรยากาศด้านล่างที่กระจกบานใหญ่
“ว้าว! คนเยอะจังเลยนะไอโกะ” อาซามิมองดูผู้คนมากมายที่ยืนรายล้อมรอบสังเวียนชกอย่างรู้สึกตื่นเต้น
“ใช่! มองจากตรงนี้เห็นชัดสุดๆ มีแต่ดารา นางแบบ คนดังในแวดวงธุรกิจมากันเต็มเลย” ไอโกะบอกอย่างรู้สึกทึ่ง เพราะดารานางแบบที่เห็นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลที่เคยมีประวัติกับหิรัญและไดอิจิมาแล้วแทบทั้งนั้น
“อืม...คงเพราะเป็นการระดมทุน เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่อยู่บนดอยน่ะ” อาซามิบอกด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เมื่อนึกไปถึงข้อตกลงของพี่ชายกับอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็เริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ ในข้อตกลงที่ว่า...หากพี่ชายของเธอชกแพ้ในวันนี้ หิรัญก็จะยกหุ้นคืนให้เหมือนเดิม เธอรู้สึกว่ามันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นอย่างแน่นอน
“อ๊ะ! นั่นคุณชิโร่ออกมาแล้ว” ไอโกะสะกิดเพื่อนสาวให้หันไปมองเจ้าชายผู้แสนเย็นชา ซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวเดินออกมาอย่างมาดเท่ เรียกเสียงกรีดร้องจากสาวๆ ดังคับคั่งไปทั่ว จนต้องหยิบรีโมตมาลดเสียงจากด้านนอกลง
“ว้าว! พี่ชิโร่เท่สุดๆ ไปเลย” อาซามิมองดูพี่ชายของตัวเองอย่างรู้สึกชื่นชมในความเพอร์เฟกต์ของร่างกายที่ดูราวกับท็อปโมเดลระดับโลก
“อ๊ะ! คุณหิรัญ” ไอโกะชี้ให้เพื่อนสาวดูอีกครั้ง พร้อมกับกดลดเสียงจากด้านนอกลงเพิ่ม เพราะเสียงกรีดร้องของสาวๆ นั้น ดังกระหึ่มขึ้นไม่แพ้รอบแรก
“...” อาซามิจ้องมองดูท็อปโมเดลอีกคนที่เดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะตกใจ เมื่ออยู่ๆ อีกฝ่ายก็หยุดเดิน แล้วเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับส่งจูบมาให้...เธอหรือเปล่า?
“เสี่ยส่งจูบให้เธออะยูกิ” ไอโกะบอกพลางจ้องมองเพื่อนสาวนิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ไม่ใช่สักหน่อย” อาซามิรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีทันใด เพราะคมสันเพิ่งจะบอกไปว่ากระจกในห้องนี้เป็นกระจกด้านเดียว ฉะนั้นหิรัญไม่มีทางจะส่งจูบให้เธอแน่ๆ เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่บนนี้
