บทที่ 2. ต่อ
“กรี๊ดดดด...” เพล้งๆๆๆ... เสียงกรีดร้องด้วยความฉุนเฉียวและเสียงข้าวของแตกกระจายอยู่ในห้องของเมริสาทำให้คุณมาลินีมองสบตากับหลุยส์อย่างหนักใจ แต่ไม่เข้าไปห้ามปรามหรือขัดขวางอารมณ์ของเมริสาในตอนนี้เพราะผู้เป็นแม่รู้ดีว่าต้องให้เวลาลูกสาวของตนได้อยู่กับตัวเองและซึมซับความจริงให้เต็มที่ และเชื่อว่าเมริสาไม่มีทางที่จะทำร้ายตัวเองอย่างแน่นอน...
“คิดว่าตอนนี้เราไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว... แต่ฉันห่วงแค่หลานของฉันเท่านั้นเอง...” คุณมาลินีกล่าวเสียงเครียดมองประตูห้องที่ปิดสนิทของบุตรสาวนิ่ง
“ผมคิดว่าคุณเมรี่คงไม่คิดสั้นทำร้ายตัวเองหรอกครับ”
“ฉันก็เชื่อว่าเมรี่ไม่คิดทำแบบนั้นแน่นอน แต่ฉันก็อดห่วงไม่ได้ ว่าแต่วายุล่ะเป็นไงบ้าง เขาไปไหน”
“พอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ตำแหน่งประธานก็โวยวายเผยธาตุแท้ออกมาครับ ตอนนี้คงไปเมาหัวราน้ำที่ไหนสักแห่ง แต่ยังไม่รู้ว่าเรื่องที่เขานอกใจคุณเมรี่นั้นคุณเมรี่รู้เรื่องแล้ว...” หลุยส์ตอบผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยตามแบบของเขา
“หึ เขาก็ยังคงไม่รู้ตัวสินะว่าคนของเรารู้ธาตุแท้ของตัวเองแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่ากลับมาเขาจะแก้ตัวกับเมรี่ว่ายังไง เมรี่เงียบแล้วฉันจะเข้าไปดูเมรี่หน่อยนะ...”
คุณมาลินีถอนใจก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องของเมริสาเบาๆ ก่อนจะเปิดเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงขานรับเบาๆ จากคนข้างใน
หลุยส์ยืนมองผู้เป็นนายของตนด้วยประกายตาที่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่สักครู่เขาก็โทรศัพท์รายงานความเป็นไปในบ้านให้แมท ธิวได้รับรู้...
“ไอ้แก่นั่นมันจะงกไปถึงไหนวะ ขนาดว่ากูกำลังจะมีหลานให้มันอุ้ม ลูกสาวมันก็เป็นเมียกู แต่มันยังไม่ไว้ใจให้กูทำงานในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ กูอยากจะฆ่ามึงนักไอ้มาร์ค ไอ้เศรษฐีเฮงซวย...”
วายุกัดฟันพูดกับตนเองเบาๆ ด้วยความคับแค้นใจในตัวพ่อตาพลางกระดกเหล้าเข้าปากแล้ววางแก้วลงกับโต๊ะเสียงดังจนคนโต๊ะข้างๆ หันมามอง แต่เขาไม่ใส่ใจ ตอนนี้ความเจ็บใจมันอัดแน่นไปหมดจนต้องมานั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวเพื่อระงับความเดือดพล่านในใจ แต่มันไม่มีทีท่าจะลดลงเลย มันยิ่งกลับเพิ่มพูนทวีความรุนแรงขึ้นในใจของเขามากขึ้นๆ
“น้อง เอาเหล้ามาอีกสิ” ชายหนุ่มตะโกนร้องเรียกพนักงานสักครู่สิ่งที่เขาต้องการก็ถูกนำมาวางตรงหน้า และวายุก็นั่งดื่มอยู่คนเดียวเพื่อระงับสติอารมณ์พลางคิดแผนต่างๆ ในใจเพื่อจะหลอกใช้ให้เมริสาไปต่อรองกับบิดาของเธออีกครั้ง และคราวนี้เขาจะไม่ให้พลาดและเขาจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการแม้จะต้องใช้ลูกในท้องของเมริสาเป็นเครื่องมือก็ตาม เขาจะต้องกลับไปเพื่อแสดงละครดราม่าอีกครั้ง คิดได้ดังนั้นวายุก็ลุกขึ้นจ่ายเงินก่อนจะเดินออกมานอกร้านอาหารกึ่งผับชื่อดัง
ในขณะที่วายุกำลังจะเดินกลับนั้นเองสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างบางคุ้นตาของใครคนหนึ่งที่ทำให้เขาตะลึงมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
“พราว...” เสียงเรียกของเขาทำให้หญิงสาวที่ยิ้มหัวมากับเพื่อนอีกสองคนชะงักก่อนจะหันมามองเขาด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนจะยิ้มให้บางๆ
“สวัสดีค่ะพี่วา...” พราวแสงแขหยุดทักทายเขาเล็กน้อยตามมารยาท วายุเดินมาหาเธอเหมือนต้องมนต์เพราะในค่ำคืนนี้พราวแสงแขนั้นดูงดงามจรัสแสงอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างเล็กบอบบางอยู่ในชุดราตรีสั้นเหนือเข่าเนื้อผ้าบางพลิ้วนั้นแนบไปกับเรือนร่างอรชรที่เต็มตึงในส่วนที่ถูกที่ควรดูเย้ายวนจนเขาใจสั่นเสื้อแบบเปิดไหล่มนนั้นโชว์นวลเนื้อเกลี้ยงเกลาลออตาน่าสัมผัส เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้าหล่อนจะซ่อนรูปได้ปานนี้...
“พราว เอ่อ มาทำอะไรจ๊ะ...”
“ไปงานแต่งงานเพื่อนมาค่ะ พอดีว่าพราวแวะสังสรรค์กับเพื่อนเก่าสมัยเรียน แก๊งอ้วนผอม น่ะค่ะ” หญิงสาวตอบเรียบๆ เช่นเคยและกำลังจะเดินผละไปเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนในแก๊งอ้วนผอมร้องเรียก
“เดี๋ยวสิพราว...”
“พี่วามีอะไรคะ”
“เอ่อ พี่อยากเจอพราวอีกได้ไหม...” คำถามของเขาทำให้หญิงสาวชะงักแล้วหันมามองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า
“พราวไม่ว่างหรอกค่ะ และพราวหวังว่าเราไม่ต้องเจอกันอีกจะดีกว่า ขอตัวนะคะ”
“แต่พี่อยากเจอพราวอีก พี่อยากจะขอโทษ พี่ยังรักพราวเหมือนเดิมนะ...” พราวแสงเพียงแต่ยิ้มบางๆ ให้เขา
“สำหรับเรามันเป็นอดีตไปแล้วค่ะ อีกอย่างพราวก็ไม่อยากได้ชื่อว่าแอบตีท้ายครัวใคร ขอให้โชคดีนะคะ พราวขอตัวก่อน...”
คราวนี้พราวแสงแขรีบเดินไปหาเพื่อนๆ ที่เดินออกมายืนเท้าสะเอวรออย่างเร็วไว ไม่ใช่ว่ากลัวเพื่อนจะรอ แต่กลัวว่าเพื่อนๆ ของเธอจะมารุมวายุต่างหาก
เมื่อพราวแสงแขเดินจากไปโดยไม่สนใจหรือมีแววอาลัยอาวรณ์กับเขาเลยแม้แต่น้อยทำให้วายุรู้สึกเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย เป็นได้อย่างไรที่พราวแสงแขไม่แคร์เขาแล้ว เธอรักเขาจะเป็นจะตายและยังร้องไห้เสียมากมายในวันแต่งงานของเขา
นี่เจ้าหล่อนเลิกรักเขาได้แล้วอย่างนั้นหรือ ไม่มีทางเป็นไปได้.. วายุคิดอย่างมั่นใจในตนเองว่าเสน่ห์เหลือล้น และสบประมาทหัวใจของหญิงสาวผู้ที่เขาเคยทิ้งขว้างอย่างไม่รู้จักละอายใจ และความอยากเอาชนะ ความเสียดายก็จู่โจมเข้ามาในใจ เมื่อเขาเห็นความงดงามผุดผาดของเธอซึ่งในตอนนี้เมริสาไม่มีให้เขาเห็นวายุก็ยิ่งนึกเสียดายที่หลงปล่อยให้เนื้อหวานๆ หลุดมือไปโดยไม่ทันได้เชยชิม คนมักมากและเห็นแก่ตัวยิ้มกริ่มกับตนเองและเริ่มวางแผนร้ายกาจในใจทันที คราวนี้เขาอาจจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็ได้
ถ่านไฟเก่าจะยังไงมันก็ต้องมีเชื้อบ้างล่ะ...
