บทที่ 2.จบตอน
“ไอ้หน้าตัวเมียนั่นมันคุยอะไรกับเธอน่ะพราว” ชื่นชบา หรือ ชบาแก้ว ฉายาของสาวอวบระยะสุดท้ายถามอย่างไม่พอใจที่เห็นวายุมาวอแวกับเพื่อนรักของตน
“ฉันว่า นายนั่นคิดจะกลับมาหายายพราวชัวร์เลย คงนึกเสียดายล่ะสิ คืนนี้เห็นยายพราวของเราสวย” นิ่ม เพื่อนสาวตัวผอมสูงโปร่งที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นบ้าง
“เธออย่าไปหลงคารมเขาอีกนะพราว เธอก็รู้แล้วนี่นาว่าเขาเป็นคนยังไง”
ชื่นชบาพูดอย่างเป็นห่วงกลัวว่าพราวแสงแขจะหลงคารมของวายุ เพราะตอนนี้พวกเธอทั้งสามต่างรู้ซึ้งถึงสันดานที่แท้จริงของวายุแล้ว โดยเฉพาะพราวแสงแขซึ่งบัดนี้รู้ดีเลยทีเดียวว่าวายุนั้นร้ายกาจและเห็นเห็นแก่ตัวเพียงใด
“ฉันไม่มีความรักหรือหลงใหลในตัวเขาอีกแล้วล่ะฉันก็คนนะเจ็บแล้วก็จำ” พราวแสงแขยิ้มให้เพื่อนๆ
“ดีแล้วเพื่อนรัก ฉันดีใจนะที่เธอคิดได้แบบนี้ แต่คิดไปอีกทีก็นึกสมน้ำหน้ายายเมรี่เนอะที่เห็นก้อนกรวดเป็นเพชรไปเสียได้น่าเสียดาย สวย รวย แต่โง่” นิ่มเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจและนึกเคืองเมริสาอยู่
“เธอก็ว่าแรงไปยายนิ่ม ยังไงเมรี่เขาก็เคยเป็นเพื่อนเรา”
“นี่ยายชบาแก้ว เธอคิดเหรอว่ายายนั่นเขาคิดว่าเราเป็นเพื่อนเขาจริงๆ จะบอกอะไรให้นะ เหตุผลเดียวที่เขามาคบกับพวกเราเพราะผู้ชายและอิจฉายายพราว คิดดูนะ พราวน่ะทั้งสวย น่ารัก เรียนเก่ง ใครๆ ก็ชื่นชม เป็นดาวเด่นที่เจิดจรัสกว่านางที่แม้จะรวยแต่ไร้สมอง ไม่มีใครสนใจ ก็เลยมาคบกับพวกเราเพื่อให้คนอื่นสนใจนาง อีกอย่างเพราะนางจ้องอีตาวายุตาเป็นมัน ฉันดูออกตั้งแต่ก้าวแรกที่นางลดตัวมาคบกับพวกเราแล้ว ดอกฟ้าผู้สูงส่งลดตัวมาคบดอกหญ้าอย่างพวกเราใครเห็นก็ต้องนึกชื่นชม นางก็ได้ใจคนทั้งมหาวิทยาลัยไปเต็มๆ ก็เพราะพวกเรา ไหนจะดูงดงามเพียบพร้อมอีกต่างหาก ที่สำคัญนางก็แอบมาตีท้ายครัวเพื่อนรักอย่างยายพราว จบ มหากาพย์ดอกฟ้าผู้แสนงาม...” นิ่มพูดพลางทำมือทำไม้กรีดกรายประกอบคำพูด
“แหม.. มันก็จริง แต่ก็น่าจะเห็นแก่ยายพราวบ้าง...”
“ไม่เป็นไรหรอกชบาแก้ว ก็จริงอย่างยายนิ่มว่านั่นล่ะ อีกอย่างฉันก็รู้ตัวดีว่าหากไม่ติดว่าพ่อแม่ฉันกับพ่อแม่พี่วายุคบหากันมานานจนคิดหมั้นหมายเราไว้ตั้งแต่เด็กๆ พี่วายุเขาก็คงไม่สนใจฉันหรอก ในเมื่อเขาเป็นคนดัง เป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยที่ทั้งหล่อทั้งเก่ง ผู้หญิงทุกคนก็ต้องอยากได้เขาเป็นแฟน ฉันก็คิดฝันไปเองว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่ผู้ใหญ่ตั้งความหวังไว้” พราวแสงแขยิ้มบางๆ ให้เพื่อนๆ
“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอคิดได้แบบนี้น่ะพราว ฉันยังห่วงอยู่เลยว่าเธอจะทำใจไม่ได้...”
“ฉันทำใจได้แล้ว อย่าห่วงเลยฉันไม่มีวันกลับไปหาคนพวกนั้นหรอก เราเดินกันคนละทางแล้ว...”
พราวแสงแขบอกอย่างมั่นใจ โดยไม่รู้เลยว่าในอนาคตอันใกล้เธอจะต้องมาใช้ชีวิตวนๆ เวียนๆ อยู่ใกล้คนที่เธอพูดถึงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง...
แมทธิวกัดกรามมกรอดเมื่อได้ยินเสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้นและภาพน้องสาวร้องไห้ฟูมฟายถึงปัญหาที่เธอได้พบเจอจากการกระทำของสามีและบุคคลที่เป็นมือที่สามผ่านช่องการการสื่อสารด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยซึ่งทุกวันนี้คนเราสามารถคุยกันผ่านโทรศัพท์พร้อมๆ กับการได้เห็นหน้าตาท่าทางกันได้ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นแววตาเจ็บปวดรวดร้าวของน้องสาวคนเดียวที่เขารักและถนอมเธอดังเจ้าหญิง...
“พี่แมทต้องช่วยเมรี่นะคะ พี่แมทต้องช่วยเมรี่... ฮือๆๆ” เมริสาร่ำไห้กับพี่ชายปริ่มจะขาดใจ บอกเล่าความเจ็บปวดและความไม่ซื่อสัตย์ของสามีให้พี่ชายได้รับรู้
“เขากลับไปหานังนั่น เขากลับไปหากัน กลับไปหาแฟนเก่าของเขา พวกมันหักหลังเมรี่พวกมันรวมหัวกันหลอกเมรี่ พวกมันสารเลวที่สุดเลย”
“เมรี่ไม่ต้องห่วง พี่จะช่วยจัดการเอง น้องอย่าคิดมากนะ นอนพักผ่อนซะ แล้วพี่จะรีบกลับไปจัดการคนที่ทำน้องพี่เจ็บปวดให้สาสมกับสิ่งที่มันทำ...” แมทธิวปลอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
“จริงๆ นะคะพี่แมท พี่แมทต้องมาหาเมรี่เร็วๆ นะคะ เมรี่ใจจะขาดแล้ว... ฮือออ...”
“จ้ะ เมรี่นอนเถอะนะน้องพี่ พักผ่อนเยอะๆ อย่าลืมว่าตอนนี้น้องไม่ไดตัวคนเดียว...”
“ค่ะ พี่แมทต้องรีบมานะคะ ต้องมานะคะ มาจัดการพวกมัน...” เมริสาบอกด้วยน้ำเสียงสดใสเมื่อพี่ชายรับปากมั่นเหมาะก่อนจะตัดสัญญาณการติดต่อไป...
แมทธิวนั้นรู้สึกเจ็บปวดกับความโศกเศร้าเสียใจของน้องสาว แต่ในขณะเดียวกันเมริสากลับยิ้มร้ายกาจกับตัวเองเมื่อคิดว่าพี่ชายจะต้องมาจัดการกับคนที่มันบังอาจมาทำให้เธอเสียใจ บัดนี้ในใจของเธอมีแต่ความขุ่นแค้นจากสิ่งที่เธอคิดว่ามันคือความรัก...
