บทที่ 10 เทศกาลหยวนเซียว (3)
บทที่ 10 เทศกาลหยวนเซียว (3)
“พระสนมโปรดละเว้นกระหม่อมด้วยครั้งหน้าจะไม่มีอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ขุนนางร่างท้วมที่ดูจากชุดคงเป็นแค่ขุนนางขั้นสอง เพียงการกล้าหักหน้าฮ่องเต้ได้คงมีพระสนมคนอื่นหนุนหลังอยู่ เขาปรายตาเย็นชามองอย่างเงียบงัน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เพราะนี่เป็นความต้องการของฮ่องเต้ผู้มากไปด้วยเล่ห์ หากได้เอ่ยปากไปแล้วจะคืนคำได้อย่างไร แล้วเรื่องอะไรเขาจะช่วยเหลือคนที่ไม่รู้จักด้วย
“ข้าจะไปนั่งกับจิวชงหยวน” หลิ่วเหวินอี้บอกความตั้งใจของตนเองมองไปยังตำแหน่งว่างข้างๆ จิวชงหยวนซึ่งมองดูละครฉากนี้ด้วยตาประกายจนน่าหมั่นไส้
“ที่ตรงนั้นไม่ว่างสำหรับอี้เอ๋อร์ มานั่งกับเจิ้นดีกว่า”
กล่าวจบก็ลากอีกฝ่ายไปนั่งตรงข้างบัลลังก์ซึ่งใช้สายตาให้เหล่าสนมขยับที่นั่งให้ แม้พวกนางไม่กล้าปริปากได้แต่เพียงทำตามพร้อมสายตาเชือดเฉือนเกลียดชังไปให้หลิ่วเหวินอี้เท่านั้น เหตุการณ์ครั้งนี้ยังอยู่ในสายตาของเหล่าขุนนางพร้อมเชื้อพระวงศ์โดยเพราะฮองไทเฮาพระมารดาของพระองค์เอง
“ลุกขึ้น”
ทันทีที่คำสั่งนี้ออกไป เหล่าขุนนางถึงกับลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเหตุการณ์เมื่อครู่นี้พวกมันคิดว่าฝ่าบาทจะลืมเหล่าขุนนางคนอื่นไปเสียแล้ว เมื่อได้รับอนุญาตการแสดงต่างๆ จึงเริ่มขึ้นพร้อมอาหารมากมาย
วันนี้เหล่าเชื้อพระวงศ์อยู่กันพร้อมหน้า ทุกสายตาล้วนจับจ้องหลิ่วเหวินอี้พระสนมคนใหม่ด้วยความสนใจ ความงดงามและสูงส่งอีกทั้งความเย็นชาที่แผ่ออกมาทำให้ทุกคนหันไปด้วยความสนใจทว่าแต่ละคนความคิดล้วนหลากหลายต่างกันไป
“เจ้าว่าพระสนมของฝ่าบาทกับพี่สะใภ้ห้าคิดว่าผู้ใดงดงามกว่ากัน”
ลั่วหวังอู๋องค์ชายเจ็ดที่ไปอยู่ชายแดนมาหลายปีเอ่ยถามสวามีที่นั่งข้างกายด้วยรอยยิ้มมองดูความงดงามของเหล่าพี่สะใภ้อย่างสนใจ แม่ทัพห่านหลงเหลือบมองภรรยาตัวเองด้วยสีหน้านิ่งเฉยก่อนจะตอบกลับเสียงหนักแน่น
“เจ้างดงามที่สุด”
แค่ก ๆ ๆ
“.....”
ลั่วหวังอู๋ที่กำลังดื่มสุราหยกน้ำค้างถึงกับสำลักจนหน้าดำหน้าแดง มองค้อนสามีอย่างขวยเขินทำให้มู่เหรินซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พูดอะไรไม่ออก มองสามีภรรยาหยอกกันแล้วรู้สึกปวดใจ หลายปีมานี้ตนไม่เคยพบเจอคนที่ใช่เสียที
“น้องมู่เหรินเจ้าว่าพี่สะใภ้คนใดงดงามที่สุด”
แม้เสียงดนตรีจะไพเราะเพียงใดลั่วหวังอู๋ยังไม่ทิ้งความรื่นเริงของตนเอง มู่เหรินหันกลับไปมองจิวชงหยวนพระชายาของพี่ห้าก่อนจะเงยหน้าไปทางบนบัลลังก์ความงดงามเย็นชาที่แผ่ออกมาทำให้สะดุดใจ ความเย็นชาและความนิ่งสงบของอีกฝ่ายทำให้ลั่วเหยียนเจิ้งอยากปราบความพยศ ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้หลงใหลผู้นี้มากขนาดนี้ บรรยากาศรอบกายแตกต่างจากจิวชงหยวนโดยสิ้นเชิง
“พี่สะใภ้จิวชงหยวนมีความงดงามดุจเทพเซียนมาจุติ ส่วนพระสนมหลิ่วเหวินอี้ความงดงามเป็นหนึ่งในใต้หล้า” คำตอบของมู่เหรินทำให้ลั่วหวังอู๋มองตามอย่างมึนงง
“อ๋องมู่เหรินจะบอกเจ้าว่าพระชายาจิวชงหยวนงดงามดุจไม่ใช่มนุษย์ จึงไม่อาจเปรียบเทียบกับมนุษย์ธรรมดาได้ ส่วนพระสนมหลิ่วเหวินอี้นั้นแม้จะงดงามแต่ยังดูเหมือนมนุษย์เดินดินมากกว่าพระชายาอีกทั้งงดงามที่สุดในใต้หล้าทว่าสำหรับข้าแล้วเจ้างดงามที่สุด”
แม่ทัพห่านหลงกล่าวอธิบายให้ภรรยาฟังเสียงเรียบใบหน้านิ่งเฉยทว่าคนฟังทั้งคู่กับทำหน้าปุเลี่ยน อาหารตรงหน้ารสชาติหวานบาดคอไปหมด!
หลิ่วเหวินอี้เหลือบมองมุมหนึ่งในงานเลี้ยงชั่วครู่ การที่มีวรยุทธ์สูงส่งทำให้ได้ยินการนินทาตนเองได้อย่างชัดเจน เขามองคนสปอยภรรยาตัวเองเพียงชั่วครู่ก่อนจะเลิกสนใจ เมื่อจับจิตสังหารเพียงชั่วครู่ของใครบางคน อาภรณ์สีเขียวอ่อนแม้ไม่สะดุดตาแต่จิตสังหารเพียงชั่วพริบตาทำให้เห็นร่างโปร่งบางที่อยู่เกือบท้ายแถวของราชวงศ์
ใบหน้างดงามเหมือนอิสตรีแม้จะด้อยกว่าตนก็ตาม ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มน้อยๆ ขณะเหลือบมองมาที่เขา กิริยาภายนอกดูเหมือนเจียมเนื้อเจียมตัวเมื่อคุยกับขุนนางข้างกาย เขาจะไม่สนใจเลยหากคู่นี้มิใช่คนที่เขาแอบไปเจอคืนนั้น เมื่อย้อนกลับมาที่ตัวเองพลันรู้สึกตกใจเพราะเมื่อครั้งที่ตนเองโดนจู่โจมเหตุใดเขาไม่อาเจียน มีแต่ความขุ่นเคืองและโทสะต่ออีกฝ่ายเท่านั้น
“เจ้าชอบหรือไม่”
หลิ่วเหวินอี้รั้งสายตากลับมามองลั่วเหยียนเจิ้งด้วยความเฉยเมย การเต้นระบำหน้าท้องเบื้องหน้านับว่างดงามและเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ
