บทที่ ๑ : รีสอร์ทไอรัก 1
หญิงสาวร่างบางระหงคว้ากระเป๋าเดินทางขนาดเล็กขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะก้าวลงจากรถตู้โดยสาร ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก เหตุผลก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำใจกล้า แอบเดินทางมาต่างจังหวัดตามลำพัง โดยไม่ได้มีพ่อแม่หรือบุคคลอื่นๆ ติดสอยห้อยตามเหมือนอย่างทุกครั้ง
ถ้าจะขยายความให้ชัดเจนก็คือ...เธอเพิ่งหนีออกจากบ้านมานั่นเอง
‘ไอลดา วารีพิทักษ์’ มองรถตู้รับเหมาที่เธอจ้างให้มาส่งที่ ’รีสอร์ทไอรัก’ อย่างใจหาย แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจเดินจากมา ทันทีที่จ่ายเงินให้คนขับรถเรียบร้อยแล้ว ไอลดาเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือก็พบว่าตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า เธอจึงเลือกที่จะเดินเล่นอยู่แถวชายหาด มากกว่าที่จะตรงไปยังล็อบบี้ของรีสอร์ท เพื่อรับกุญแจห้องพัก
ร่างบางที่อยู่ในชุดเดรสสีน้ำตาลอ่อนคลุมทับด้วยเสื้อโค้ชสีขาว เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามเช้า และฟังเสียงคลื่นทะเล ที่โถมซัดเข้าหาฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างเพลิดเพลิน ความเย็นของน้ำทะเลในฤดูหนาว ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ตรงปลายเท้า ดึงดวงตากลมโตให้ปิดลงเพื่อสัมผัสความรู้สึกนั้นอย่างเต็มที่ สำหรับเธอแล้วบางทีท้องทะเลก็ดูเวิ้งว้าง แต่ทว่าบางทีก็ให้ความสงบได้อย่างน่าประหลาด
การที่ไอลดาเลือกเดินทางมาพักที่รีสอร์ทไอรักในช่วงฤดูหนาว เป็นเพราะเธอต้องการความสงบ และผู้คนก็มักจะไม่นิยมมาเที่ยวทะเล ท่ามกลางความหนาวเหน็บเย็นเสียดหัวใจอย่างนี้แน่ๆ ดูเหมือนสิ่งที่หญิงสาวคาดการณ์ไว้จะเป็นจริง เพราะเท่าที่สังเกตจากหลายๆสิ่งรอบตัวแล้ว รีสอร์ทไอรักแทบไม่มีแขกเลยสักราย หากจะมีก็แค่ประปรายเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ”
ไอลดาสะดุ้งเล็กน้อย รีบลืมตาขึ้นทันทีที่เสียงทุ้มนุ่มหู ดังเข้ามาในโสตประสาท ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มจ้องมองชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยความตกตะลึงกึ่งประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะตอนนี้อากาศหนาวมากในระดับหนึ่ง หากแต่เขากลับสวมกางเกงยีนสีซีดเพียงตัวเดียวเท่านั้น ไม่ได้สนใจเลยว่าแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงาม จะต้องทนกับความหนาวเหน็บถึงเพียงใด
“เอ่อ...” ไอลดาอึกอัก เพราะดวงตาคมกริบสีดำสนิท ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าขาวซีดของเธอตลอดเวลา ดูเหมือนบุรุษแปลกหน้าจะล่วงรู้ถึงความอึดอัดใจของอีกฝ่าย จึงได้ถอนสายตามองไปยังกระเป๋าเดินทางของเธอแทน
“คุณจะมาพักที่นี่เหรอครับ” เขาถามขึ้นอีกครั้ง แต่ว่ายังไม่ทันได้รับคำตอบจากไอลดา ก็มีเสียงของผู้ชายอีกคนตะโกนแทรกขึ้นเสียก่อน
“ไอ้คุณธีร์ธยาน์คร้าบ! รีบมาช่วยกันหน่อยสิวะ อู้งานอยู่ได้”
ไอลดามองไปยังต้นเสียงเช่นเดียวกับชายหนุ่ม จึงพบว่าผู้ชายอีกคนที่เรียกเขาว่า ‘ธีร์ธยาน์’ กำลังแบกกล่องใบใหญ่หลายใบ ลงจากเรือยนต์ที่จอดเทียบอยู่ริมหาด ธีร์ธยาน์หันมาสบตา และพยักหน้าให้กับหญิงสาวแทนคำบอกลา ก่อนจะหันหลังเดินกึ่งวิ่งกลับไปที่เรือ
ไอลดามองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มไป และยืนมองเขาทำงานของตัวเองอยู่อีกพักหนึ่ง จากนั้นก็ตั้งใจจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในตัวรีสอร์ท เพราะเริ่มอยากเอนตัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้า เจ้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วก็แผดร้องขึ้นเสียงดังเสียก่อน
‘นพนที’
ชื่อของพี่ชายที่ปรากฏอยู่บนจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทำให้ไอลดาถึงกับหน้ามุ่ย และยัดโทรศัพท์กลับลงไปในกระเป๋าสะพายอย่างเดิมทันที
ร่างบางระหงเดินตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อติดต่อห้องพักให้ตัวเอง เมื่อได้รู้ว่าห้องของเธอเป็นห้องที่อยู่ในจุดที่มีวิวสวยมากๆ และค่อนข้างสงบ ใบหน้างามที่กำลังงอง้ำ ก็เริ่มสดใสขึ้นมาทันตาเห็น ไอลดากล่าวขอบคุณพนักงานมารยาทดีที่เคาน์เตอร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ช่วยหาห้องพักที่ดีที่สุดให้เธอ ก่อนจะพาตัวเองนำกระเป๋าเดินทางที่มีข้าวของเพียงไม่กี่ชิ้น ไปจัดในห้องอย่างเป็นระเบียบ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่เจ้าของร่างบางกำลังจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ และปล่อยให้มันดังก้องอยู่บนหัวเตียงตามเดิม แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ว่าใครกันที่กำลังโทรหาเธออย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าผู้ที่ติดต่อมานั้นไม่ใช่นพนทีเหมือนครั้งแรก หากแต่เป็นคนที่ทำให้เธอต้องหนีมาอยู่ไกลถึงรีสอร์ทไอรักนี่ต่างหาก ไอลดากัดริมฝีปากแน่น ขณะพยามยามถามตัวเองอย่างรอบคอบว่าควรรับสายหรือเปล่า แต่เมื่อหาข้อสรุปไม่ได้สักที หญิงสาวจึงตัดสินใจกดตัดสาย และปิดเครื่องโทรศัพท์
“อย่าทำให้ไอซ์เกลียดพี่ตะวันกับผึ้งมากไปกว่านี้เลยนะคะ” ไอลดาพึมพำกับตัวเอง และนอนเล่นอยู่บนเตียงจนกระทั่งเผลอหลับไป
เสียงโวยวายที่ดังลั่นบ้าน ปลุกคนที่กำลังนอนหลับอยู่ให้รีบกระวีกระวาดลุกขึ้น นพนทีเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่าง เพื่อหาสาเหตุว่าอะไรทำให้พ่อของเขาโมโหร้ายได้ถึงขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมโวยวายเสียงดังแบบนี้ล่ะพ่อ” นพนทีถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“แกนี่ก็เอาแต่นอนจนไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะนที... แกรู้มั้ยว่าตอนนี้ยัยไอซ์หนีออกจากบ้านไปแล้ว!” คุณธาดาหันมาค่อนขอดลูกชาย ก่อนจะอธิบายเหตุผลให้ฟัง ว่าเพราะอะไรเขาถึงโมโหมากถึงขนาดนี้
“หา! ไอซ์หนีออกจากบ้านเหรอครับ” นพนทีอุทานเสียงดัง
“ก็ใช่น่ะสิ! นี่แม่แกก็เป็นล้มลมพับไปคนนึงแล้ว คราวนี้ก็เหลือแต่ฉัน” คุณธาดาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาสีครีมแรงๆอย่างขุ่นเคือง
อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันหมั้นของไอลดา กับนักบินหนุ่มหล่ออย่าง ‘ภพตะวัน รัตนทรานนท์’ แล้ว แต่จู่ๆลูกสาวของเขาก็มาหายตัวไปอย่างกะทันหัน ซ้ำยังไม่มีข้อความอะไร บอกกล่าวถึงความจำเป็นอีกต่างหาก ติดต่อเข้าโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดจนเมื่อยนิ้วแล้ว แต่ไอลดาก็ยังเอาแต่ปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม
“เมื่อเช้าตอนเจ็ดโมงผมก็โทรหาน้องนะครับ แต่ว่าไม่ยอมรับสาย” นพนทีนึกย้อนไปถึงตอนประมาณเจ็ดโมงเช้า ที่เขาโทรเข้ามือถือของไอลดา หวังจะให้เธอช่วยลงมาเปิดประตูบ้านให้ แต่แม่น้องน้อยกลับตัดสายทิ้งอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน สุดท้ายเขาก็ต้องเรียกให้สาวใช้ปากมากอย่าง ‘จ๋อม’ มาเปิดประตูบ้านให้แทน แถมยังต้องเสียเงินปิดปากไปอีกตั้งหลายร้อยบาท
“นี่แสดงว่าเมื่อคืนแกไม่ได้กลับบ้านอีกแล้วใช่มั้ยนที ถึงได้โทรหาน้องเอาตอนเจ็ดโมงน่ะ” คนเป็นพ่อจับผิดคำพูดของลูกชายได้ ก็รีบทวงถามคำตอบทันที เมื่อเห็นรอยยิ้มแหยของนพนที คุณธาดาก็สรุปได้เองเลยว่าที่เขาพูดไปนั้นเป็นความจริง
“ไอ้ลูกบ้าเอ้ย!” คุณธาดาสบถเสียงดัง ก่อนจะปาหมอนใส่ลูกชาย ทว่าคนว่องไวอย่างนพนทีกลับหลบได้ทัน ถึงแม้จะหวุดหวิดไปบ้างก็ตาม
“โธ่พ่อ...อย่าเพิ่งมาว่าผมตอนนี้สิครับ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าน้องหายไปไหน” นพนทีเปลี่ยนเรื่องเพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง คุณธาดาก็ยังไม่อยากเอาความกับเขาในเวลานี้เหมือนกัน เพราะการหายตัวไปของไอลดานั้นสำคัญมากที่สุด
“เฮ้อ...พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไอซ์ถึงทำแบบนี้” คนเป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายด้วยสีหน้าติดกังวล นพนทีก้มลงคว้าหมอนที่วางอยู่บนพื้นมากอดไว้แนบอก ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆคุณธาดาอย่างระแวดระวัง
“ไอซ์อาจจะไม่อยากแต่งงานกับไอ้ตะวันก็ได้นะพ่อ” คำพูดของนพนทีทำให้คุณธาดารีบหันไปมอง
“พ่อว่าไม่ใช่แน่ๆ แกเองก็รู้นี่นาว่าน้องรักพ่อตะวันมากขนาดไหน รายนั้นน่ะทั้งหล่อทั้งรวย แถมยังนิสัยดีอีก ผู้หญิงคนไหนก็อยากได้มาทำสามีทั้งนั้นแหละ” คำพูดตรงไปตรงมาของคุณธาดา ทำให้นพนทีชักหน้าตึงขึ้นมาตงิดๆ
ความจริงแล้วเขาเองก็เป็นพี่ชาย ที่หวงน้องสาวมากเอาการเลยทีเดียว พอมาได้ยินบิดาพูดราวกับไอลดาเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่นิยมชมชอบไล่ตามผู้ชายที่หล่อๆรวยๆแล้ว ชายหนุ่มก็อดคิดถึงคู่ควง ที่เปลี่ยนแทบทุกสามวันของเขาขึ้นมาไม่ได้ แต่ที่เขามั่นใจที่สุดคือไอลดารักภพตะวันด้วยความจริงใจ ไม่ใช่เพราะคลั่งไคล้ในสิ่งที่ไม่จีรังยังยืนของมนุษย์ อย่างรูปร่างหน้าตา หรือฐานะ
“ผมว่าเราอย่ามาเดาอะไรกันเองเลยดีกว่านะครับพ่อ ผมจะไปตามหาน้องเอง...ยัยไอซ์คงหนีไปนอนบ้านเพื่อนคนใดคนหนึ่งนั่นแหละครับ รายนั้นน่ะไม่กล้าไปไหนไกลๆคนเดียวอยู่แล้ว” นพนทีเสนอความคิดที่ดีกว่าการนั่งคาดเดาไปเรื่อยเปื่อย คุณธาดาเองก็พยักหน้าเร็วๆ อย่างเห็นด้วยเช่นกัน
“งั้นแกก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเลยไอ้ลูกชาย วันนี้ถ้าตามหาน้องไม่เจอ ห้ามกลับบ้าน!”
”โอเคเลยครับ ถ้าผมหาน้องไม่เจอ ผมจะไม่กลับมาบ้านเลย” นพนทีตอบรับอย่างร่าเริง เพราะความต้องการเดียวของเขาก็คือสิ่งนี้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรจะสนุกสนานได้เท่าการเที่ยวกับสาวสวยช่างเอาใจจนถึงเช้าหรอก ชายหนุ่มส่งยิ้มให้บิดาอีกครั้ง ก่อนจะพาร่างสูงโปร่งได้สัดส่วน เดินกึ่งวิ่งขึ้นไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวทันที
ภพตะวันพยายามโทรศัพท์หาไอลดาอยู่เกือบตลอดทั้งวัน แต่เธอก็ยังไม่ยอมเปิดเครื่องหรือโทรกลับหาเขา ชายหนุ่มเอนกายพิงโซฟาตัวยาวในห้องรับแขก พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก เพราะตอนนี้ไอลดากำลังเข้าใจเขาผิด
เมื่อวันก่อนเขาบอกกับไอลดา ว่าจะไปพาเธอออกมารับประทานอาหารเย็นข้างนอกด้วยกัน แต่เมื่อถึงเวลานัด ‘ภัสสร’ เพื่อนสนิทของไอลดาก็มาหาเขาที่บ้านเสียก่อน ภัสสรแอบชอบเขา มาตั้งแต่ตอนนี้ที่เขากับไอลดาเพิ่งคบกันใหม่ๆ แต่ภพตะวันไม่ได้คิดกับเธอมากไปกว่าน้องสาว พอภัสสรรู้ว่าเขากำลังจะหมั้นกับไอลดา ก็ไม่พอใจมาก และพยายามขอร้องให้เขาเปลี่ยนใจ
ภพตะวันปฏิเสธสิ่งที่ภัสสรขอร้อง ก่อนจะบอกอย่างชัดเจนว่าผู้หญิงที่เขารัก และจะแต่งงานด้วยนั้นมีเพียงแค่ไอลดาเท่านั้น ภัสสรเริ่มร้องไห้เมื่อฟังทุกอย่างจนจบ เธอโถมตัวเข้ากอดรัดเขารวดเร็ว จนส่งผลให้ล้มลงไปนอนอยู่บนโซฟาด้วยกันทั้งคู่ ภัสสรเป็นฝ่ายนอนทับอยู่บนตัวภพตะวัน และริมฝีปากของทั้งคู่แนบชิดกันด้วยความบังเอิญ ช่างโชคร้ายเหลือเกิน ที่ไอลดาเข้ามาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
เธอไม่ยอมฟังเขาอธิบายเลยแม้แต่คำเดียว…
“คุณตะวันคะ มีแขกมาขอพบค่ะ” สาวใช้วัยกลางคนเดินเข้ามาบอกชายหนุ่มในห้องรับแขก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยถามว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นใคร ร่างบอบบางจนเกือบผอมของเธอ ก็ถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในเสียก่อน
“ผึ้ง...” ภพตะวันพึมพำชื่อเธอ ขณะที่เจ้าตัวรีบรุดเข้ามานั่งข้างเขา ราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“ทำไมพี่ตะวันทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ ไม่ดีใจเหรอที่ผึ้งมาหา” ภัสสรเอนศีรษะซบไหล่กว้างอย่างสนิทสนม แต่ชายหนุ่มกลับเป็นฝ่ายลุกขึ้น และถอยหลังออกห่างเธออย่างนุ่มนวล
“ผึ้งไม่ควรทำแบบนี้นะ มันไม่เหมาะสมหรอก” เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง
“ทำไมถึงไม่เหมาะสมล่ะคะ ในเมื่อผึ้งรักพี่ตะวันนี่นา ผึ้ง...”
“ผึ้ง! หยุดพูดจาไร้สาระแล้วก็กลับบ้านไปเถอะ วันนี้พี่ปวดหัว...ไม่อยากรับแขก” ภพตะวันเผลอตวาดเสียงดัง เพราะเขาไม่อยากได้ยินคำพูดอะไรจากปากของภัสสรอีก ชายหนุ่มตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องรับแขก แต่ภัสสรรั้งเขาไว้ ด้วยการวิ่งเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง
“อย่าเพิ่งไปสิคะ อยู่กับผึ้งก่อนนะ”
“ปล่อยพี่เถอะผึ้ง” ภพตะวันหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เมื่อเห็นว่าภัสสรไม่ยอมคำตามที่บอก ชายหนุ่มจึงดึงมือบางที่เกาะอยู่ตรงเอวออกอย่างไม่เบามือนัก
“อย่าไปนะคะพี่ตะวัน! กลับมาคุยกับผึ้งก่อนสิ...กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” ภัสสรร้องตะโกนเรียกเจ้าของร่างสูงกำยำอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่าเขาก็ไม่ยอมหยุดฝีเท้า จนกระทั่งหายออกไปจากห้องรับแขกในที่สุด
ภพตะวันเดินขึ้นไปพักสมองอันว้าวุ่นของเขา ในห้องนอนส่วนตัวที่ชั้นบน ส่วนภัสสรเองก็จำต้องยอมกลับไปแต่โดยดี เพราะต่อให้เธอจะร้องเรียก หรือโวยวายเสียงดังขนาดไหน ภพตะวันก็ไม่มีทางยอมกลับมาหาเธอแน่
เสียงรถที่แล่นออกไปจากบ้านรัตนทรานนท์ด้วยความเร็วสูง ทำให้ภพตะวันถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายอีกครั้ง ชายหนุ่มจัดการเปลื้องเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากเรือนกาย ก่อนจะเดินไปเข้าไปในห้องน้ำ หวังจะใช้ความเย็นของมัน ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด
ร่างสูงยืนหลับตาสนิทอยู่ภายใต้ฝักบัว ที่กำลังปล่อยน้ำเย็นรดลงบนศีรษะ และลำตัวของเขา แต่เมื่อความว้าวุ่นในใจนั้นไม่ได้ลดลงบ้างเลย ภพตะวันจึงหาทางระบายมัน ด้วยการปล่อยหมัดหนักๆเข้าที่ผนังห้องน้ำหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเลือดสีแดงสดเริ่มซึมออกมาจากหลังมือ
“ทำไมไม่ยอมฟังพี่บ้างเลยน้องไอซ์ คนรักกันควรจะเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ!” ชายหนุ่มตะโกนเสียงดัง ขณะแหงนหน้าขึ้น ให้น้ำเย็นเฉียบไหลรดใบหน้าคมตรงๆ
เลือดจากหลังมือหยดลงบนพื้นห้องน้ำ จากนั้นก็ถูกสายน้ำจากฝักบัวชะล้างอยู่อย่างนั้น ถึงแม้ว่าภพตะวันจะเริ่มรู้สึกปวดหนึบๆ และแสบแผลขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำอีกพักใหญ่ จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เขาจึงยอมพาตัวเองเดินกลับออกมาแต่งตัว
ในเมื่อไอลดาตัดขาดการติดต่อไปแบบนี้ เขาก็จะเป็นฝ่ายออกตามหาเธอให้พบเอง
