บทที่ 2.จบตอน
เสียงกุกกักๆ และเสียงพูดคุยเบาๆ อยู่ด้านนอกทำให้นิโคลัสลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่นึกสงสัยว่าคนของเขากำลังทำอะไรอยู่หรือมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่ชอบมาพากลแต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามารายงานเขา
“นายออกไปดูสิมิตร ว่ามีอะไร” เขาบอก มิตร บอดีการ์ดประจำตัวอีกคนซึ่งอยู่ในห้องกับเขา พอมิตรออกไปข้างนอกได้ไม่ถึงนาทีก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมด้วยหญิงสาวในชุดที่ทำให้เลือดร้อนๆ ในกายเขาเดือดพล่านได้อย่างไม่น่าเชื่อ เดรสสั้นเกาะอกสีทองอร่ามเนื้อผ้าวาวระยับแนบไปกับเรือนร่าง ที่ทำให้ผู้ชายคลั่งได้เพียงแค่มอง ทรวงอกกลมกลึงอวบอัด เอวเล็กคอดอย่างไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงจะมีเอวคอดได้ขนาดนี้กับสะโพกมนรับกันอย่างเหมาะเจาะ เรียวขาเสลาเนียนละเอียดไม่ต้องพึ่งพาถุงน่องแต่ย่างใดนั้นเรียวได้รูป และเขาเห็นว่าเธอมีเรียวขาที่สวยมาก... สวยกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยเจอ แม้แต่พิมพ์อักษรคู่หมั้นของเขาก็ไม่ได้มีเรียวขาที่เรียวยาวเสลาเช่นนี้ และแม้ว่าจะไม่เห็นหน้าเธอชัดๆ เพราะผู้หญิงคนนั้นกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับรองเท้าส้นสูงสีเดียวกันกับชุดคู่นั้นของเธอ แต่มันก็สั่นคลอนความเข้มแข็งของเขาไปแล้ว...
“นี่อะไร...”
“เอ่อ.. คือ ผมเจอเธอกำลังนั่งแหมะอยู่กับพื้นลุกไม่ขึ้นครับ เธอน่าจะข้อเท้าพลิกจากการสะดุดรองเท้าที่ใส่ ผมกำลังพยายามช่วยเธอ” ไม้ ซึ่งเป็นคนที่ยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่หน้าห้องรับรองบอกขณะพยุงร่างบอบบางของหญิงสาวปริศนาไว้เพราะเธอจะล้มลงไปกับพื้นเนื่องจากอาจจะยืนไม่ไหว
“พาเธอไปนั่งที่โซฟาสิ เธอไม่ใช่นางนกต่อมาสอดแนมหรอกหรือ” เขาหันไปถามมิตร
“ไม่ครับ ผมเช็คอย่างละเอียดแล้วครับ เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานแผนกบัญชีครับ เธอมาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย พอดีแยกจากเพื่อนในแผนกมาเข้าห้องน้ำแล้วเกิดข้อเท้าพลิกหน้าห้องเจ้านายพอดี”
มิตรบอกรายละเอียดคราวๆ พร้อมข้อมูลที่หาได้อย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาถูกฝึกมาให้ทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อความปลอดภัยในทุกๆ ด้านของผู้เป็นนาย นิโคลัสพยักหน้าแล้วเดินไปดูหน้าเธอชัดๆ พอดีกับหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าภายใต้กรอบเรือนผมยาวสลวยที่ปรกติจะถูกรวบรัดอย่างง่ายๆ ถูกดัดลอนใหญ่ทำให้ใบหน้าซึ่งดูเรียบๆ จืดๆ ของเธอโดดเด่นขึ้นมา ดวงตากลมโตที่ถูกตบแต่งอย่างงดงามคมเฉียบแก้มสาวแดงปลั่งราวมะเขือเทศสุกที่ไม่แน่ใจนักว่ามันแดงเพราะบลัชออนหรือเพราะเลือดในกายสาวกำลังเดือดพล่านหวั่นไหว และริมฝีปากสีส้มอมชมพูระเรื่อที่เผยอค้างอย่างลืมตัวนั้นช่างดูยั่วยวนเชิญชวน โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำให้คนมองตกตะลึงในความเย้ายวนของตนมากแค่ไหน...
ในขณะเดียวกันเมื่อดวงตาคมเข้มสีน้ำเงินสบกับดวงตาสีแวววาวสุกใสหวานซึ้งที่ฉายแววหวาดหวั่นเล็กน้อยนั้น หัวใจแกร่งของนิโคลัสก็กระตุกสะดุดลมหายใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มรีบปรับสีหน้าและร่างกายที่เครียดเขม็งให้เป็นปรกติ ดีที่ว่าเขาเป็นคนที่ควบคุมตัวเองได้ดีเยี่ยมความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและสีหน้าของเขาจึงเรียบเฉยไม่มีอะไรที่ผิดสังเกต ในขณะที่เฌอปรางนั่งใจสั่นหวิวหน้าแดงปลั่งทั้งขัดเขินตื่นเต้นที่ได้เจอเขา ดาราหนุ่มที่เธอเคยใฝ่ฝันว่าจะเจอกับเขาตัวเป็นๆ เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว
ตอนนี้เมื่ออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก นิโคลัสดูน่ากลัวมากกว่าจะน่าชื่นชม...
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เฌอปรางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก ตอนนี้เธอรู้สึกคอแห้งเหลือเกิน...
“เธอมาทำอะไรที่นี่... ฉันหมายถึงโซนนี้” เสียงห้าวทุ้มที่เธอเคยได้ยินในทีวีหรือภาพยนตร์ช่างเยือกเย็นไม่เห็นจะอบอุ่นเหมือนในบทบาทที่เขาแสดงเลยแม้แต่น้อย แต่น้ำเสียงที่พูดภาษาไทยชัดเจนนั้นทำให้เฌอปรางพอได้ชื่นชมเขาอยู่บ้าง แม้ว่ามันจะทำให้เธอแทบอยากจะหายตัวไปในตอนนี้ ดวงตาของนิโคลัสเข้มจัดจนเธอไม่อาจจะทนสบสายตาเขาได้ เพราะทำให้เธอรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวจับไข้
เราคิดผิดรึเปล่านะที่รับงานนี้... เฌอปรงถามตัวเองในใจอย่างหวาดหวั่น
“เอ่อ คือ... คือประ ปราง...”
“เธอเป็นพวกติดอ่างหรือ”
“ปละ เปล่านะคะ แต่ปรางเอ่อ...” ยิ่งเขาคาดคั้นก็ยิ่งตื่นตระหนกจนแทบทำอะไรไม่ถูก
“เธอชื่อปรางหรือ ปรางอะไร แล้วมาทำอะไรที่นี่...”
ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงหนักๆ ดวงตาเข้มขึ้นกอดอกมองเธอเขม็ง ซึ่งร่างสูงใหญ่นั้นข่มให้ร่างเล็กๆ ที่สูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตรเล็กจ้อยราวมนุษย์ตัวน้อยกับยักษ์ใหญ่ตัวโต
เฌอปรางหายใจเข้าปอดลึกๆ ขบริมฝีปากล่างที่อวบอิ่มของตนแน่นข่มความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่ข้อเท้าที่มีมากขึ้น ซึ่งการกระทำของเธอมันทำให้ทรวงอกอวบใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เกาะอกสีทองอร่ามนั้นไหวกระเพื่อมเพราะแรงหายใจของเธอนั้น ทำให้ลมหายใจของนิโคลัสสะดุดอีกรอบ ผิวขาวลออภายใต้ชุดรัดรึงนั้นดูเนียนนุ่มน่าสัมผัสยิ่งนัก
ให้ตายเถอะ เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องการเธอ เขาลืมพิมพ์อักษรไปชั่วขณะได้อย่างไร... เธอเป็นนักศึกษาฝึกงาน เขาไม่ควรคิดกับเธอแบบนั้น ชายหนุ่มกัดกรามข่มความต้องการบางอย่างลงอย่างยากลำบาก
“เอ่อ.. ชื่อเฌอปรางค่ะ พอดีมาเข้าห้องน้ำเห็นว่ามันใกล้ห้องประชุมใหญ่แล้วเอ่อ...”
“อะไร” เขาถามเหมือนตะคอก นึกชมว่าเธอมีชื่อที่ไพเราะน่ารักสมชื่อ
“เอ่อ.. คือ ปรางเขินค่ะ ถ้าจะเข้าไปในงานเลี้ยงด้วยชุดนี้เลยขอพี่ลิลลี่มาเข้าห้องน้ำทำใจก่อนแต่พอดีว่าปรางสะดุดขาตัวเองล้มจนข้อเท้าแพลงค่ะ... ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”
เธอตอบหน้าแดงจัดแล้วยกอดตัวเองไว้เมื่อรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ชุดที่เธอใส่มันก็วาบหวิวอยู่แล้วยิ่งมาเจอสายตาเย็นๆ ของเขายิ่งรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย โอย ปรางเธอจะรอดไหมเนี่ย... เฌอปรางคิดในใจ
“แค่นั้นหรือ”
“ค่ะ แค่นั้นจริงๆ ค่ะ เอ่อ.. ถ้าอย่างนั้นปรางขอตัวนะคะหายมานานแล้วเดี๋ยวพี่ลิลลี่ตามหา อุ้ย...”
เธอบอกเขาลนลานพร้อมจะลุกขึ้นแต่ความเจ็บจี๊ดที่ข้อเท้าทำให้เสียการทรงตัวร่างบางจึงเซน้อยๆ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงรีบเข้ามาประคองไว้โดยสัญชาติญาณ
กลิ่นหอมจางๆ ทว่าจรุงใจอย่างที่เขาไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้จากหญิงสาวคนไหนที่เคยผ่านมามันกระตุ้นความรู้สึกให้พลุ่งพล่านจนอยากดอมดมกลิ่นกายสาวเสียนัก ผิวเนียนละเอียดที่เขาได้สัมผัสนั้นเย็นเฉียบและนุ่มละมุนอย่างที่เขานึกจินตนาการไว้จริงๆ นิโคลัสก้มมองใบหน้าที่แหงนเงยมองเขาตาโตด้วยความตระหนก ริมฝีปากอวบอิ่มเต็มตึงซึ่งเผยอน้อยๆ อย่างลืมตัวนั้นสั่นระริกเสมือนชวนเชิญ
และให้ตายเถอะ เธอมีริมฝีปากที่น่าจุมพิตเหลือเกิน... นิโคลัสรู้สึกเหมือนว่าเลือดในกายของเขามันเดือดปุดๆ ขึ้นมาทันที...
“เธอไม่ได้เข้ามาเพื่อยั่วยวนฉันใช่ไหม... เฌอปราง”
นิโคลัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงพร่าเล็กน้อย โน้มใบหน้าใกล้เข้ามามากขึ้น เธอมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เขายากที่จะหักห้ามใจ
“ปละ เปล่านะคะ ปราง เอ่อ ปรางขอตัวนะคะ คุณนิโคลัส”
เฌอปรางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอเมื่ออยู่ใกล้ชิดเขาแบบนี้ และยังได้เห็นถึงความหล่อเหลากระชากใจของเขาชัดเจน ทั้งภาพ เสียง และความรู้สึก มันคมชัดเกินกว่าจะบรรยาย และสิ่งที่เห็นในจอโทรทัศน์ไม่อาจจะเทียบได้เลยกับการเจอเขาตัวเป็นๆ
“ขอบใจที่ยังจำชื่อฉันได้”
“ปะ ปล่อย... เถอะค่ะปรางจะไปแล้ว...”
เธอบอกเขาเบาๆ รู้สึกขัดเขินขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อรู้ตัวว่าตนตกอยู่ในอ้อมกอดของเขา ร่างสาวที่มีเพียงผ้าบางแนบเนื้อขวางกั้นนั้นทำให้เธอสัมผัสกับร่างแกร่งของเขาอย่างถนัดถนี่และรู้สึกถึงอย่างที่เคลื่อนไหวเบาๆ ชิดหน้าท้องแบนราบที่ทำให้รู้สึกร้อนวูบๆ วาบๆ ราวมีอะไรหมุนวนอยู่ในท้องน้อย
แต่แทนที่จะได้เป็นอิสระจากอ้อมแขนแข็งแรงกลับกลายเป็นว่า เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น แล้วมือแกร่งของเขาก็สอดไซ้เข้ามาในพวงผมสลวยตรึงใบหน้าที่แหงนเงยของเธอไว้แล้วก้มลงมาอย่างรวดเร็ว เฌอปรางตะลึงงันและนิ่งอึ้งไปเมื่อริมฝีปากหนาอวบอิ่มของตนถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของชายหนุ่มที่เคยเห็นแต่จอภาพยนตร์และจอโทรทัศน์...
เขากำลังจูบเธออยู่... โอ... เป็นไปไม่ได้
สาวน้อยไร้เดียงสาคิดอย่างมึนงง สมองน้อยๆ เหมือนมีกลุ่มควันขาวๆ ลอยล่องอยู่เต็มไปหมด หูก็อื้ออึงไม่ได้ยินเสียงอะไร นอกจากเสียงหัวใจของตนที่เต้นตุบตับๆ ดังกึกก้องจนกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเสียงหัวใจของเธอ...
