บทที่ 5 เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด
“ต่อไปห้ามคุยกับผู้หญิงอื่นต่อหน้าอลิสอีกนะ มาร์ค” อลิสออกคำสั่งตามประสาคนเอาแต่ใจ
“ผมว่าคุณน่าจะรู้จักนิสัยผมดีนะอลิส จริงอยู่ที่ตอนนี้คุณเป็นคู่ควงของผม แต่ผมก็สามารถทำให้คุณกระเด็นออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นอย่าเข้ามาวุ่นวายและทำตัวเป็นเจ้าชีวิตผม คุณกลับไปก่อนเถอะ”
มาร์ตินเริ่มแสดงท่าทางไม่พอใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอไม่ไว้หน้าเขา ไม่ว่าเขาจะคุยกับผู้หญิงคนไหน ก็มักจะถูกเจ้าหล่อนหักหน้าทุกครั้งไป
“ทำไมล่ะมาร์ค ไล่อลิสตลอดเลย อลิสก็มีหัวใจเหมือนกัน”
เธอโต้กลับไปด้วยความไม่พอใจเช่นกัน ทั้งๆ ที่ผู้ชายคนอื่นต่างก็อยากควงเธอ แต่ผู้ชายตรงหน้านี่สิ ทำราวกับเธอไม่มีความรู้สึก ทั้งๆ ที่เธอมอบหัวใจให้เขาไปหมดทั้งดวง อย่าหวังเลยว่าจะยอมเดินออกไปจากชีวิตเขาง่ายๆ
“เราเคยคุยกันเรื่องนี้ตั้งแต่แรกแล้วนะอลิส คุณเป็นแค่คู่ควง ไม่ใช่เมีย!”
มาร์ตินเน้นคำว่า ‘เมีย’ ให้เธอรู้สึกอย่างชัดเจนก่อนจะพูดต่อ
“ผมจะกลับคอนโดฯ ไว้คุณสงบสติอารมณ์ได้เมื่อไหร่ เราค่อยเจอกัน”
“มาร์ค กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องนะคะ”
คุณอาจจะเดินหนีอลิสได้ในวันนี้ แต่จำไว้แล้วกันว่าคนอย่างอลิสไม่มีวันยอมแพ้
นางแบบสาวคาดโทษในใจ ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันทิ้งเธอได้
“อุ๊ย...นี่คุณอลิสใช่ไหมคะ ตัวจริงสวยมากเลยค่ะ ขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ”
แฟนคลับที่ติดตามผลงานของเจ้าตัว ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความยินดีเมื่อได้เจอกับนางแบบและนักแสดงสาวในดวงใจจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปขอถ่ายรูปคู่ด้วย
“ถ่ายบ้าบออะไร ฉันไม่มีอารมณ์ยิ้มหรอกนะ”
อลิสที่ใครๆ ต่างก็คิดว่าทั้งสวยทั้งน่ารักเวลาตอบคำถามสื่อมวลชน แต่บัดนี้กำลังกลายร่างเป็นนางยักษ์ ทั้งเหวี่ยงทั้งวีนจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด
“อ้าว! ไม่ให้ถ่ายก็บอกกันดีๆ สิคุณ ดังได้ก็ดับได้เหมือนกันนะ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ไม่น่าติดตามผลงานให้เสียเวลา โธ่เอ๊ย! เสียอารมณ์ติ่งจริงๆ”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ไปกันเถอะแก สวยแต่รูป”
แฟนคลับทั้งสองคนพูดกระแทกใส่ให้ได้ยิน หมดความชื่นชมในตัวจนสิ้น
“นี่! พวกหล่อนคิดว่าฉันจะง้อเหรอ เสียอารมณ์เหมือนกันแหละย่ะ วันนี้มันวันอะไรเนี่ย คอยดูนะ อลิสจะไม่มีวันโดนทิ้งไปตลอดหรอก ไม่มีวัน!”
หญิงสาวสบถด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง เมื่อถูกละเลยความสนใจ เธอต้องมีแต่คนมารุมรักเท่านั้น
นลินดารีบกลับบ้านด้วยอารมณ์ที่ยังไม่จางหายกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ระหว่างทางก็คิดหาทางมาตลอดเรื่องหาเงินมาคืนเขาให้เร็วที่สุด เธอและมารดาจะได้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ แบบนี้เสียที
“คุณแม่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ?”
หญิงสาวถามและเดินตรงเข้าไปกอดร่างของมารดา เมื่อเห็นว่าท่านเพิ่งเดินออกมาจากในครัวทั้งที่เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว
“แม่ทำขนมอยู่น่ะลูก พอดีมีลูกค้าโทรมาสั่งเมื่อตอนกลางวัน”
การใช้ฝีมือที่มีติดตัวมา ถือเป็นการหารายได้มาจุนเจือครอบครัวในช่วงเวลานี้
“มีอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย?”
อัญมณีถามด้วยความเป็นห่วงและลูบผมลูกสาวไปด้วย
“คือว่า...นาตัดสินใจแล้วนะคะคุณแม่ นาจะดรอปเรียนเอาไว้ก่อน แล้วออกมาหางานทำช่วยคุณแม่ค่ะ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกสาวบอก คนเป็นแม่ก็ดันร่างบางออกและส่งเสียงคัดค้านทันที
“ไม่ได้นะลูก”
“คุณแม่อย่าห้ามเลยนะคะ นาทนเห็นคุณแม่ลำบากคนเดียวต่อไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ ถึงเรียนต่อก็คงไม่มีสมาธิแน่ๆ”
ท่านฟังถึงตรงนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย แต่เห็นใบหน้าจริงจังและน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของคนเป็นลูกก็ทำให้นางใจอ่อน
“แม่ไม่อยากให้หนูทิ้งการเรียน”
“ไว้นาไปเรียนใหม่อีกครั้งก็ได้ค่ะ ตอนนี้เราสองคนช่วยกันผ่านตอนนี้ไปก่อน นาจะกลับไปเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ จริงไหมคะคุณแม่” หญิงสาวส่งยิ้มให้มารดาคลายกังวลและหมดห่วง
“แล้วหนูจะไปทำงานอะไรล่ะลูก”
“นาทำได้ทุกอย่างค่ะคุณแม่ ไม่คิดจะเลือกงานอยู่แล้ว”
“ลูกแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้จริงๆ”
อัญมณีถามย้ำอีกครั้ง
“แน่ใจค่ะ ให้นาแบ่งเบาภาระคุณแม่นะคะ”
ผู้ให้กำเนิดยิ้มกลับไป และพยักหน้าด้วยความซึ้งใจ หากลึกๆ แล้วก็ยังอดเสียดายไม่ได้ แต่สุดท้ายความตั้งใจจริงของคนตรงหน้าก็ทำให้จำต้องยอม
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ นารักคุณแม่นะคะ”
นลินดาโผเข้าหาอ้อมกอดของมารดาอีกครั้ง เวลานี้กำลังใจจากคนที่รักสำคัญที่สุด และเธอจะไม่มีวันทำให้ท่านต้องเสียใจเด็ดขาด
“แม่ก็รักหนูลูก”
“อะไรนะคะ! ขนมของดิฉันมีอะไรบกพร่องตรงไหน บอกได้เลยค่ะ ดิฉันพร้อมจะนำไปปรับปรุงให้ดีกว่านี้”
อัญมณีถามด้วยความร้อนใจ เมื่อจู่ๆ ร้านค้าที่เคยรับขนมเป็นประจำบอกว่าจะไม่ขอรับขนมมาวางที่ร้านอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่
“ค่ะ...คุณอัญ เห็นใจดิฉันเถอะนะคะ พอดีว่ามีลูกค้าติมาอีกทีน่ะค่ะ”
เจ้าของร้านปด ความจริงไม่มีลูกค้าคนไหนติติงมาเลยสักนิด แต่เป็นเพราะเห็นว่าขนมขายดีจึงมีความคิดที่อยากจะทำแล้ววางขายเองที่ร้านมากกว่า
“แล้วมีปัญหาตรงส่วนไหนคะ ดิฉันจะรีบนำไปปรับปรุงแก้ไขให้”
“อย่าทำให้ดิฉันลำบากใจเลยนะคะคุณอัญ เอาเป็นว่าดิฉันของดรับไปก่อนแล้วกันนะคะ”
เมื่อคำขอร้องดูท่าว่าจะไม่เป็นผล อัญมณีก็ถอดใจและตัดใจที่จะอ้อนวอนขอร้องอีกต่อไป
“ดิฉันเข้าใจค่ะ ยังไงก็ขอบคุณคุณยุ้ยมากนะคะ ที่ก่อนหน้านี้กรุณารับขนมมาวางขายให้ตลอด” หญิงสูงวัยกล่าวขอบคุณลูกค้าที่เรียกได้ว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ก็ว่าได้ เพราะมินิมาร์ทแห่งนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดในแถบชุมชนที่อาศัยอยู่
“ไม่โกรธกันนะคะคุณอัญ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ดิฉันขอตัวไปส่งขนมที่อื่นก่อน”
“ค่ะ ยังไงไว้ใกล้วันเกิดลูกสาว ดิฉันจะสั่งเค้กจากคุณอัญนะคะ” เจ้าของร้านเอ่ยปลอบใจส่งๆ
“ขอบคุณมากค่ะ”
