บทที่ 1
มือบางทิ้งมีดปลายแหลมลงข้างตัวแล้วคว้ามือถือที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาโทรหาใครบางคน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปเธอคิดมาหลายรอบแล้วว่ามันเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับเธอ ถึงแม้คนอื่นจะมองว่าการกระทำแบบนี้มันเป็นเรื่องสิ้นคิด แต่ถ้าใครไม่ได้มายืนอยู่ตรงจุดที่เธอยืนอยู่ก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าความเจ็บปวดเจียนตายมันเป็นยังไง ต่อให้ใครจะฉุดรั้งยังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจจากเส้นทางที่เธอเลือกเดินครั้งนี้
เสียงรอสายดังขึ้นไม่กี่ครั้งก็ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกกลั้นก้อนสะอื้นที่แล่นขึ้นมากระจุกอยู่ที่คอด้วยความยากลำบาก ก่อนจะตอบกลับปลายสายไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วริน เขาไม่รักฉัน เขาโกหกฉัน ฮือๆ...”
“เป็นอะไรแคลลี่ ใครทำอะไรเธอ” เสียงหวานถามอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเมื่อได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือของเพื่อนสาว
“เขาทิ้งฉันไปแล้ว เขาทิ้งฉัน เขาไม่รักฉัน ฮือ..ฉันอยากตาย”
“ใครทิ้งเธอแคลลี่ เธออยู่ไหน”
“ฮือๆ...ฉัน...ขอโทษ ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“แคลลี่ แคลลี่” เสียงหวานตะโกนใส่มือถือจนเป็นที่สนใจของคนรอบข้าง โดยเฉพาะคริสที่ดีดตัวลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปหาร่างบางทันทีด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันต้องไปหาแคลลี่เดี๋ยวนี้” มือบางปัดมือช่างแต่งหน้าที่กำลังตั้งใจลบเครื่องสำอางให้เธอออก ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าตัวเองวิ่งออกจากห้องแต่งตัวไปทันที
“เดี๋ยวก่อนริน เกิดอะไรขึ้นกับแคลลี่ ทำไมถึงต้องรีบขนาดนี้” คริสถามรรินเมื่อวิ่งตามมาถึงลานจอดรถ
“ฉันไม่รู้ แต่ฉันต้องไปหาแคลลี่ให้เร็วที่สุดก่อนที่เธอจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป”
“งั้นผมขับเอง” คริสแย่งกุญแจรถในมือรรินมาถือไว้แล้วขึ้นรถไปพร้อมกัน
รถยนต์คันหรูมุ่งหน้าไปยังแมนชั่นหรูย่านชานเมืองมหานครนิวยอร์ก ไม่นานทั้งสองก็มาถึงห้องพักของแคลลี่ที่อยู่ชั้นบนสุดของแมนชั่น รรินที่กระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงเคาะประตูเรียกเพื่อนสนิทหลายครั้งแต่ก็ไร้เสียงตอบรับจนคริสต้องลงไปขอกุญแจสำรองจากผู้ดูแลข้างล่างขึ้นมาเปิดประตู
รรินรีบผลักประตูเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเมื่อคริสตามผู้ดูแลแมนชั่นขึ้นมาเปิดประตูได้ ร่างบางวิ่งตรงเข้าไปในห้องนอนหวังจะพบแคลลี่อยู่ในห้องนั้นแต่กลับพบแต่ความว่างเปล่า
“แคลลี่! แคลลี่!”
เสียงร้องด้วยความตกใจของคริสทำให้รรินต้องรีบวิ่งออกจากห้องนอนไปตามเสียง ก่อนจะตกใจกับร่างไร้สติของแคลลี่ที่นอนอยู่บนพื้นในห้องครัว
“แคลลี่!แคลลี่!” รรินรีบผวาเข้าไปหาร่างเพื่อนสาวที่ถูกคริสพยุงตัวขึ้นมานอนบนตัก
เลือดสีแดงฉานเปรอะเปื้อนพื้นกระเบื้องสีขาวและเสื้อผ้าจนน่ากลัว โดยเฉพาะข้อมือบางข้างซ้ายที่มีรอยกรีดเป็นเส้นตรงเต็มไปด้วยคราบเลือดมากกว่าที่อื่นเป็นเท่าตัว จนกลัวว่าแคลลี่จะเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมากเกินไป
ความหวาดกลัวทำให้รรินร้องไห้ไม่หยุด เธอไม่รู้จะทำยังไงต่อดีกับเหตุการณ์ตรงหน้ามันเหมือนกับสมองของเธอหยุดสั่งการไปแล้วเมื่อห้านาทีก่อน ปล่อยให้คริสและเจ้าหน้าที่ดูแลแมนชั่นที่ตามขึ้นมาจัดการห้ามเลือดที่ข้อมือแคลลี่จนเสร็จ แล้วจึงวิ่งตามไปขึ้นรถตัวเองไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพราะทนรอรถพยาบาลที่ยังมาไม่ถึงที่เกิดเหตุไม่ไหว
“ไม่เป็นไร แคลลี่ต้องไม่เป็นไร” เสียงทุ้มกอดปลอบประโลมร่างเล็กที่ยังคงหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย เขารู้ว่ารรินเป็นห่วงเพื่อนสนิทคนนี้มากขนาดไหนเพราะทั้งวงการไม่เคยมีใครดีกับเธอเท่ากับแคลลี่อีกแล้ว
“ทำไม ฮือ..มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแคลลี่ต้องทำแบบนั้นด้วย”
“ผมก็ไม่รู้”
ถึงแม้เขาจะทำหน้าที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของทั้งสองคน แต่เขาก็ไม่สามารถรู้ทุกเรื่องของทุกคนในสังกัดได้อันที่จริงเขาแทบไม่รู้เรื่องอะไรของทั้งสองคนมากมาย โดยเฉพาะรรินที่ค่อนข้างหวงตัวกับทุกคนแต่นั่นกลับเป็นเสน่ห์ของเธอที่ทำให้เขาหลงใหล
คริสมองร่างบางในอ้อมกอดรรินคงตกใจมากจริงๆ ถึงได้ยอมให้เขากอดอยู่อย่างนี้ หากเป็นสถานการณ์ปกติไม่มีทางที่เขาจะได้กอดเธอนอกจากกอดทักทายเท่านั้น
