บทที่ 2 (ต่อ)
สิ้นเสียง ทิศทางประตูก็ปรากฎหญิงสาวร่างเพรียวระหงก้าวเข้ามา ร่างบอบบางในชุดสีดอกกุ้ยฮวา สีชุดส่งเสริมให้ใบหน้าออกกลมดูเปล่งปลั่งสดใส ยามยิ้มมีลักยิ้มเล็กขึ้นกลางแก้ม นางย่อคารวะผู้อาวุโสทั้งสอง
…โดยรวมถือว่าเป็นหญิงสาวน่ารักนางหนึ่ง ประกอบกับน้ำเสียงใสดุจระฆังทำให้คนได้ยินพากันนึกเอ็นดู
“ลุกเถอะหลานรัก"
ฮูหยินใหญ่ก้าวเข้ามาจับมือพยุงลุกขึ้น แววตาอบอุ่นขึ้นหลายส่วนตั้งเเต่คนตรงหน้าปรากฎ
“ไยมาเรือนยายได้ล่ะ แม่นางกุ้ยอิน”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหน้าระอาไปทางสะใภ้ใหญ่ของตนที่ออกอาการโปรดปรานหลานสาวนอกสายเลือดจนออกนอกหน้า
กุ้ยอินยิ้มหวานก่อนเอ่ย “ข้าตามท่านพ่อมาเจ้าค่ะ ท่านพ่อมีงานที่จำเป็นต้องหารือกับท่านลุงใหญ่เย่”
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าเข้าใจ พ่อของกุ้ยอินเป็นสหายกับลูกชายตน มักจะมาที่จวนเย่เพื่อร่ำสุรากันหรือไม่ก็เล่นหมากรุกตามประสาบุรุษ นอกจากนี้เเม่ของกุ้ยอินก็เป็นน้องของสะใภ้ใหญ่นางเช่นกัน ทำให้นางมักจะเห็นหญิงสาวมาที่จวนสกุลเย่บ่อยครั้ง
“นั่งก่อนเถิด”
หนิงหลินพูดจบก็พยักหน้าให้บ่าวตนรินน้ำชาให้หลานสาวสุดที่รัก
“เจ้าคงไปเรือนป้าแล้วไม่เจอสินะ เลยมาเรือนนี้”
กุ้ยอินรับชาขึ้นจิบ “ใช่เจ้าค่ะ หลานถามบ่าวในจวนได้ความว่าท่านป้าอยู่ที่นี่ เอ้อ คุยเรื่องอะไรกันอยู่หรือเจ้าคะ ดูสนุกเชียว”
“สนุกอะไรกัน ป้ากลุ้มแทบอาเจียนแล้ว”
พอนึกถึงเรื่องที่คุยก่อนหน้าก็อดตัดพ้อกับหลานรักไม่ได้
“ท่านป้ากลุ้มเรื่องใดเจ้าคะ พอให้หลานช่วยได้ไหม?”
กุ้ยอินพูดพลางจับมือท่านป้าตนอย่างประจบประแจง
“เอ้อ ข้าว่าก็ดีเหมือนกันนะ เจ้ามันคนซื่อ ก็ให้เเม่นางกุ้ยอินช่วยเสียเลย” ฮูหยินผู้เฒ่าพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
“หากหลานช่วยได้ ยินดียิ่งเจ้าค่ะ ว่าแต่เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?”
หนิงหลินยิ้มเจื่อนกับคำพูดแม่สะใภ้ตน ก่อนหันมาตอบเสียงหวานกับสตรีที่นั่งมองมาที่ตนสายตาแฝงความสงสัย
“ข้ากำลังเลือกบ่าวข้างกายให้เจ้าเหวินเอ๋อน่ะ”
พอกุ้ยอินได้ยินชื่อคนในใจตนก็หน้าเเดงระเรื่อแทบจะทันที ก็เขาคือบุรุษที่นางชื่นชอบนี่นา
“ถ้าหากท่านพี่เหวินไม่ว่าอะไร ข้าช่วยได้นะเจ้าคะ หลานมักช่วยท่านเเม่ดูเเลเรือนบ่อยครั้ง จึงพอดูคนเป็นบ้าง”
เอ่ยอย่างถ่อมตนแต่ในใจหยักยิ้มเย็น
นางชอบเย่หยางเหวินมาตั้งเเต่เด็ก เหตุที่นางติดตามท่านพ่อมาที่จวนสกุลเย่บ่อยครั้งก็เพราะอยากพบหน้าเขาผู้นั้น ปีนี้พี่เหวินของนางก็อายุสมควรออกเรือนได้แล้วและนางเช่นกัน ทำให้ประตูจวนจวนสกุลเย่ไม่ร้างเเม่สื่อ นางเลยหวังประจบทางเเม่ของเขาเพื่อให้ได้ตำแหน่งสะใภ้ใหญ่มาครอง แต่ออกตัวเกินก็ไม่ได้ต้องคงกริยากุลสตรีในห้องหอไว้มัดใจผู้ใหญ่ในเรือน
“ดีเสีย งั้นท่านเเม่ ยามเว่ยข้ายืมตัวบ่าวในเรือนท่านให้มาทำการคัดเลือกด้วยนะเจ้าคะ”
หนิงหลินยิ้มคลายกังวลลง พลางเอื้อมมือไปลูบผมกุ้ยอินอย่างเอ็นดู เพราะนางคือคนที่มาช่วยไขปัญหาที่กวนใจของนาง
“ป้ากับเหวินเอ๋อต้องขอบใจเจ้าล่วงหน้าที่ออกตัวช่วยด้วย”
“ข้าเต็มใจเจ้าค่ะ”
ไป๋ซูเมิ่งเช็ดล้างเรือนฮูหยินผู้เฒ่าเสร็จตั้งเเต่ก่อนยามอู่ตอนนี้กำลังกินข้าวรวมกับบ่าวคนอื่นที่ห้องครัวส่วนนอก เสียงพูดคุยดังขึ้นรอบข้างบ่าวพากันจับกลุ่มล้อมวงกินข้าวไปคุยไป ยกเว้นเพียงตรงที่นางนั่งอยู่ยังเหลือว่าง
“เจ้าเขยิบไปสิ นี่มันที่พี่มูลี่นะ”
สาวใช้คนหนึ่งใบหน้าแน่งน้อยอายุน่าจะไม่เกินสิบห้าเดินเข้ามาสะกิดซูเมิ่งด้วยเท้า ไม่นานหญิงสาวเจ้าของชื่อมู่ลี่ย่างเดินผ่านธรณีประตูห้องครัวเข้ามา กริยาการเดินราวกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ คอระหงยืดสุด แววตาแฝงความหยิ่งยโส
“ได้สิ”
ไป๋ซูเมิ่งหลุบม่านตาลงละสายตาจากเท้าที่ก่อนหน้าเตะสะกิดนางที่น่อง มุมปากหยักขึ้นบางเบา
หลังจากบริเวณเดิมอันเป็นที่ของซูเมิ่งว่างเเม่นางน้อยที่ก่อนหน้าวิ่งมาจัดการที่ทางก็วิ่งไปพยุงมู่ลี่เข้ามา ข้างกายมู่ลี่มีเเม่นางอีกคนถือชามข้าวเข้ามาก่อนวางตรงหน้ามู่ลี่
“พี่มูลี่กินได้เลยจ้ะ กินเยอะ ๆ เดี๋ยวพอไปรับใช้คุณชายใหญ่แล้วไม่มีเวลากิน ฮิฮฺิ”
เเม่นางน้อยสองคนหันไปหัวร่อใส่กัน สายตาก็ยิ้มกระหย่องใส่บ่าวรับใช้รอบข้าง
“ยังไม่รู้ว่าคุณชายจะรับข้าหรือไม่เลย เจ้าก็พูดไป”
มูลี่หันไปเอ็ดเสียงเบา เเต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เเค่คุณชายเห็นพี่มู่ลี่รับรองรับแน่นอนอยู่แล้วจ้ะ”
สองสาวน้อยยังไม่วายประจบสอพลอต่อ มูลี่เป็นบ่าวรับใช้ขั้นสองคนโปรดที่รับใช้ฮูหยินใหญ่มานานแล้ว พอได้ข่าวว่าเจ้านายจะส่งเเม่นางไปเป็นบ่าวรับใช้คุณชายใหญ่สองสาวก็รีบเข้ามาประจบทันที
หลังสองสาวประจบพอเป็นพิธีจบก็เเยกย้ายกันนั่งเตรียมกินข้าวตามเคย
“ว้าย! น้ำอะไรเนี่ย”
เเม่นางคนก่อนหน้าที่วิ่งเข้ามาจัดที่ให้มู่ลี่ตะโกนขึ้น พลางยืนขึ้นอีกครั้ง กระโปรงสีซีดมีรอยน้ำดวงใหญ่กลางก้นสร้างเสียงหัวเราะขึ้นรอบข้างแทนเสียงพูดคุยก่อนหน้าทันใด
“ฮ่า ๆ เจ้าใช้ก้นกินข้าวรึ มีผักติดก้นด้วย”
สาวใช้คนหนึ่งที่นั่งห่างไม่มากพูดพลางชี้ไปที่ก้นเป้าหมาย
“บ้ารึ! ใครกล้าแกล้งข้า”
ใบหน้าเดี๋ยวเเดงเดี๋ยวซีดของนางตะโกนเสียงเเหลม สองสายตาสอดส่องมองคนรอบข้าง
“เป็นเจ้ารึ!”
ทุกคนมองตามนิ้วไปตกที่ร่างหญิงสาวใบหน้าแดงอีกคน แต่เป็นเเดงที่ไม่ใช่จากความโกรธหรือเขินอาย เป็นเเดงพร้อมผื่นดูน่ากลัว นางคนนั้นคือ ไป๋ซูเมิ่งนั่นเอง
ไป๋ซูเมิ่งพยายามกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น “ข้า อุ๊บ ข้าเปล่า”
“ข้าไม่เชื่อ ก็ก่อนหน้าเจ้านั่งตรงนี้ เจ้ากล้าแกล้งข้าเชียวรึ!”
เเม่นางคนถูกแกล้งกระทืบเท้าทำเสียงปึงปัง ก่อนรีบเดินมาทางไป๋ซูเมิ่งหวังแก้แค้นให้หายเคียง
“ว้าย โครมมมม!!!”
เเต่ก่อนมาถึงตัวสตรีใบหน้าน่ากลัวเท้าพลันลื่นของบางอย่างล้มลงเท้าชี้ฟ้า ก้นที่ก่อนหน้ามีผักติดตอนนี้กระแทกพื้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“ไยเจ้าต้องรีบขนาดนั้น ข้าไม่หนีไปไหนเสียหน่อย”
ปากบางหยักยิ้มสะใจพร้อมน้ำเสียงแฝงความหยอกเย้าไม่ปิดบัง ส่วนคนรอบข้างก็หัวเราะเสียงดังไม่เกรงใจใคร ต่างชอบใจกับละครตรงหน้าไม่มีใครนึกถึงเรื่องที่ว่า คู่กรณีของแม่นางน้อยนั้นคือคนที่พวกนางไม่ชอบหน้าอย่างซูเมิ่ง
“เจ้า ๆ ขัดขาข้ารึ”
“หือ ใครจะขายาวอย่างนั้น ข้าอยู่ห่างเจ้าตั้งไกล”
ใครบอกว่านางขัดขา นางเเค่ปล่อยผักทิ้งไว้บนพื้นรอเหยื่อมาติดกับเท่านั้นเอง ส่วนรอยเปียกน้ำดวงใหญ่บนก้น นางก็เป็นคนเทน้ำกับข้าวที่นางกินอยู่ไว้บนเก้าอี้ เนื่องจากเป็นน้ำสีใสหากนั่งโดยไม่ระวัง นั่งโดยไม่ดูก่อนก็ง่ายที่จะนั่งทับน้ำนั่นได้
หากว่าดูก่อนนั่งก็ไม่ต้องเปื้อน และหากเดินดูทางก็ไม่ลื่นเช่นนี้หรอก นางแกล้งใครเสียที่ไหน...
นี่คือผลกรรมจากที่เอาเท้ามาสะกิดนางไง
“งั้นใครขัดขาข้า!?”
พูดพลางมองตาขวางไล่ดูคนรอบข้างทีละคน ซึ่งจากที่หัวเราะกันสนุกก็เปลี่ยนเป็นก้มหน้ากินข้าวตามเดิมไม่มีใครสนใจเเม่นางน้อยตรงกลางห้องอีก
“เจ้ามานั่งนี่เถอะ ไยเจ้าต้องสนใจคนหน้าตาน่าเกลียดด้วย” มู่ลี่เอ่ยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ
เเม่นางน้อยก่อนหน้าจึงทำได้เพียงหายใจกระฟัดกระเฟียดแต่ก็ยอมไปนั่งเเต่โดยดี
“รอพี่มู่ลี่ได้เป็นบ่าวข้างกายคุณชายแล้วอย่าลืมแก้แค้นนางพวกนี้ให้ข้านะ”
พอมู่ลี่ได้ยินดังนั้นก็ทำเป็นเสแสร้งขวยเขินเเต่ในใจยิ้มกริ่ม
พอละครสดจบลงเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นอีกครั้งเวลาผ่านไปไม่นาน เสียงทุ้มหนาของคนที่เข้ามาใหม่ก็ดังขึ้น
“เหล่าบ่าวไพร่ฟังข้าให้ดียามเว่ยขอให้บ่าวสตรีทุกนางที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบไปรวมกันที่ลานของเรือนฮูหยินผู้เฒ่า หากพบว่าใครไม่ไปมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้านาย โทษโบยหนึ่งร้อยไม้พร้อมไล่ออกจากจวน อย่าสายกันล่ะ”
บ่าวหัวหน้าคนเดิมกล่าวจบก็กระแอมเล็กน้อยก่อนตั้งท่าจะหันกลับไป
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ เอ่อ เหตุใดให้ไปรวมที่ลานเจ้าคะ”
เเม่นางน้อยคนเดิมเอ่ยถามหลังจากได้รับสายตาเชิงคำสั่งของมู่ลี่
“โอย เเค่ก ๆ หิวน้ำ” หัวหน้าบ่าวแสร้งไอสายตาแฝงแววเจ้าเล่ห์
“นี่เจ้าค่ะน้ำ”
บ่าวที่ใกล้สุดหยิบน้ำของตนขึ้นมาส่งให้
...ตอนนี้ไม่ว่าใครก็อยากรู้สาเหตุกันทั้งนั้น
“ขอบใจ อึก ๆ ฮูหยินใหญ่จะเลือกบ่าวรับใช้ให้คุณชายใหญ่น่ะ”
เคร้ง!
เสียงช้อนตกดังฉับพลัน ทุกคนพุ่งสายตาไปที่เจ้าของช้อนเละว่าที่บ่าวรับใช้คุณชายใหญ่ที่ตอนนี้อ้าปากค้างดวงตาฉายแววแค้นเคืองล้นออกมาจากตา
นั่นก็หมายความว่าตำแหน่งบ่าวรับใช้ข้างกายคุณชายใหญ่มิใช่มู่ลี่น่ะสิ ฉะนั้นที่ตนยกตนข่มบ่าวคนอื่นก็ทำเสียเปล่า และยังมิวายหน้าแตกเข้าเต็มเปา
