10 ลองให้โอกาสเรียนรู้กัน
“คุณธีคะเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นเนเน่ต้องขอโทษคุณอีกครั้งนะคะเนเน่ไม่คิดเลยว่ามันจะออกไปแบบนั้น มันแล้วทำให้โรงแรมของคุณธีเสียชื่อเสียง” ชญานิษฐ์ขอโทษธีธวัชด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับตอนนี้ข่าวเรื่องโรงแรมดูจะไม่มีใครสนใจแล้ว พวกเขากำลังสนใจการคบกันของเราสองคนมากกว่า”
“แล้วแบบนี้มันจะไม่กระทบกับชีวิตส่วนตัวของคุณใช่ไหมคะ”
“หมายความว่ายังไงครับ”
“ก็ถ้าคุณบอกว่าเป็นแฟนกับเนเน่แล้วแฟนของคุณเขาจะรับเรื่องนี้ได้เหรอคะ”
“คุณคิดว่าผมมีแฟนอยู่แล้วเหรอครับเนเน่”
“ไม่รู้สิคะ คุณธีเป็นคนหน้าตาดีอาชีพการงานก็ดีไม่น่าจะอยู่เป็นโสดมาถึงทุกวันนี้นะคะ”
“ถ้าผมบอกว่าเป็นโสดคุณจะเชื่อไหมล่ะ”
“ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ค่ะ”
“เนเน่คุณลองคิดดูนะถ้าหากผมมีแฟนอยู่แล้วผมจะจ้างคุณให้เป็นแฟนผมทำไมล่ะ ป่านนี้ผมกับแฟนคงได้ทะเลาะกันบ้านแตกไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณวางใจได้เลยว่าผมยังไม่มีแฟนแล้วจะไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนของผม ว่าแต่คุณเถอะคงไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นแฟนนะ”
“ก็ไม่แน่หรอกค่ะ”
“นี่คุณมีแฟนอยู่แล้วอย่างงั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะเนเน่หมายถึงผู้ชายที่ชอบมาคอมเมนต์แปลกๆ อย่างเมื่อวานกี้ก็มาคอมเมนต์อีกค่ะคุณธีดูนี่สิคะ” หญิงสาวความคิดเห็นของผู้ชายคนนั้นที่ตนเองแคปหน้าจอไว้ในโทรศัพท์มือถือให้กับธีธวัชดู
“แบบนี้มันเข้าข่ายคุกคามนะ คุณได้แจ้งความหรือจัดการเรื่องนี้ยังไงบ้างหรือยังไง”
“ตอนนี้หวานกำลังจัดการอยู่ค่ะ เห็นเธอบอกว่าจะให้คุณหิรัญช่วยหาตัวผู้ชายคนนี้ว่าเขาเป็นใคร”
“ถ้ามีอะไรจะให้ผมช่วยเหลือเพิ่มเติมก็บอกนะ ผมเองก็ไม่ชอบเหมือนกันที่มีใครมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะนี้ เรื่องนี้มันเกิดมานานหรือยังครับ”
“ได้สักพักแล้วค่ะ เราสองคนก็ค่อนข้างระแวงคืนนั้นก็เลยรีบออกจากโรงพยาบาลเพราะคิดว่าเป็นฝีมือของเขา”
“ผมว่าเรื่องนี้น่าจะหาตัวได้ไม่ยากครับ หิรัญเขามีลูกน้องฝีมือดีหลายคนคุณเนเน่วางใจได้เลยว่าทุกอย่างจะจบลงในไม่ช้า”
“เนเน่ต้องขอบคุณคุณธีมากๆ นะคะ”
“อย่าพึ่งขอบคุณผมเลยเรายังหาตัวผู้ชายคนนี้ไม่ได้สักหน่อย ผมถามหน่อยสิเนเน่ถ้าคุณหาตัวเขาเจอแล้วคุณจะทำยังไงกับเขา”
“เนเน่ก็คงจะเรียกเขามาคุย มาอธิบายให้เขาเข้าใจค่ะว่าเนเน่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอยากให้เขารู้ว่าเขาสามารถติดตามข่าวสารของเนเน่ในฐานะแฟนคลับแต่ไม่อยากให้เขาทำแบบนี้”
“คุณคิดว่าจะคุยกับเขาได้แบบนั้นเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เนเน่ขอให้ได้เจอตัวเขาก่อนค่ะ” ชญานิษฐ์คิดว่าถ้าหากได้เจอตัวผู้ชายที่ชอบมาแสดงความคิดเห็นแปลกๆ เธอจะสามารถพูดคุยจนให้เขาเลิกพฤติกรรมนี้ได้ แต่ถ้าหากทำไม่ได้ก็อาจจะต้องพึ่งกฎหมายเพราะหญิงสาวเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมดแล้วว่าเขาแสดงความคิดเห็นอะไรบ้าง ซึ่งถ้าเรื่องนี้ถึงตำรวจรับรองได้เลยว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินเยอะมากแน่
“ผมมัวแต่คุยกับคุณเพลินเลย นี่ครับผมซื้อเค้กมาฝาก”
“เค้กเหรอคะ” เมื่อเห็นของกินตรงหน้าหญิงสาวก็ยิ้มแย้มขึ้นมาทันที
“คุณจะกินตอนนี้ไหม”
“แต่นี่มันดึกแล้ว” หญิงสาวมองนาฬิกาเพราะเป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้วก็รู้สึกผิดถ้าจะทานของหวานเวลานี้
“ยังไม่สองทุ่มเลยครับ ไม่ดึกหรอกหรือเพราะคุณกลัวอ้วน”
“นิดหน่อยค่ะ” ชญานิษฐ์ลังเล
“ผมว่าชิมนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกครับเดี๋ยวผมเลื่อนโต๊ะวางอาหารมาให้นะ”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจเมื่อธีธวัชเลื่อนโต๊ะทานอาหารของผู้ป่วยมาคร่อมบนเตียง
“น่ากินจังเลยค่ะ มีแต่เค้กรสชาติโปรดของเนเน่ทั้งนั้นเลยขอบคุณมากนะคะ คุณธีรู้ได้ยังไงว่าเนเน่ชอบกินเค้กแบบนี้”
“คุณเนเน่จะเอาคำตอบแบบไหนล่ะ เอาแบบโรแมนติกหรือเอาความจริง”
“ขอคำตอบทั้งสองอย่างเลยได้ไหมคะ”
“ถ้าตอบแบบโรแมนติกในฐานะคนที่เป็นแฟนกันผมก็จะบอกว่าผมติดตามคุณเนเน่มานานแล้วก็เลยพอจะรู้ว่าคุณชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไรแต่ถ้าตอบความเป็นจริงก็คือผมถามมาจากคุณหวานครับ” ธีธวัชพพูดแล้วยิ้ม
“อ๋อ...แบบนี้นี่เองแต่ยังไงเนเน่ก็ต้องขอบคุณมากเลยนะคะ”
“ลองชิมดูสิครับผมไม่รู้ว่าร้านนี้จะอร่อยถูกใจคุณหรือเปล่า”
“คุณจะชิมด้วยกันไหม” หญิงสาวหันมาชวน
“ไม่หรอกครับผมไม่ชอบกินของหวานเท่าไหร่”
ชญานิษฐ์ชิมเค้กรสชาติโปรดของตัวเองแล้วยิ้มเพราะมันไม่หวานมากบลูเบอรี่ชีสพายเปรี้ยวอมหวานกำลังดีส่วนเค้กเผือกก็หอมยังมีเค้กอีกสองชิ้นที่เธออยากจะชิมแต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อนเพราะกลัวว่าตามใจปากมากเกินไปแล้วจะต้องตามออกกำลังกายทีหลังให้เหนื่อย
เมื่อทานเค้กไปเพียงชิ้นละนิดหน่อยหญิงสาวก็เก็บมันลงกล่องอย่างเดิม
“กินน้ำไหม”
“ได้ค่ะขอบคุณค่ะ”
ธีธวัชเดินไปหยิบน้ำเย็นในตู้มาส่งให้หญิงสาวจากนั้นก็เอาเค้กไปตู้เย้นให้
“อร่อยไหมครับ”
“อร่อยและถูกใจมากๆ ค่ะ”
“ถ้าอร่อยพรุ่งนี้เย็นผมจะซื้อมาให้อีกนะครับ”
“เนเน่ยังกินไม่หมดเลยค่ะคุณธี”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณอยากกินอะไรล่ะผมจะได้แวะซื้อมา”
“คุณก็น่าจะรู้แล้วว่าในนี้ชอบอะไรบ้างเพราะฉะนั้นถ้าคุณซื้ออะไรมาเลยเนเน่ก็กินได้หมดเลยค่ะ แต่ทางที่ดีอย่าซื้อมาดีกว่า”
“อ้าวทำไมล่ะ”
“ก็คุณมาเยี่ยมเนเน่ดึกแบบนี้เนเน่จะกินเยอะได้ยังไงล่ะคะ” เพราะปกติแล้วหลังหกโมงเย็นชญานิษฐ์มักจะไม่ทานอะไรนอกจากน้ำเปล่าและผลไม้ที่รสไม่หวาน
“ถ้าอย่างงั้นผมเปลี่ยนมาเยี่ยมคุณตอนกลางวันดีไหมล่ะจะได้ซื้ออาหารกลางวันมาด้วย ผมรู้ว่าคุณชอบกินอะไร แล้วเพื่อนของคุณล่ะชอบกินอะไรผมจะได้ซื้อมาเผื่อเธอเลย”
“หวานกับเนเน่กินอะไรคล้ายกันนั่นค่ะ”
“คุณสองคนเป็นเพื่อนกันมานานแล้วใช่ไหม”
“ก็ตั้งแต่เรียนมัธยมแล้วค่ะ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เรียนด้วยกันอีก”
“คุณเรียนจบอะไรมานะ ผมขอโทษที่ต้องถามเพราะผมไม่รู้เลยว่าลักษณะงานของคุณนั้นต้องเรียนจบอะไรมา”
“เราจบการตลาดค่ะ”
“งานที่ทำอยู่ผมว่ามันตรงกับที่ตรงกับที่คุณเรียนมานะครับ”
“คุณธีสนใจจะจ้างเนเน่กับหวานไปช่วยงานการตลาดของโรงแรมหรือจะให้เราสองคนไปรีวิวโรงแรมก็ได้นะคะ” เพราะรับเงินเขามาตั้งเยอะชญานิษฐ์ก็เลยอยากทำตัวให้มีปะโยชน์
“ผมก็อยากจะชวนคุณไปรีวิวโรงแรมใหม่ของผมเหมือนกัน เอาไว้รอให้คุณหายดีก่อน เราก็เป็นแฟนกันแล้วผมน่าจะใช้ประโยชน์จากงานของคุณได้”
“ถ้าอย่างงั้นหวานเนเน่กับหวานยินดีรีวิวให้ฟรีๆ เลยค่ะ แต่มันจะเป็นการเข้าไปก้าวก่ายงานของคุณหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับผมขอแค่ดูเนื้อหาที่คุณจะรีวิวก่อนว่ามันไม่เป็นเป็นแง่ลบกับทางโรงแรมจะได้ไหม”
“สำหรับคุณธีเนเน่ยอมเป็นกรณีพิเศษค่ะ แต่ปกติแล้วเราจะรีวิวทุกอย่างไปตามความเป็นจริงเลยค่ะ อะไรดีก็บอกว่าดีอะไรไม่ดีเราก็จะพูดประมาณว่าให้ทุกคนมาลองด้วยตัวเอง”
“ถ้าอย่างงั้นคุณรีวิวไปตามความจริงก็ได้นะครับผมเองก็ไม่อยากให้คุณโกหกคนอื่น”
“เอาไว้ถ้าเนเน่หายดีแล้วจะลองเข้าไปดูนะคะ ส่วนเนื้อหาที่จะรีวิวแล้วจะให้คุณตรวจสอบดูก่อนดีมั้ยคะ”
“ตกลงตามนี้ก็ได้ครับ”
