ตอนที่1 เล่ห์รักคนใจร้าย ตอนแรก
เกริ่น
เขาคือคนใจร้าย ที่เธอพยายามลืมว่าเคยรัก
ตัวอย่างบางตอน
“ทำแบบนี้กับไหมทำไมคะพี่มินทร์” หญิงสาวตัวเปลือยเปล่านั่งสะอึกสะอื้นตาแดงก่ำกอดผ้านวมสีขาวอยู่บนเตียงกว้าง มองดูคนรักผ่านม่านน้ำตา เมื่อจู่ๆ เขาก็สารภาพกับเธอว่าทำดีด้วยก็เพราะอยากได้แค่ตัวของเธอเท่านั้น และตอนนี้เขาก็ได้มันไปแล้วโดยที่เธอเต็มใจไม่มีขัดขืน หลังจากนั้นเขาก็ไม่คิดจะหันมาใยดีกับเธออีกเลย
แววตาอ่อนโยนอบอุ่นเปลี่ยนแปลงไปในไม่กี่วินาที หลังจากที่เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ สายตาของเขาเย็นชาประดุจน้ำแข็งเยือกเย็น ทำเอาคนที่มองจ้องไปในแววตานั้นรับรู้ได้ถึงความเลือดเย็น
“เฮ้อ” เป็นอีกครั้งที่เรื่องในอดีตทำให้พราวไหมนั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนในบ้านหลังเล็กแล้วถอนหายใจคนเดียวให้กับความไม่ฉลาดของตัวเอง ที่ไม่เคยคิดเอะใจเลยว่า ประธานบริหารสูงสุดของโรงแรมหรือจะมาสนใจจริงจังอะไรกับเด็กฝึกงานอย่างเธอ
แม้เรื่องราวมันจะผ่านมาร่วมสองปีกว่าแล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถลืมความเจ็บปวดเหล่านั้นได้เลย
ความเจ็บปวดจากการที่ถูกหลอกให้เสียทั้งตัวเสียทั้งใจ
เป็นความขมขื่นที่เธอไม่เคยได้พานพบมาก่อน มันเจ็บลึกฝังลงอยู่ในอกยากจะถอน
ก่อนจากกันเขาเอ่ยขอโทษกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ความรู้สึกที่เสียไปให้เขาขอโทษเธอเป็นล้านครั้งมันก็รวบรวมความรู้สึกนั้นกลับมาไม่ได้อยู่ดี
ดั่งคำที่ใครหลายคนเคยว่าไว้ แก้วที่มันแตกจะเอามาประกอบใหม่ยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม แอบน้อยใจในโชคชะตาของชีวิตที่ได้พบพานกับความทุกข์ใจไม่มีเว้นว่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้...
เริ่มเรื่อง
ตื๊ด ตื๊ด หญิงสาวที่กำลังนั่งเหม่อนึกถึงเรื่องเก่าๆ สะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงมือถือของเธอดังขึ้น พราวไหมหยิบมือถือที่วางอยู่ใกล้ตัวขึ้นมาดูเห็นเป็นชื่อของอลิสาเพื่อนรักพ่วงด้วยตำแหน่งเจ้านาย จึงรีบกดรับสาย
“ว่าไงอ้อน.. โอเคเดี๋ยวฉันตามไป” หญิงสาวที่สวมชุดนอนอยู่แล้วลุกขึ้นพรวดหลังจากคุยจบ เธอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องก่อนจะเตรียมตัวขับรถไปที่ร้านอาหารกลางคืนไม่ใกล้ไม่ไกลกับที่อยู่
รถญี่ปุ่นทรงกล่องเหลี่ยมสีขาวขับออกจากบ้านสีครีมน้ำตาลชั้นเดียวสไตล์มินิมอลออกมาได้ไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงถนนใหญ่ น้อยครั้งนักที่เธอต้องขับรถออกมาจากบ้านตอนที่ฟ้ามืดแล้ว ดีที่วันนี้เป็นวันที่ฟ้าโปร่งเดือนหงาย หนทางที่รายล้อมไปด้วยป่าจึงทำให้ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่นัก
พราวไหมขับรถตามถนนใหญ่มาได้ไม่เกินสิบนาทีก็เจอกับร้านอาหารอีสานที่เป็นร้านใหญ่เปิดโล่ง เป็นร้านประจำของเธอและอลิสา ที่ทุกวันสุดสัปดาห์ในช่วงเย็นจะต้องมานั่งหาส้มตำลาบน้ำตกรสชาติจัดๆ ทานที่นี่
แต่วันนี้ดูท่าอลิสาจะมีข่าวอะไรจะบอกกับเธอเป็นกรณีพิเศษเป็นแน่ ถึงได้โทรเรียกในวันหยุดแถมยังเป็นช่วงดึกแล้วอีก พราวไหมขับรถไปที่ลานดินกว้างข้างร้านอาหาร เห็นรถยนต์จอดเรียงกันอยู่แล้วสิบกว่าคันเธอก็ขับไปจอดต่อจากรถพวกนั้น ก่อนจะล้วงมือถือจากกระเป๋าสะพายคู่ใจกดโทรหาอลิสา
“แกอยู่ตรงไหนอ้อน ที่เดิมเหรอ อ่อโอเคเดี๋ยวฉันเดินเข้าไปหา”
พราวไหมเดินออกจากลานจอดรถลัดเข้ามาที่โซนหลังร้าน ที่ประจำของเธอและอลิสาที่ชอบมานั่งทานอาหารกันที่ข้างบ่อปลาคราฟ เพราะจุดนี้คนไม่ค่อยวุ่นวาย คนต่างพื้นที่ที่แวะเข้ามาร้านนี้ส่วนมากจะจะนั่งกันอยู่ที่หน้าร้าน
“สั่งมาเต็มโต๊ะเลย กินกันแค่สองคนนะอ้อน”
“แกก็รู้ว่าเดี๋ยวฉันก็กินหมด เอาน่าฉลองๆ” อลิสารีบกวักมือให้พราวไหมนั่งลง
“วันนี้เป็นวันสำคัญอะไรเหรอ” คนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ขายาว ค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามอลิสา
“แกจำที่ฉันบอกได้ไหมว่าฉันจะเมลไปขอเสนอเป็นพาร์ทเนอร์รับลูกทัวร์ของธีรวรางค์”
“เค้า..ยอมรับข้อเสนอแกเหรอ” พราวไหมเริ่มหน้าเจื่อน
“ใช่ โคตรดีใจเลย นี่เค้าไม่รับพาร์ทเนอร์ง่ายๆ แกก็รู้คงต้องไปแก้บนกับหลวงพ่อที่วัดแล้ว พรุ่งนี้เช้าแกไปกับฉันนะ” อลิสาเอ่ยหน้าระรื่น เพราะรู้ว่าหากเธอได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับธีรวรางค์รีสอร์ทของเธอคงมีกำไรล้นมือแน่ แถมยังได้ชื่อเสียงโดยที่ไม่ต้องโปรโมทอะไรมากอีก
“อ่อ..ดีใจเนอะที่เราจะไม่ต้องเหนื่อยหาลูกค้าเองแล้วอะ เอ่อ.. แล้วเค้าดิวงานกับเรายังไงอะ ผ่านเมลอย่างเดียวใช่ไหม”
“แกก็เคยฝึกงานที่นั่น ยังไม่รู้อีกเหรอว่าที่นั่นเคร่งเรื่องมาตรฐานแค่ไหน เค้าจะมาดูรีสอร์ทเราอาทิตย์หน้า”
“ใครจะมาได้แจ้งหรือเปล่า” พราวไหมเริ่มกลืนน้ำลายไม่ลงคอ
“ไม่ได้แจ้งนะ แต่น่าจะเป็นคุณเตมินทร์กับเลขาเค้ามั้ง เค้าบอกว่าจะแจ้งก่อนมาอีกที งานนี้แกต้องเป็นคนนำเสนอข้อดีทุกอย่างของรีสอร์ทเราให้ทางธีรวรางค์ได้ประทับใจเข้าใจไหม”
“ฉะ..ฉันเหรอ!” สองมือเรียวกำกันแน่น นั่งเหม่อลอยกะทันหัน เพราะในใจกลัวเหลือเกินว่าจะต้องเจอคนที่ไม่อยากจะเจอ
“อืม กินได้แล้วเดี๋ยวอาหารชืดหมด ..ไหม ไหม” อลิสาลุกยืนขึ้นโน้มตัวมาเขย่าหัวไหล่ของพราวไหม เพราะเรียกเพื่อนให้ทานอาหารแต่อีกฝ่ายก็ยังเอาแต่นั่งเหม่อ
“อ่อ อืม” มือเรียวยกจับส้อมจิ้มไปที่คอหมูย่างเข้าปาก เธอเคี้ยวช้าๆ พลางครุ่นคิดในระหว่างที่อลิสากำลังมีความสุขกับการทานอาหาร พราวไหมเริ่มจะแน่ใจว่ายังไงเธอก็หนีไม่รอดการที่จะได้เจอคนที่ไม่อยากเจอ ในหัวตอนนี้จึงได้แต่คิดหาวิธีที่จะทำยังไงให้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับคนๆ นั้น
ร่วมชั่วโมงกว่าได้ที่พราวไหมนั่งอยู่ในร้านอาหารกับอลิสา เธอแทบจะต้องฝืนยิ้มตลอดเวลาเพื่อให้อีกฝ่ายไม่สงสัยอะไรกับเรื่องที่เธอกำลังกังวล
หญิงสาวขับรถกลับมาถึงบ้านได้เธอก็ทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาห้องนั่งเล่น ในหัวพอจะรู้วิธีหลีกเลี่ยงการประสานงานกับพาร์ทเนอร์ แต่ก็ยังกังวลว่าจะหนีไปได้สักเท่าไหร่ รู้ตัวเลยว่าหากจะต้องเจอหน้ากับผู้ชายคนนั้นความเจ็บปวดความผิดหวังได้ประดังประเดเข้ามาหนักอีกแน่
“เฮ้อ” คนตัวเล็กเปลี่ยนจากนั่งพิง เป็นทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาถอนหายใจอ่อน ยกมือเกยหน้าผาก
“พ่อจ๋าแม่จ๋า ไหมจะทำยังไงดี” หากเป็นไปได้เธอก็ยังอยากให้พ่อกับแม่อยู่ข้างๆ เธอไม่หายไปไหน แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อทั้งสองจากไปอย่างไม่มีวันกลับมาหาเธอได้อีกแล้ว คิดแล้วก็เศร้าใจกับชีวิต
