ep5
ระริน หันไปมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่เยื้องหลัง แล้วหันกลับมามองคนเป็นลูกจับจูงให้มานั่งที่โต๊ะอาหาร พยักหน้าให้คนรับใช้อย่างรู้หน้าที่ แม่ทิพย์หันมามองลดารัตน์ ยิ้มให้บางๆ ก่อนออกจากห้องไป
“มานั่งนี่ก่อนจ๊ะลูก” นางนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับลูกสาวทั้งคู่ ปรายตามองลดารัตน์เพียงนิด ก่อนจะหันไปยิ้มหวานกับลูกสาวคนโปรด
“ทอม มานั่งซิจ๊ะ”
คนชื่อทอม ยิ้มเก๋โชว์เขี้ยวเสน่ห์ให้กับสาวใหญ่ แถมสาดยิ้มมาให้กับคนเป็นลูก ร่างอันกำยำนั่นโดดเด่นออกมาจากเสื้อทีเชิ้ตรัดติ้ว มองเห็นกล้ามเนื้อท้องเป็นลอน เริงฤดีปรายตามองอย่างสนใจจนคนเป็นแม่รู้สึกได้
“เอ่อ....แม่จะแนะนำให้รู้จักนะจ๊ะ”
เสียงของระรินตะกุกตะกัก ไม่มั่นใจเหมือนที่เคย ลดารัตน์กลั้นยิ้ม อยู่ภายใต้หนังสือพิมพ์ที่อ่านอยู่โดยไม่คิดที่จะลดหนังสือพิมพ์ลงเพื่อมารยาท
“ทอม นี่ลูกสาวของพี่ ชื่อเริงฤดี เพิ่งกลับจากอัมสเตอร์ดัมเมื่อคืนนี่เอง”
ชาวหนุ่มเลิกคิ้ว ยิ้มให้เริงฤดี สายตาไล่เลียไปยังชุดนอนที่สวมอยู่ แม้จะมีเสื้อคลุมทับ แต่คนอย่างเขาก็มองออกว่าภายในหล่อนไม่ได้สวมใส่อะไรไว้เลย เริงฤดีร้อนผ่าวด้วยสายตารู้ทันนั้น ความถือดีทำให้เธอเชิดหน้าขึ้น
“สวัสดีค่ะ”
เริงฤดีกล่าวคำสั้นๆ ไม่คิดที่จะยกมือไหว้ เพราะประเมินด้วยสายตาแล้ว ชายหนุ่มคนนี้ น่าจะวัยไล่เลี่ยกันกับเธอ ทั้งมารยาทที่เขามองเธอนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องยกมือไหว้ให้เสียมือ
“ทอม เขาเป็นสามีใหม่ของแม่จ้ะ”
ระรินกล่าวเร็ว เมื่อกล่าวออกไปแล้วก็รู้สึกโล่งใจ อย่างไรเริงฤดีก็ต้องรู้ ไม่ช้าก็เร็ว
“สามีใหม่?”
เริงฤดี ทวนคำอย่างตกใจ มองคนเป็นแม่และสามีใหม่อย่างไม่เข้าใจนัก แววตาที่มองคนเป็นแม่นั้น เต็มไปด้วยความผิดหวัง เจ็บปวด ยังไม่ทันที่ระรินจะกล่าวคำใดอีก เริงฤดีก็ผลุนผลันออกจากห้องอาหารไปโดยไม่หันกลับมาอีก
“เริง...เริงฟังแม่อธิบายก่อนซิ“ ระรินขยับลุกขึ้นจะตามลูกสาวไป
“ปล่อยพี่เริงไปเถอะค่ะ ใครจะทำใจได้คะที่คุณแม่สุดที่รัก มีสามีใหม่คราวลูก” ลดารัตน์พับหนังสือพิมพ์โยนไว้ที่โต๊ะ ลุกขึ้นสะพายกระเป๋า
“ลดา จะไม่บอกพี่เริงหรอกค่ะว่าสามีใหม่ของคุณแม่คนนี้ เป็นคนที่เท่าไหร่ เพราะไม่นาน พี่เริงก็คงจะรู้ด้วยตัวเองว่าสามีใหม่ของแม่มีความหมายแค่เพียงคู่นอนชั่วคราวเท่านั้น”
“นังลดา”
เสียงข้าวของขว้างกระทบพื้นไล่หลังลดารัตน์ไปติดๆ กัน พร้อมๆ กับเสียงด่าทออยู่ลั่นๆ ทำให้แม่ทิพย์โผล่หน้าออกมาดู ก่อนจะส่ายหน้าแล้วกลับเข้าไปใหม่ นางพยักหน้าให้คนใช้ตามเข้าไปเก็บกวาดเหมือนเคย ทุกครั้งที่ลดารัตน์กลับมาบ้าน ต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเสมอ แจกัน เครื่องลายคราม ลดารัตน์สับเปลี่ยนไปหมดแล้ว เหลือแต่พวกราคาถูกที่ซื้อมาประดับไว้ให้คนเป็นแม่ได้ระบายอารมณ์
“เอาเถอะน่าคุณ เขาก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว”
คนที่ถูกสบประมาท ไม่ได้มีท่าทีร้อนใจ กลับมีทีท่าเอาใจมากขึ้น อ้อมกอดที่ปลอบประโลมนั้น ทำให้ใจของสาวใหญ่หวั่นไหวและอารมณ์ดีขึ้นอย่างง่ายดาย
“พี่ทนไม่ได้นี่ ดูซิ ลูกสาวของพี่ว่าคุณเสียหายแบบนี้”
ชาวหนุ่มหัวเราะหึ หึ มันก็จริงทุกคำอย่างที่ เด็กคนนั้นว่าคู่นอนชั่วคราวและเขาเป็นคนที่เท่าไหร่ เขาก็ยังไม่รู้เลย
“นี่คุณจะยิ้มทำไม” ระรินมองหน้าคนเป็นสามีชั่วคราวอย่างสงสัย ยิ้มคล้ายเยาะ?
“ไม่มีอะไรจ้ะ ผมก็ขำๆ ครอบครัวของคุณเท่านั้นเอง”
“ทำไมคะ ครอบครัวของพี่มีอะไรน่าขำ”
“ก็ถ้าเขาไม่อยากให้คุณมีคู่นอนชั่วคราว ทำไมคุณถึงไม่มีคู่นอนถาวรไปเลยละครับ”
เสียงกระซิบนั้นรดรออยู่ข้างหู คนสูงวัยกว่าเคลิบเคลิ้ม ทุกคนที่ผ่านมาใช่ว่าเธอจะไม่อยากให้เป็นคู่นอนถาวรเมื่อไหร่ เพราะคนพวกนั้นเขาจากเธอไปเอง
“นั่นก็แล้วแต่ทอมนะ ว่าอยากอยู่กับพี่ถาวรหรือเปล่า” เสียงสาวใหญ่กระเซ้าระริก
“อยู่กับความเมตตาของพี่แล้วละครับ ผมก็แค่สนองตอบเท่านั้น” ทอมไล่มือขึ้นมาจากต้นขาหนั่นแน่นที่ยังไม่หย่อนคล้อยเพราะดูแลมาเป็นอย่างดี เขาขยับมาที่สะโพกเต็มตึงแล้วบีบเบาๆ ให้รู้สึก เสียงครางในลำคอสาวใหญ่บ่งบอกถึงความพอใจ
“เอ่อ พี่ว่าทานอาหารก่อนนะ อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
สาวใหญ่ขยับตัวออก เมื่อเห็นว่าคนใช้นำสำรับอาหารมาวางไว้ให้แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกดุ
“อย่างอื่นนี่อะไรครับ”
เสียงกระเซ้านั่นเจือเสียงกระเส่าที่สาวใหญ่โหยหา เสียงหัวเราะคิกๆ นั้น ราวสาวแรกรุ่น ทอมยิ้มกับท่าทีนั้น แต่ส่วนลึกเขาสมเพชตัวเอง เขาจะต้องปรนเปรอ ผู้หญิงคนนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน
