ep3
“คุณทำอะไร”
เริงฤดีตื่นขึ้นมาพอดี พบว่าใบหน้าของเธอกับเขา แทบจะชิดกัน คมกริชผละออก บอกบอกด้วยเสียงปกติว่าเขากำลังจะเอื้อมไปรับโทรศัพท์ให้เธอ
“มีคนโทรมาหรือ? เหมือนฉันก็ได้ยิน”
“ครับ มีสายเข้า เสียงโทรศัพท์คุณโบราณมาก”
เริงฤดีหัวเราะ
“ฉันว่ามันคลาสิคดี”…..๑ สายไม่ได้รับ
“โจอี้ค่ะ คงโทรมาว่าฉันถึงบ้านหรือยัง”
เริงฤดีเอนกายพิงเบาะ บอกกับเขาว่าจะพักสายตา แต่ก็หลับไปจริงๆ อีกครั้ง
โจอี้... ใครกัน คมกริชสงสัยแต่ไม่ได้ถาม เขาเคลื่อนรถออกจากร้านอาหารตรงไปยังบ้านของเธอ นึกขอบคุณเสียงโทรศัพท์อยู่บ้าง ที่ทำให้เขามีสติ รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้น ไม่สมควร เกือบไปแล้วไหมล่ะ
ไม่ถึงยี่สิบนาที รถสปอร์ตก็มาจอดไว้ที่บ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง รถยนต์หลายคันจอดเรียงรายอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีใครไปรับเธอ
“คุณเริงฤดีครับ” คมกริชเขย่าปลุก ครั้งนี้ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากไปกว่าปลุกให้ตื่น
“คะ ถึงแล้วหรือคะ” เสียงงัวเงียนั้นตอบกลับ ก่อนที่จะยกมือลูบหน้าตนเอง เพื่อคืนสติ เริงฤดีหันมายิ้มในความสลัวรางบนรถกับคมกริช
“ขอบคุณนะคะ คุณเก่งมากที่เจอบ้านฉันได้”
“หาไม่อยากหรอกครับ บ้านเลอวาณิชกุล คนดังแถบนี้” คมกริชบอกยิ้มๆ แววตาฉายเลศนัยบางอย่าง เขากำลังจะก้าวไปเปิดประตูรถให้ตามมารยาทของสุภาพบุรุษ แต่ถูกดึงรั้งไว้ด้วยมืออีกฝ่าย
“คุณอยากจูบฉัน ตั้งแต่ตอนนั้น”
สิ้นคำ ริมฝีปากเย้ายวนนั้นก็แนบเข้ากับริมฝีปากของคมกริช ก่อนจะถอนออกอย่างรวดเร็ว เริงฤดีเปิดประตูออกมาจากรถ รอให้เขาขนกระเป๋าจากท้ายรถให้
“ฉันขอบคุณมากนะคะ คุณกริช”
“ไม่เป็นไรครับ” คมกริชลากกระเป๋าใบโตมาชิดประตูบานเล็ก เริงฤดีควานหากุญแจของเธอ
“เจอแล้ว..... ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
คมกริชยิ้ม แล้วร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามของคมกริชเคลื่อนเร็วจนชิดกับร่างของเริงฤดี ก่อนผลักร่างของเธอชิดขอบประตู ตรึงเธอด้วยร่างของเขา ฉกริมฝีปากสัมผัสบดเบียดริมฝีปากที่หวานชุ่มนั้น ลิ้นร้อนผ่าวสอดรับดูดดุนกันด้วยอารมณ์ใคร่ มือเรียวยาวยุ่มย่ามเปะปะไปตามลำตัวของหญิงสาว ก่อนจะลากเลื้อยสอดเข้ามาที่ปลายเสื้อขยับขึ้นมาถึงเนินอกนุ่ม ขยับขยำเสียจนเจ้าของร่างร้องครางในลำคอด้วยความพอใจ อารมณ์ของคมกริชเพริศไปกับกลิ่นเนื้อสาวอันหอมกรุ่น จนเขาอยากจะลากเธอเข้าไปในรถอีกครั้ง
******
“ปริ๊น.......”
ร่างในเงามืดผละออกจากกันอย่างได้สติ ก่อนที่ไฟหน้ารถจะสาดเข้ามากระทบ เครื่องยนต์ยังไม่ดับ ประตูรั้วบานใหญ่เปิดออกด้วยกลไกของรีโมทคอนโทรล คนในรถออกออกมาจากรถด้วยความหงุดหงิด
“นั่นพี่เริงใช่ไหม” เสียงบางเล็กมีเสน่ห์ของหญิงสาวผู้อ่อนเยาว์กว่าร้องขึ้น
“ลดาหรือ”
เสียงแหบพร่าตอบออกมา ก่อนก้าวมาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม โดยมีบุรุษแปลกหน้ายืนอยู่ด้านหลัง
“ทำไมไม่รอที่สนามบิน”
เสียงคนเป็นน้องตำหนิอย่างหงุดหงิด เธออุตส่าห์ขับรถไปรับ ตั้งแต่สามทุ่มเศษ รอจนกระทั่งเที่ยงคืนตี ๑ กลับมาถึงบ้านก็ยังไม่เห็นพี่สาว ขับรถออกไปอีกครั้งก็ยังไม่มีวี่แวว
“ฉันโทร.เข้ามาที่บ้านก็ไม่เห็นมีใครรับ”
“เขาไม่อยู่หรอกรายนั้น ก็แล้วทำไมไม่โทรเข้าเบอร์ลดา” เสียงคนเป็นน้องยังหงุดหงิด
“ฉันไม่รู้เบอร์เธอ แล้วเธอทำไมไม่โทร.หาฉันล่ะ”
เริงฤดีร้องถามเอากับลดารัตน์ น้องสาวที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสนิทกันนัก
“คุณแม่เขาไม่ได้ให้ไว้นี่ เขาไม่เคยให้เบอร์พี่เริงกับลดาหรอก เขาบอกแค่พี่เริงว่าจะมาเวลานี้ แล้วให้ลดาไปรับ” น้องสาวบอกเมินๆ
“แล้วนั่น พี่เริงมากับใคร”
ลดารัตน์ เปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังพี่น้อง
“อ้อ พี่ลืมแนะนำไป นี่คุณคมกฤชจ้ะ เขาอาสาพาพี่มาส่ง เราเจอกันที่สนามบิน”
“เครื่องลงเที่ยงคืนไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับเอาป่านนี้”
ลดารัตน์มองอย่างจับผิด เริงฤดีมีสีหน้าเจื่อนไป อึกอักในลำคอ
“ต้องขอโทษนะครับที่พามาส่งช้า ผมพาพี่สาวของคุณไปทานข้าวมานะครับ แล้วก็เลยติดลม จริงๆ ผมควรจะพามาส่งโดยเร็ว เรื่องนี้ผมขอรับผิดเองนะครับ”
ลดารัตน์พยักหน้าเชิงรับรู้ ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เดินผ่านหน้าคมกฤชไปลากกระเป๋าใบโตของพี่สาวมาที่รถตัวเอง เริงฤดีมองคมกฤชแล้วยิ้มให้แบบไม่รู้จะทำอย่างไรดี คมกฤชยิ้มปลอบใจ ถึงเวลาที่เขาจะกลับบ้านเสียที อย่างไรเสียหญิงสาวคนนี้ก็ถึงบ้านของเธอแล้ว
“ผมเห็นจะต้องลากลับก่อนนะครับ ไว้สานต่อนะครับ” ประโยคหลังคมกฤชก้มลงกระซิบที่ข้างหู
“อะไรนะคะ” เริงฤดีตาโต ย้ำคำอีกครั้ง
“ไว้เจอกันนะครับ ฝันดีนะครับ เพื่อนใหม่ของผม”
คมกฤชโบกมือลา ก่อนหันไปลาลดารัตน์ที่รออยู่แล้วที่รถ เริงฤดีหน้าร้อนผะผ่าว ยิ้มเขินก่อนจะโบกมือตอบ พึมพำเบาๆ กับตัวเอง
“คนบ้าอะไรก็ไม่รู้”
