บทที่ ๓ : ปล่อย... (๑)
“ทำอะไรน่ะ?” เสียงเข้มถามคนที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับเลนส์กล้องส่องทางไกล หลังจากที่เขาไปเคลียงานมาแล้วปล่อยให้ขณิกานั่งรออยู่ในร้านอาหารโอเพ่นบาร์สไตล์คันทรี่ของรีสอร์ต
เขาใหญ่แฟมิลี่แคมป์รีสอร์ตแอนด์ฟาร์มอยู่ในช่วงปิดทำการ ทางตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานของผู้ร้าย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของสองพ่อลูกเจ้าของฟาร์มว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงไม่มีใครสักคนนอกจากเจ้าของฟาร์มกับหญิงสาววัยยี่สิบหกปี
“แอบดูไงคะอาภพ” เธอตอบขณะที่ไม่ได้ปล่อยกล้องอันเล็ก ๆ ที่จรดอยู่บนดวงตา คนข้างหลังหยุดก้าวลงทำชะเง้อคอมองบ้าง
“จะไปแอบดูอะไรเขาฮะ เป็นพวกถ้ำมองหรือไง?”
“ใช่แล้วค่ะ พายมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพราะว่าพี่อริสเปลี่ยนไปคืออารมณ์ดี ปรกติพายไม่ยักกะเห็นพี่อริสหัวเราะ พี่แกแค่ยิ้ม นาน น้าน นาน จะได้เห็นสักที มุกตลกพี่อริสก็ฝืดมาก ไม่ตลกสักนิด แกชอบเก๊กสวย ทำหน้าตาเป็นรูปปั้นหิน แต่คนสวยก็สวยนี่นะ”
ขณิกาบ่นยาวเหยียด ส่องดูทั้งสองคนไป คุณหมอไอศูรย์นอนอยู่บนตักของพี่สาวแสนน่ารักของเธอ หัวเราะคิกคักอะไรกันสักอย่าง ทำเอาอยากรู้จนตัวสั่น
“พี่อริสหัวเราะใหญ่เลย... หัวเราะท้องแข็งขนาดนั้นคุยอะไรกัน?”
“นี่... พาย” บ่ามนถูกสะกิดด้วยปลายนิ้วชี้ที่แตะลงหลายครั้ง หญิงสาวแค่ปัดออกไปเหมือนปัดแมลงวันตอม
“อย่าเพิ่งกวนค่ะอาภพ พายกำลังใช้สมาธิขั้นสุดยอด ถ้าพายเป็นผู้ชาย พายคงแจกขนมจีบเช้าเย็นแบบคุณหมอนี่ล่ะ เฮ้อ.. ทำไมพายไม่เกิดมาเป็นผู้ชายนะ หรือให้พี่อริสเกิดมาเป็นไอดอลแบบลิซ่าก็ได้ พายจะตามไปติ่ง! เกาะติดขอบเวที ซื้อตั๋วคอนทุกใบ”
“พาย... ขออาดูด้วยคนสิ” เสียงทุ้มอ้อนขอ พิภพโน้มตัวลงหาคนตัวเล็ก ปลายจมูกรับรู้กลิ่นหอมอ่อนจากเส้นผมดำขลับสลวยเข้าทีหนึ่ง ใจสั่นไหวไปตามประสาโคแก่...
“นี่ของของพาย อาภพขับรถไปซื้อกล้องเองนะคะ ไม่ก็สั่งช้อปปี้เอานะ” ขณิกายังคงไม่สนใจ ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่ออริสานั้นสูงมาก เธอชื่นชมผู้หญิงคนนี้มานานเพราะทั้งสวยทั้งเก่ง ดันทำให้คนเป็นพ่อแท้ ๆ รู้สึกไม่พอใจ แต่เขายังทำอ้อนขอ
“ขออาดูหน่อยนะ นะ.. เดี๋ยวอาพาไปขี่ม้าเล่นดีไหม?”
“น้อยไปค่ะ แลกกับกล้องส่องทางไกลรุ่นลิมิเต็ดของพายไม่ได้ พายซื้อมาแพงมากเพื่องานนี้ค่ะ พายเป็นแม่คุณทุ่ม ติ่งตัวแม่ เสียใจด้วยนะคะอาภพ”
วงหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงยังลักลอบดมกลิ่นหอมชื่นใจอยู่เรื่อย ๆ นึกเกิดหึงลูกสาวตัวเอง เพราะหนูพายไม่สนใจเขาเลยนี่แหละ
“พี่อริสคงคิดถึงคุณแม่มาก พี่อริสถึงไม่ค่อยจะยิ้มเลย... เอ๊ะ! หรือนางจะเห็นหมอไอเป็นแม่ คนละเรื่องเดียวกันเลยนะเนี่ย... เห้ย!” เสียงสูงปรี้ด ขณิกาม้วนตัวเขินอาย ระบายยิ้มกว้างเต็มวงหน้าหวาน ยอมลดกล้องลงจากเมื่อเพื่อหันไปส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม
ในระยะใกล้กันเสียจนสังเกตเห็นนัยน์คู่หวานคมสะท้อนความหลงใหลชัดเจน หากเป็นอารมณ์ปรกติขณิกาคงได้ม้วนอายไปสามตลบกับหนุ่มใหญ่ที่ดูไม่แก่ไปกว่าวัย ยังหล่อเหลาเอาการ ไม่ใช่ในอารมณ์ติ่ง...
“อุ๊ย.. โรแมนติก.. อ่ะ...” และที่ว่าคือบุคคลในอีกฝั่งของฟาร์มที่โอบล้อมด้วยพื้นหญ้าเขียวขจี ใบหน้าเปื้อนยิ้มสะบัดไปยกกล้องส่องทางไกลขึ้นส่องต่อ
“ซื้อมาตั้งเจ็ดหมื่นต้องเผือกให้คุ้ม ไหนอะไรยังไง?”
หมับ! กล้องราคาแพงโขถูกมือหนาแย่งไปอย่างดื้อดึง ร่างบางลุกพรวดตาม เขย่งปลายเท้า พยายามไขว่คว้าของของตนจากคนตัวโตที่ยกกล้องไว้เหนือศีรษะ ด้วยความสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร เป็นไปได้ไม่กับผู้หญิงตัวเล็กอย่างขณิกาเลย
“อาภพ! เอาคืนมา อย่ามาแย่งของพายนะ” เสียงแหลมเล็กประท้วง สู้ประกายตาดุดันของหนุ่มใหญ่ที่ดูเป็นคนละคน
“ไม่คืน...”
“เอาของพายคืนมา!”
“อาบอกว่าไม่ อาไม่ให้ดูแล้วพาย ถ้ายังไม่เชื่อ อาจะโทรเรียกลุงนิ่มมารับกลับบ้าน”
“อาภพใจร้าย...” หญิงสาววัยยี่สิบหกปีเบะปากอย่างเง้างอน ความแข็งกร้าวฉายชัดบนใบหน้าคมเข้ม โทสะเดือดพล่านด้วยแรงริษยา
“เป็นเด็ก อย่าลามปาม”
“พายไม่เด็กแล้ว พายเรียนหนังสือจบทำงานหาเงินเอง เป็นเจ้าของบริษัทนะคะ อาภพไม่ต้องเรียกลุงนิ่มหรอก พายไปของพายเองได้” เธอเถียงอย่างที่ไม่เคยทำ ถึงขณิกาจะเป็นลูกคุณหรูเอาแต่ใจเธอก็เป็นเด็กดี
ใช่... เธอไม่เคยกล้ามีปากเสียงกับอาพิภพผู้เปรียบเสมือนพ่อ! เขาชอบออกคำสั่งทำตัวเอาแต่ใจกับเธอ
ในฐานะ ‘อา’ ตรงข้ามกับสายตาที่ทอดมองมาด้วยความหลงใหล รักใคร่ หวงแหน เหมือนเธอเป็นสมบัติส่วนตน
“อาไม่ให้กลับ จนกว่าพ่อเราจะมารับนะ ไปกับอา... ขึ้นรถ”
“...”
ขณิกาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะมองไปทางคนขับรถกอล์ฟประจำฟาร์มที่จอดรออยู่อย่างขุ่นเคืองใจ
“เร็ว ๆ ไป... กลับบ้านอา” เขาออกคำสั่งอีกครั้ง ร่างบางในเดรสสีขาวลูกไม้แขนสั้นสไตล์คุณหนูยอมก้าวขึ้นรถตามคุณอา นั่งลงแล้วจึงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายใบเล็กงานแบรนด์ กดมันพลันตวัดขึ้นแนบหู
“ลุงนิ่มมารับพายเลยนะ พายจะไปร้านพี่ชิน ไปนั่งทำงานก่อนเข้ากรุงเทพค่ะ”
เป็นประสาเธอที่ไม่เคยมีใครขัดใจได้แม้แต่พ่อแม่แท้ ๆ รถกอล์ฟแล่นฉลิวในฟาร์มอากาศสดชื่น ซัดพาความเย็นยะเยือกระลอกหนึ่งมากับสายลม พิภพพยายามข่มอารมณ์โมโหไว้
“พาย... อย่าดื้อกับอา อาบอกไม่ให้กลับ เดี๋ยวพ่อก็มา ค่อยไปได้ไหม?”
“ทำไมคะ? อาภพเป็นอะไรกับพายหรือไง ไม่เป็นก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง พายจะไปกินข้าวกับเพื่อน... ผู้ชาย”
ผู้ชาย กับท่าทางท้าทายของเด็กสาวรุ่นลูก ทำนายหัวฟาร์มม้าเข้าขั้นวิกฤติ สิ้นสุดความสามารถในการควบคุมตัวเอง
“ตอนมาก็อยากจะมาเอง ตอนนี้เธอคงเดินไปเฉย ๆ จากฟาร์มอาไม่ได้ ถ้าอาไม่อนุญาต” สิ้นถ้อยคำเย้ยหยันเป็นเชิงขู่ในท่าทีวางอำนาจว่าคำสั่งของเป็นคำขาด!
หญิงสาวได้แต่เก็บความโกรธระคนน้อยเนื้อต่ำใจไว้ในสีหน้าเรียบเฉย ต้องยอมเชื่อฟังคุณอาในเมื่อเธอคงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
