เธอต้องรับผิดชอบฉัน
"แต่เธอเป็นคนแรกของฉันนะลีฟ" เสียงของเขาดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังก้าวขาเดินออกมา ห๊ะ! อีตาหลอนมันพูดว่าอะไรนะ เหมือนฉันจะได้ยินไม่ถนัด ฉันเลยรีบหันขวับกลับไปทันที
เขาคว้าข้อมือฉันเอาไว้พร้อมมองหน้าฉันอยู่แบบนั้น บ้าจริง! นี่เขากล้าจับ กล้าสัมผัสตัวฉันแล้วเหรอ ขนาดมีอะไรกันเขายังแทบไม่แตะต้องตัวฉันเลยด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะพูดประโยคอะไรบางอย่างออกมาที่ทำให้ฉันต้องหยุดนิ่งชะงักไปในทันที
"เธอเป็นคนแรกของฉัน"
"ฮ่า ๆ ๆ นายนี้มันตลกชะมัด" ฉันหัวเราะออกมาดังลั่นก่อนที่จะมองหน้าเขาทันทีที่พูดจบ อีตานี่มันฝันอะไรของมันอยู่ คนแรกอะไรมันละเมอหรือเปล่า
"ฉันพูดจริง" เขาจ้องหน้าฉันแบบจริงจัง ท่าทางสีหน้าของเขามันดูซีเรียสเอามาก ๆ แต่ฉันไม่เชื่อหรอก เขาพูดเพ้อเจ้ออะไรอยู่
"นายพูดบ้าอะไรของนาย" ฉันยืนจ้องหน้าเขาตอบ
"แต่..."
ครืดดดด ครืดดดด! เขาพูดไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมันเลยต้องทำให้เลิฟหยุดชะงักในทันที ปรากฏว่าคนที่โทรมาคือพี่พลอย เขาเป็นพวกออแกไนซ์รับจัดงานประมาณนี้ ถ้าเขาโทรมาก็แสดงว่าคงมีงานให้ฉันทำ
"ค่ะพี่"
(วันนี้คนพี่ขาด ลีฟว่างมั้ยลูก)
"พี่จะให้ลีฟช่วยอะไรคะ?"
(ช่วยไปพรีเซนต์ผลิตภัณฑ์ให้พี่ที)
"ได้ค่ะ ทีไหนคะ"
(เวลาหนึ่งทุ่มที่โรงแรมHugo hotel ที่ห้องประชุม7)
"ได้ค่ะ โรงแรมHugoนะคะลีฟจะรีบไป"
ฉันเน้นย้ำสถานที่ขึ้นอีกทีก่อนที่จะวางสายจากพี่พลอย โดยที่มีสายตาของเลิฟกำลังมองมาทางฉัน ฉันจะรับงานพริตตี้ เอ็มซี หรือนางแบบบ้างเป็นบางครั้งคราวแล้วแต่โอกาสแล้วแต่งานด้วย งานพวกนี้มันได้เงินค่อนข้างดีแลกกับการแต่งตัวโชว์นั่นโชว์นี่บ้างนิดหน่อย
"ขอตัวนะ ฉันมีธุระต้องรีบไป" พูดกับเขาจบ ฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้น
"ใครโทรมา?" เขาเดินมาขวางฉันไว้พร้อมพูดเสียงเรียบนิ่งตามสไตล์เหมือนเดิมนั่นแหละ
"...." ฉันเลือกที่จะไม่ตอบแล้วเดินเลี่ยงออกมา เพราะใครจะโทรมามันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย
"จะไปไหน?" เขาคงยังไม่หยุดเดินมาขวางฉันอีกครั้ง
"ไปไหนก็เรื่องของฉัน" ฉันพูดแค่นั้นก่อนที่จะรีบเดินออกมา เพราะฉันไม่มีเวลามาคุยกับเขาแล้ว ถ้าขืนอยู่นานมีหวังสายกันพอดี แล้วงานที่ได้เงินดีแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ ฉันต้องรีบคว้าไว้
@โรงแรมHugo
ฉันมาถึงที่งานก่อนเวลาพอสมควร นั่นหมายถึงว่าฉันยังมีเวลาแต่งหน้าทำผมอีกมาก แล้ววันนี้ชุดที่ฉันจะต้องใส่ก็คือชุดเดรสสั้นเกาะอกสีแดงวิบวับตัดกับผิวขาว ๆ ของฉันได้เป็นอย่างดีเพราะวันนี้ฉันได้แนะนำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม มันก็ต้องโชว์สัดส่วนมากหน่อย ถ้าคนทั่วไปก็อาจจะดูโป๊ไปนิดนึง แต่สำหรับงานพวกนี้แล้วก็ถือว่าธรรมดามาก
"อีกห้านาทีสแตนบายตามที่บอกเลยนะลีฟ" พี่พลอยเดินมาบอกฉันที่กำลังเติมหน้าอยู่ที่หน้ากระจก
"โอเคค่ะ" ฉันพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเดินไปรอตรงที่เขาได้จัดไว้ให้
พอถึงเวลาเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชจากช่างภาพในงานต่างพากันสาดใส่มาทางฉันทันทีที่ปรากฏตัว
"น้องโอลีฟ ซ้ายหน่อยครับ"
"เอียงขวาให้พี่นิดนึง"
"สวยครับ ยิ้มอีกนิด ดีมากครับ"
เสียงของช่างภาพในงานที่กำลังถ่ายรูปฉันที่ถือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอยู่ เรื่องมุมกล้องจิกกล้องขอให้บอกอีอ้อยสู้ตายค่ะ
"น้องโอลีฟดึงเสื้อลงอีกนิดครับ"
"โชว์อกอีกนิดครับ แบบนั้นเลย สวย..."
หมับ!! แรงกระชากของใครบางคนที่ดึงฉันลงจากเวทีในขณะที่ฉันกำลังโพสต์ท่าให้ช่างภาพในงานถ่ายรูป ฉันเบิกตากว้างเมื่ออีคนที่พูดถึงมันเป็นไอ้หลอน มันมาได้ไงกันเนี่ย
"กลับบ้าน" เขาพยายามดึงแขนลากถูฉันให้เดินตาม ไอ้บ้าเอ้ย จะมากระชากฉันทำไม ว่าแต่ว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเขาแอบตามฉันมา
"ปล่อยนะเลิฟ ปล่อย" ฉันสะบัดแขนออกจากเขา อีตานี่มันกินยาไม่เขย่าขวดหรือเปล่า
"ชอบนักหรือไงให้คนอื่นมามองอ่ะ" เขาเอามือทึ้งหัวตัวเองแรง ๆ แบบไม่สบอารมณ์
"นายพูดบ้าอะไรของนาย?"
"ไปกับฉัน ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้เธออยู่ที่นี่" เขาคว้าแขนฉันพร้อมกระชากให้ฉันเดินตามเขาไปอีกรอบ
"แต่มันคืองานของฉัน ฉันต้องทำงาน" ฉันร้องบอกเขาไป ถ้าขืนออกไปตอนนี้มีหวังเสียการเสียงานกันพอดี
"แล้วงานอื่นไม่มีหรือไงวะ ทำไมต้องมาทำงานแบบนี้?"
"แล้วจะทำไม ทีนายยังชกมวยเถื่อนได้เลย แล้วทำไมฉันจะเป็นพริตตี้บ้างไม่ได้" ฉันสวนกลับไป เขาไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายงานของฉัน
"โอลีฟ" เขาเรียกชื่อฉัน
"เลิฟ" ฉันก็เรียกเขาคืนบ้าง
"ไม่รู้แหละ เธอต้องไปกับฉัน"
"นายอย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันได้มั้ย จะไปไหนก็ไป" ฉันร้องขึ้นเมื่ออีตานี่เริ่มพูดไม่รู้เรื่อง
"แต่ฉันกับเธอ..." เขาพูดไม่ทันจบฉันก็พูดแทรกขึ้น ฉันรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
"ก็ขอโทษไปแล้วไง นายจะอะไรกับฉันหนักหนาวะ?" ฉันโวยวายใส่เขาไปพร้อมสะบัดแขนออกจากเขาอย่างแรง
"ไม่ให้อภัยเว้ย มึงได้กูแล้ว ถ้ามึงทิ้งกูมึงตาย!" มันส่งเสียงสะอื้นกระซิก ๆ ตอบกลับมา
'แสดงเก่ง'
เขากลัวฉันทิ้งงั้นเหรอ ฉันว่าอาการเขาคงหนักแล้วจริงๆ ชกมวยหนักไปหรือไง สมองถึงได้ฝั่นเฝือนขนาดนี้ ติดใจอะไรฉันนักหนา
"ไปกับฉัน" เขาจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าเอาเป็นเอาตาย
"ก็บอกแล้วไงว่า..."
ฉันพูดไม่ทันจบแต่สายตาของฉันดันเหลือบหันไปเห็นกระบอกปืนสีเงินมันวาวที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของมัน
'ซวยแล้วไงอีอ้อย' อันนี้ฉันไม่ได้แสดง มันคือปืนจริง ๆ
"กลับบ้าน" เขาพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมดึงแขนฉันให้ออกจากตรงนั้น
"...."
สุดท้ายฉันก็เดินตามเข้ามาขึ้นรถจนได้ จะไม่ให้ตามมันได้ยังไง กระบอกปืนมันเหน็บหลังขนาดนั้น ขืนขัดใจมันมีหวังไส้แตกกันพอดี แล้วรถที่ฉันขึ้นก็เป็นรถหรูซะด้วย นึกว่าเขานั่งเป็นแต่รถเมล์ซะอีก
ขับรถไปได้สักพักเขาก็พาฉันมาจอดที่ไหนสักแห่งนึง ถ้าให้ฉันเดามันคงเป็นคอนโด แล้วมันก็ไม่ใช่คอนโดธรรมดามาม่าปลากระป๋องด้วยนะ มันเป็นคอนโดใจกลางเมืองหรูหราหมาเห่าสุดๆ
ฉันหันไปมองเลิฟตั้งแต่หัวจรดเท้าในทันที ฉันว่าเขาไม่ใช่แค่นักมวยเถื่อนธรรมดาๆ แล้วล่ะ ไหนจะรถซุปเปอร์คาร์ราคาหลายล้านที่ฉันกำลังนั่ง ไหนจะคอนโดอีก เขาเป็นใครกันแน่
"นายรวยขนาดนี้เลยเหรอ?" ฉันหันไปถามเขาด้วยความสงสัย ก็ฉันคิดมาโดยตลอดว่าเขาเป็นแค่นักมวยธรรมดาคนนึง
"แล้วฉันเคยบอกเธอเหรอว่าฉันจน?" เขาถามกลับมา เออ ใช่ มันไม่เคยบอกฉันว่ามันจน
"แต่ฉันอยากกลับบ้าน ไม่ได้อยากมาที่นี่?" ฉันเอ่ยขึ้นแล้วหันไปมองหน้าเขา ก็ตอนนี้มันดึกแล้ว ฉันก็ควรที่จะกลับบ้าน ไม่ใช่มาอยู่ตรงนี้
"เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง" เขาตอบกลับมา
"...."
"ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า" เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางของฉันที่กำลังเลิ่กลั่ก
"แล้วนายไม่กลัวฉันทำอะไรนายหรือไง" ฉันรวบรวมสติแล้วสู้มันไป ก็ฉันเคยมีประวัติข่มขืนอีตานี่มาเเล้ว ใครสมควรกลัวใครกันแน่ ผู้ชายพาผู้หญิงมาห้องสองต่อสองถ้าไม่มาทำเรื่องอย่างว่าจะให้มาทำเรื่องอะไร เล่นหมากเก็บงั้นเหรอ ตลก!
"แล้วเธออยากทำอะไรฉันหรือเปล่าล่ะ?" เขามองหน้าฉันนิ่ง
"...." กรี๊ดดดดดด ฉันร้องกรี๊ดในใจเมื่อมันพูดประโยคนั้นออกมา โอ เอ็ม จี มันจะใจกล้าเกินไปแล้วนะ
"ทำเป็นแล้วหรือไงถึงพูดคำนี้ออกมา" ฉันพูดออกไปพร้อมจ้องหน้าเขา ก็มีอะไรกันครั้งที่แล้วเขายังนั่งแข็งเป็นขีปนาวุธสงครามโลกอยู่เลย บังอาจมาท้าทายอำนาจมืดของอีอ้อย
"ไม่เป็น" มันตอบกลับมา อันนี้เรื่องจริงหรือหลอก ฉันแยกไม่ออกนะบอกก่อน เพราะฉันไม่ปักใจเชื่อหรอกว่าเขายังเวอร์จิ้นแบบที่เคยพูด เพราะท่าทางมันไม่ได้เอามากๆ ถ้าบอกว่าอีตานี่หลอกฟันผู้หญิงแล้วทิ้งเป็นร้อยคนฉันยังจะปักใจเชื่อมากกว่าอีก
"...."
"งั้นเธอช่วยสอนฉันได้มั้ยลีฟ?"
"ละ...เลิฟ" กรี๊ดดดดดด ฉันขอกรี๊ดอีกทีให้กับอีตาหลอน ทำไมมันถึงหน้ามึนขนาดนี้นะ แล้วทำไมฉันถึงต้องหน้าแดงกับคำพูดของเขาด้วยเล่าสงสัยมันคงจะติดใจท่ายากของฉันเป็นแน่แท้
ในที่สุดฉันก็ขึ้นมาอยู่ในห้องกับเลิฟเป็นที่เรียบร้อย คอนโดของเขากว้างมาก แยกโซนอย่างดีแบบเป็นระเบียบ การจัดห้องก็เน้นโทนสีดำเป็นหลักราคาคงแรงน่าดู
"ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า" เขายื่นเสื้อยืดตัวใหญ่ ของเขามาให้ฉันที่นั่งอยู่ ก่อนที่ฉันจะรับมันมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จฉันก็เดินออกมาเห็นเขากำลังนั่งดูบอลพร้อมกับกระดกเบียร์อยู่หน้าเทวี ฉันเลยเดินไปนั่งลงข้างๆ เขา ก่อนที่เขาจะหันมามองฉัน
"ถ้าง่วงก็ไปนอนในห้องนะ"
พรึ่บ!! พอเขาพูดจบฉันก็ทิ้งหัวลงนอนบนตักเขาแบบดื้อๆ ซึ่งแน่นอนว่าเขามองหน้าฉันแบบอึ้งๆ
"ฉันอยากนอนบนตักนาย" ฉันพูดพลางค่อยๆ หลับตาลง วันนี้ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันเพลียฉันอยากพักผ่อน
"โอลีฟ" เลิฟเรียกชื่อฉันเบาๆ ก่อนที่มือของเขาจะลูบเบาๆ ที่ปากฉัน ก่อนที่ฉันจะค่อยๆ ปรือตามองเขา ซึ่งก็เห็นว่าเขากำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน
"อยากจูบใช่มั้ย?" ฉันพูดขึ้นเพราะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สายตาท่าทางของเขามันบ่งบอกทุกอย่างหมดแล้วว่าเขากำลังอยากจะทำอะไร
"แล้วให้จูบได้ไหม?" เขาโน้มใบหน้าของเขาลงมาหาฉันที่นอนอยู่
"จูบสิ" ฉันพูดแค่นั้นก่อนที่จะค่อยๆ หลับตารอสัมผัสจากเขา
ริมฝีปากของเลิฟแตะลงมาที่ปากฉันเบาๆ ก่อนที่ฉันจะเป็นคนเปิดปากเขาแล้วสอดลิ้นร้อนเข้าไปครั้งนี้เลิฟไม่ได้ขัดขืนเหมือนครั้งแรกแต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้ น่าแปลกที่เขาไม่จูบฉันตอบทั้งๆ ที่เขาเป็นคนขอจูบเองแท้ๆ
"เธอเป็นคนแรกของฉัน"
"เธอเป็นคนแรกของฉัน"
"เธอเป็นคนแรกของฉัน"
"เธอเป็นคนแรกของฉัน"
แล้วจู่ๆ คำพูดของเขามันก็ลอยวนอยู่ในหัวของฉัน ฉันเริ่มรู้สึกสับสนว่าสิ่งที่เขาพูดมันเป็นเรื่องจริง
ฉันเป็นคนแรกของเลิฟงั้นเหรอ ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย เพราะท่าทางของเขามันก็บ่งบอกว่าฉันอาจจะเป็นคนแรกของเขาจริงๆ ก็ได้
"ลีฟทำให้หน่อย" จู่ๆ เลิฟก็เอ่ยขึ้นพร้อมก้มลงมองหน้าฉันที่กำลังนอนคิดอะไรบางอย่างอยู่บนตักเขา
"ตอนนี้เลยเหรอ?" ฉันถามเขากลับไป เพราะฉันก็ไม่ได้ใสซื่อที่ขนาดจะต้องมาอายกับเรื่องอะไรพวกนี้ ฉันไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ที่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
"อืม" เขาส่งเสียงในลำคอแค่นั้นก่อนที่จะมองหน้าฉันนิ่ง
ฉันลุกขึ้นมองหน้าเขาเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่จะเลื่อนมือไปจับตรงนั้นของเขา
"ใช้ปากเธอ"
"...."
