ผัวเก่ามึงเหรอ ?
ผมเดินออกมาจากซอยบ้านของลีฟหลังจากที่ไปส่งเธอเสร็จแล้ว ฐานะเธอก็ค่อนข้างดีแต่แปลกที่เธอไม่ได้รังเกียจนักมวยจนๆ แบบผม ผมสะพายกระเป๋าเป้ เดินมารอรถแท็กซี่อีกเหมือนเคย ตั้งแต่มียัยขี้เมาเข้ามาชีวิตผมก็ดูวุ่นวายดี
รถแท็กซี่แล่นมาจอดที่หน้าบ้านก่อนที่ผมจะหยิบเงินจ่ายแล้วลงจากรถมา
"ไปไหนมา กลับซะดึกดื่น?" เสียงของพ่อดึงขึ้นทันทีที่ผมก้าวขาเข้ามาในบ้าน
"ไปกินหมูกระทะมา" ผมตอบออกไปตามความจริง
"หมูกระทะ?" พ่อทวนคำถามขึ้นอีกครั้ง ก็แน่ล่ะสิ ชีวิตนี้ผมกินมันแบบนับครั้งได้
"พ่อมีอะไรกับผมหรือเปล่า?"
"พรุ่งนี้พ่อจะไปจีนกับแม่ ครั้งนี้อาจจะไปเป็นเดือน พ่อเลยอยากจะฝากแกให้ช่วยไปดูงานที่บริษัทให้พ่อชั่วคราว"
"ผมไม่รับปาก" ผมตอบแบบไม่ใส่ใจมากนัก เพราะงานที่บริษัทของพ่อมันช่างปวดหัว ผมไม่ค่อยชอบทางด้านบริหารสักเท่าไหร่ ผมชอบใช้กำลังมากกว่าสมองอันนี้ยอมรับ
"เลิกได้ก็เลิกซะนะ พ่อไม่สบายใจที่เห็นเวลาแกกลับมาแล้วต้องมีสภาพแผลเต็มตัวขนาดนี้"
"เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะแวะไปดูงานให้พ่อก็แล้วกัน" ผมรีบเบี่ยงประเด็นเพราะไม่อยากสาวความต่อ พ่อกับแม่เคยเรียกผมไปคุยเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง ทางบ้านผมรับรู้ไม่ได้ห้ามแต่ก็ไม่ได้สนับสนุน แต่ชีวิตนี้ผมขอเลือกเอง ผมเลือกจะทำในสิ่งที่ผมรัก
ผมเดินขึ้นบ้านมาก่อนที่จะเปิดประตูเดินเข้าห้องแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่
"ได้ตังค์เยอะเหรอ ทำไมถึงมาต่อยมวย"
"ถามทำไม?"
"ฉันแค่อยากรู้ว่าอาชีพอื่นก็มีตั้งเยอะ ที่ไม่ต้องเจ็บตัวน่ะ"
จู่ๆ บทสทนาคำพูดของยัยขี้เมาก็ลอยเข้ามาในหัวผม ใช่ อาชีพอื่นก็มีตั้งเยอะเยะที่ไม่ต้องเจ็บตัว แต่ทำไมผมถึงเลือกที่จะชกมวยล่ะ ไม่รู้สิ ผมคิดว่าอยากทำผมก็ทำ
ผมหยิบลิปสติกสีแดงสดของเธอออกจากกระเป๋ากางเกง ก็เธอทำหล่นไว้ตอนไปออกกำลังกายกับผม ผมว่าจะคืนให้เธอแต่ก็ลืมคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น...
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นเวลาเดิมแบบนี้ทุกวัน ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ลืมตาลุกขึ้นนั่งตั้งสติแป๊บนึงแล้วเดินไปเปิดประตู
แกร่ก!! ผมเปิดประตูออกไปก็เห็นป้าแม่บ้านคนเดิมคนเก่าแบบนี้ทุกวันเวลาเดิม ผมจะนอนช่วงเกือบๆ เช้าแล้วตื่นอีกทีคือช่วงเย็น
"มีอะไร?" ผมถามออกไป ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าป้าจะพูดว่าอะไร
"คุณเลิฟจะรับอาหารเลยไหมคะ ป้าจะได้ตั้งโต๊ะไว้รอ?"
"อืม" ผมตอบกลับแค่นั้น ก่อนที่จะเดินกลับมาอาบน้ำแต่งตัว
อาหารหลากหลายชนิดถูกวางเรียงอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะให้ผมเลือกกิน แต่ผมเลือกที่จะกินแค่ผักลวกกับไข่ต้มโง่ๆ สองฟอง ผมไม่ชอบกินจำพวกเนื้อ มันย่อยยากและถ้าผมเลือกที่จะกินจำพวกเนื้อนั่นก็แปลว่าผมต้องออกกำลังกายเพิ่มอีกเท่าตัว นานๆ ผมถึงจะกินครั้ง ส่วนจำพวกพวกเนื้อปลา เนื้อไก่อันนี้กินค่อนข้างบ่อย
ครืดดดด ครืดดดด! สายเรียกเข้าดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งทานอาหารอยู่บนโต๊ะอยู่ ผมกดรับทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นนายที่โทรมา ถ้านายเป็นคนโทรมาก็แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญพอสมควร
"ครับนาย"
(ไงเลิฟ หายหน้าหายตาไปเลยนะ)
"นายมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ?"
(เย็นนี้ท่านทูตจากอเมริกาจะบินมาดูตัวแกเพื่อลงเดิมพัน แกพอจะว่างมั้ย)
"ว่างครับ"
(งั้นก็สามทุ่ม มาเจอฉันที่เก่าเวลาเดิม)
"ครับ"
ผมกดวางสายก่อนที่จะหันมาทานอาหารอันโปรดปรานของผมต่อแบบไม่ใส่ใจมากนัก จะมีอะไรก็คงไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์อีกเหมือนเคย ผมมันตัวเงินตัวทองสำหรับพวกเขาอยู่แล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เขาได้ผมก็ได้ ถือว่าแฟร์ๆ กันไป
ผมคว้ากุญแจรถซุปเปอร์คาร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่พ่อเพิ่งถอยให้เมื่อเดือนที่แล้วออกมาลองขับ วันนี้ไม่ใช่วันหยุด รถไม่น่าจะติดอะไรมากผมจึงอยากขับไปที่คลับด้วยตัวเอง
ในคลับชื่อดังใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวยามราตรีที่พากันออกมาท่องเที่ยวโยกย้ายไปตามจังหวะดนตรี เสียงเพลงรอบข้างที่ดังกระหึ่ม แต่ภายในใจของหญิงสาวมันช่างเงียบงัน
ร่างบางที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ก้มลงมองการ์ดแต่งงานของคนรักเก่าที่อยู่ในมือ ความรู้สึกของเธอตอนนี้มันจุกอกแน่นไปหมด เธอมองการ์ดใบนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก มันยิ่งตอกย้ำให้เธอได้รู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะได้เขากลับคืนมาอีกแล้ว น้ำตาเธอค่อย ๆ รินไหลอาบลงมาทั่วใบหน้า ทำให้เพื่อน ๆ ของเธอต่างพากันมองหน้าเธออย่างเวทนา
"เอาน่าอีอ้อย ผู้ชายก็มีตั้งเยอะแยะ มึงอย่าร้องไห้ไปเลย" ซอสเอามือลูบหลังปลอบผู้เป็นเพื่อนที่กำลังโศกเศร้าร้องไห้อยู่ในขณะนี้ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะหายโศกเศร้า
"ฮึกกก ฮืออออ ทำไมพี่เคลิ้มถึงต้องทำกับกูขนาดนี้" โอลีฟร้องไห้ออกมาพร้อมทุบไปที่หน้าอกของตัวเอง หลายๆ ทีด้วยความเมา
"...." พวกเพื่อนของโอลีฟพากันมองหน้ากันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
"กูว่าอีอ้อยมันเสียใจนานไปแล้ว" ซอสพูดขึ้นอย่างท้อใจเมื่อเห็นเพื่อนสาวตัดใจจากคนรักเก่าไม่ได้สักที
"นั่นดิ" ฝ้ายพูดสมทบ
"กูว่ามันถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องทำอะไรสักอย่าง" ซอสมองไปทางโอลีฟพร้อมกระซิบกระซาบกับฝ้ายข้างหู แล้ววางแผนอะไรบางอย่างเมื่อบังเอิญหันไปเห็น 'เลิฟ รังสิมันต์' ที่กำลังเดินเข้ามาในคลับพร้อมกับเพื่อนของเขา
เคร้งงงง! เสียงแก้วเหล้ากระทบกันพร้อมกับน้ำตาของฉันที่รินไหลลงมาอาบใบหน้า ก่อนที่ฉันจะยกกระดกมันแบบเพียว ๆ ล้างความเจ็บปวดในใจ
ที่ฉันออกมาดื่มในวันนี้เพราะฉันทำใจเรื่องพี่เคลิ้มไม่ได้จริง ๆ ก็ฉันรักเขามาก พอมารู้ว่าเขากำลังจะแต่งงานฉันก็ยิ่งเจ็บปวด เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาดีกับฉันมาโดยตลอด แต่ก็มีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้เขาทิ้งฉันไป ฉันก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน
"เอาอีอ้อย แก้วนี้กูสั่งมาให้มึงโดยเฉพาะ" ซอสยื่นแก้วค็อกเทลสีสวยให้ฉัน
"อืม ขอบใจ" ฉันรับมาดื่มจนหมดแก้วโดยไม่ปฏิเสธออกมาสักคำ
"เดี๋ยวมานะ ไปสั่งเหล้าเพิ่มแป๊บนึง" ฉันพูดแค่นั้นก่อนที่จะเดินออกจากโต๊ะมา
"ยัยขี้เมา" เสียงของใครบางคนดังขึ้นก่อนที่ฉันจะหันไปมอง ปรากฏว่าคนที่เรียกฉันคือไอ้หลอน
"อะไรของนาย?" ฉันตอบแบบไม่สบอารมณ์มากนัก ก็ฉันไม่ชอบฉายาที่มันตั้งให้ซะเลย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตามเถอะ
"ลิปสติกของเธอ ฉันเอามาคืนให้" เขาพูดจบก็ล้วงลิปสติกสีแดงแท่งโปรดของฉันออกมา ก็ว่าอยู่ว่าหายไปไหนที่แท้ก็อยู่กับเขานี่เอง
พลั่ก!!ตุบ!! จู่ๆ ร่างของฉันเซไปหาเลิฟเนื่องจากมีคนเดินชนฉันอย่างแรงบวกกับอาการเมาฉันเลยเซไม่เป็นท่า ดีที่เลิฟยืนอยู่ข้างหน้า ไม่งั้นล้มหัวฟาดพื้นแน่นอน
"ที่แท้ก็โอลีฟนี่เอง พี่ก็นึกว่าใคร?" คนที่เดินชนฉันเมื่อกี้ก็คงเป็นพี่เคลิ้มแฟนเก่าของฉันสินะ เขาตั้งใจเดินชนฉันหรือเปล่าฉันก็ไม่แน่ใจ
"พะ...พี่เคลิ้ม" ฉันมองหน้าเขาก่อนที่จะเม้มปากแน่นเข้าหากัน ให้ตายเถอะ น้ำตาฉันมันกำลังจะไหลออกมา เพราะฉันไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเจอเขาจังๆ ที่นี่
"คิดจะเอาไอ้นักมวยกระจอกๆ นี่มาเป็นแฟน ลีฟคิดดีแล้วเหรอ?" พี่เคลิ้มพูดขึ้นก่อนที่จะหันไปมองเลิฟที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันแบบเหยียดๆ
"เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับพี่" ฉันพูดขึ้นก่อนที่จะหันไปมองหน้าเลิฟ ฉันกับเลิฟแค่บังเอิญมาเจอกันก็แค่นั้น ไม่ได้เป็นแบบที่พี่เคลิ้มพูดสักหน่อย
"ถ้าจะหาผัวใหม่ ก็ช่วยหาให้มันดีกว่าพี่ก็หน่อยนะลีฟ แบบนี้พี่รับไม่ได้วะ?" เขายังคงพูดต่อ
"ไอ้เหี้ยนี่น่ะเหรอ ผัวเก่ามึงอ่ะ?" เลิฟหันมาถามฉันก่อนที่จะดึงฉันให้ไปหลบด้านหลัง เขายืนจ้องหน้ากับพี่เคลิ้มอยู่แบบนั้น
"เลิฟ นายกลับไปเถอะ" ฉันเอามือสะกิดหลังเขาเบาๆ ก็ฉันกลัวว่าจะมีคนตายน่ะสิ แล้วคนที่ตายไม่ใช่ใครนะ น่าจะเป็นพี่เคลิ้มนี่แหละ ก็ไอ้หลอนมันเป็นนักมวยเถื่อนนะ หมัดมือมันต้องหนักอยู่แล้วล่ะ
"กลับทำไม มึงไม่เห็นว่ามันด่ากูหรือไง?" เลิฟพูดขึ้นก่อนที่จะเห็นไปจ้องกับพี่เคลิ้มต่อ
"แล้วมึงจะทำไม?" พี่เคลิ้มไม่ยอมแพ้ตอบกลับมา
"ลีฟขอนะเลิฟ อย่ามามีเรื่องกันเลย"
"ลีฟเหรอ?" เลิฟพึมพำในลำคอ ก่อนที่จะหันมามองหน้าฉันที่กำลังซีดเป็นไก่ต้มอยู่
"...." ฉันมองหน้าเขาแบบอ้อนวอนก่อนที่เลิฟจะยอมสงบแล้วเดินออกไปในที่สุด
"ถุ้ย! กูก็นึกว่าจะแน่?" พี่เคลิ้มตะโกนตามหลังเลิฟออกไปด้วยความสะใจที่เหมือนว่าเขาเป็นผู้ชนะ
"พี่มีอะไร?" ฉันถามออกไป
"พี่แค่จะมาย้ำลีฟอีกทีว่าอย่าลืมไปงานแต่งพี่นะ"
"...." ฉันยืนเงียบไม่พูดอะไรต่อ ใจคอเขาทำด้วยอะไรถึงกล้าเชิญฉันไปงานแต่ง ทั้งๆ ที่เพิ่งเลิกกันได้ไม่กี่เดือน
"ถ้าลีฟว่างก็ไปนะ พี่อยากให้ลีฟไปร่วมแสดงความยินดีกับพี่เป็นครั้งสุดท้าย"
"คะ...ค่ะ แต่ลีฟไม่รับปากนะคะว่าจะไปได้ไหม"
"ไม่เป็นไร แค่ลีฟเก็บไปพิจารณาพี่ก็ดีใจมากแล้ว"
"...."
"แล้วไอ้นักมวยนั่น ลีฟจะเอามันจริงๆ เหรอ ดูมันไม่มีอนาคตเลยนะลีฟ" พี่เคลิ้มจ้องหน้าฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมันเป็นเพราะความหวังดีหรืออะไรกันแน่
"...." ฉันเงียบไม่ตอบอะไร
"แต่พี่เป็นห่วงลีฟนะ"
"ลีฟขอตัวก่อนนะคะ" พูดจบฉันก็เดินเลี่ยงออกมาในทันที ฉันกลัวร้องไห้ออกมาต่อหน้าพี่เคลิ้ม
"อึกกก อื้ออออ" ฉันร้องขึ้นพร้อมสะบัดหัวไล่อาการมึนเมาที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ฉันกำลังสอดส่องสายตามองหาเลิฟอยู่ ฉันแค่อยากไปขอโทษเขาที่พี่เคลิ้มไปพูดไม่ดีกับเขา ทั้งที่เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร
พลั่ก!!ตุบ!! ฉันเดินเซซ้ายเซขวาไปชนผู้คนที่อยู่แถวนั้นแบบไม่เป็นท่า ทำไมฉันเมาได้ถึงขนาดนี้นะ เมาจนตาลาย ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
"ละ...เลิฟ" ฉันร้องตะโกนขึ้นเมื่อเห็นบุคคลที่ฉันตามหายืนสูบบุหรี่อยู่หน้าห้องน้ำชาย
"อึกก ละ...เลิฟ" ร่างกายฉันเดินไปหาเขาโดยอัตโนมัติพร้อมกับอาการแปลกๆ ในร่างกายที่กำลังเกิดขึ้น
"...." เขามองหน้าฉันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา กล้ามของเขาทำไมมันแน่นอะไรแบบนี้ บ้าจริง! นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่
"อึกกก ละ...เลิฟ" ฉันร้องครางเรียกชื่อเขาตอนนี้ จู่ๆ อันนั้นของฉันมันปวดหนึบไปหมดแล้ว ฉันกำลังมีอารมณ์เพราะเห็นท่ายืนสูบบุหรี่ของเขามันหล่อบาดใจฉันมาก
"อะไรของเธอยัยขี้เมา" เขาถามฉันขึ้นเมื่อเห็นท่าทางพิลึก ๆ ของฉัน
"ฉันต้องการนายนะ" ฉันถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับแขนเขา พร้อมส่งสายตายั่วยวนไปให้เลิฟ บ้าฉิบ! ฉะ...ฉันพูดบ้าอะไรออกไปวะเนี่ย ไม่นะ ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้
"ห๊ะ!! เธอพูดอะไรของเธอ?" เขาร้องตะโกนขึ้นพลางปัดมือของฉันออกอย่างแรงพร้อมหยิบแอลกอฮอล์มาล้างตรงที่ฉันจับ
"อะไรกันยังไม่เลิกรังเกียจอีกเหรอ อยากรู้จังว่าจะรังเกียจฉันได้อีกนานมั้ย?" ฉันพูดขึ้นพร้อมจ้องหน้าเขา ตอนนี้ร่างกายของฉันมันร้อนรุ่มไปหมด
หมับ!! ฉันจับข้อมือเขาอีกครั้งก่อนที่จะลากเขาเข้ามาในห้องน้ำชาย
ปึง!! ฉันผลักเขาให้เข้าห้องน้ำชายมา พร้อมปิดประตูล็อกกลอนอย่างแน่หนา
"ธะ...เธอจะทำอะไร?" เขาลนลานเบิกตากว้างเมื่อฉันเดินไปประชิดตัวเขา อะไรกันทำเป็นไม่เคยไปได้
"...." ฉันไม่ตอบแต่เลือกที่จะถกกระโปรงตัวเองขึ้นให้มากองอยู่ที่หน้าท้อง ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ฉันต้องการเขา ต้องการเขาให้เข้ามาในตัวฉันเดี๋ยวนี้
"ยัยบ้าเอ้ย! ถอยออกไปเลยนะ ไม่งั้นเธอเจอหมัดฉัน...อุ๊บส์" เขาพูดไม่ทันจบฉันก็คล้องคอเขาแล้วดึงเขาให้ลงมารับริมฝีปากจากฉัน ฉันกำลังจูบเขา ส่วนเขาได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับราวกับถูกแช่แข็งไว้อย่างไงอย่างงั้น ไม่จูบตอบไม่อะไรกับฉันทั้งนั้น
"เป็นของฉันเถอะนะเลิฟ" บ้าฉิบ! ฉันพูดอะไรออกไปอีกวะเนี่ย ฉันรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้มันไม่ใช่ตัวฉันสักนิด แล้วตอนนี้ฉันก็ต้องหาที่ระบาย เลิฟเท่านั้นที่จะช่วยฉันได้ในตอนนี้
"เลิฟช่วยที อ๊ะ!" ฉันร้องบอกเขาที่ยืนงงมองท่าทางอาการของฉันอยู่
"...." เขายืนนิ่งตัวแข็งทื่อ ก่อนที่ฉันจะผลักเขาให้นั่งลงบนชักโครกในห้องน้ำแล้วขึ้นคร่อมเขาไว้
"รูดซิบออกเร็ว ๆ สิ ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ"
"ระ...รูดซิบทำไมเธอจะทำอะไรฉัน?" เขาเสียงสั่นพูดออกมา ไม่ใช่แค่เสียงนะ ตัวก็สั่นด้วย ถ้าบอกฉันว่าเขายังเวอร์จิ้นฉันก็เชื่อนะ เพราะเขาดูไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเลย แต่เป็นไปได้เหรอที่คนดิบเถื่อนแบบอีตานี่มันจะไม่เคย มันเป็นไปไม่ได้
"ก็เอากันไง" ฉันตอบออกไป แล้วถือวิสาสะเอื้อมมือไปรูดซิบกางเกงออกให้เขา ซึ่งเขาได้แต่นั่งนิ่งไม่ขยับอะไรทั้งนั้น
"ถ้านายไม่อยากทำก็อยู่เฉยๆ เดี๋ยวฉันทำเอง" ฉันพูดแค่นั้น ก่อนที่จะก้มลงซุกไซ้ที่ซอกคอของเลิฟ แบบควบคุมตัวเองไม่ได้
