ตอนแรก
ชีวิตรักของ “ปารมี ภาสนที” ในวัย 37 ปี เขาครองตำแหน่งประธาน PS Group อย่างสง่างาม
ชื่อเสียง นามสกุล ทรัพย์สิน และอำนาจ ไม่มีอะไรที่ขาดหาย
ยกเว้นเพียงอย่างเดียว...หัวใจที่ไม่เคยเปิดให้ใครอีกเลย หลังจากความรักครั้งเก่าเคยฝากรอยแผลลึกจนยากจะลืม
ตลอดห้าปีที่ผ่านมา คุณหญิงแม่ พยายามกดดันสารพัดวิธี จากการส่งสาวโปรไฟล์ดี ๆ เข้ามาแนะนำตัว
จนถึงขั้น “คัดสรร” รายชื่อสาวมีดีกรีการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป แต่ไม่ว่าใครจะงามสง่าหรือเพียบพร้อมแค่ไหน ปารมีก็ไม่เคยแม้แต่จะมองสองครั้ง
“ลูกไม่มีสิทธิเลือกตลอดไปนะปารมี”
เสียงคุณหญิงแม่ยังวนเวียนในหัวเขาในเช้าวันนั้น
“ภายในสองปี ถ้าแกยังไม่ยอมแต่งงาน แม่จะเลือกให้เอง!”
เสียงของคุณหญิงก้องสะท้อนในห้องอาหารขนาดใหญ่ของคฤหาสน์หรู ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ปารมีจะยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อยด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน
เขานั่งนิ่งบนเก้าอี้หัวโต๊ะไม้โอ๊ค สวมเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้ม กางเกงสแลคเรียบหรู แววตาคมเฉียบจ้องแม่ของเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“แม่ก็กำลังจะตัดสินใจแทนผมอีกเรื่องสินะครับ”
“อย่าใช้คำว่าตัดสินใจแทน พ่อแกไม่อยู่แล้ว ใครละจะดูแลแกในอนาคตของตระกูลนี้ต่อ”
หญิงวัยหกสิบต้น ๆ ผู้ยังคงดูสง่างามในชุดผ้าไหมเรียบหรู พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เธอไม่เคยหวังอะไรนอกจากการเห็นลูกชายคนโตของเธอมีครอบครัว มีทายาท และ มีภรรยาที่คู่ควรแต่เธอก็รู้ดี...ลูกชายคนนี้ของเธอ ดื้อเงียบและดื้อลึกที่สุด
“ฉันให้เวลาสองปีพอ ไม่มากเกินไปสำหรับคนอย่างปารมี” คุณหญิงวางช้อนลงบนจานเบา ๆ แล้วหันกลับไปหาคนสนิทด้านหลัง
“เตรียมรายชื่อผู้หญิงจากฝั่งตะวันออกที่ฉันเคยคัดไว้ ส่งให้คุณปารมีเลือก”
ปารมีหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะออกมาแบบนี้ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีกครั้ง
หลังจากครั้งสุดท้ายที่เขาเคย “เลือกหัวใจ” แล้วมันกลายเป็นบาดแผลฝังลึก
ตอนนี้เขาแค่เลือก "ความสงบ" แต่แล้วเสียงของแม่ก็ยังตามมาตอกย้ำอีกครั้ง
“ถ้าไม่อยากแต่งกับคนที่แม่เลือก...แกก็หาภรรยาเองสิ ภายในเวลาที่แม่ให้ไว้”
ปารมีนิ่งไปคิ้วขมวดเพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีคำตอบใด ๆ อีกจากเขาในคืนนั้น สองปี...มันไม่ใช่เวลานานพอจะหลบหนี แต่ก็ไม่นานพอจะตัดใจจากอดีต ปารมีใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับงานจนหัวแทบระเบิด เขาไม่ใช่คนช่างพูด ไม่ใช่คนเปิดใจ และไม่ใช่คนที่เชื่อในคำว่า ‘คู่ชีวิต’ อีกต่อไป
จนกระทั่ง...
“ลันตา” เข้ามาในชีวิต เธอเป็นเลขาคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสามเดือน เด็กสาววัยยี่สิบปลาย ๆ ที่เงียบ เรียบร้อย อ่อนโยนอย่างไม่เสแสร้ง
ไม่ใช่ผู้หญิงที่หวังจะปีนขึ้นเตียงประธาน หรือหวังโชคชะตาจะเปลี่ยนชีวิต
...แต่กลับนั่งพิมพ์เอกสารเงียบ ๆ ยื่นชาเขียวมาให้เขายามสาย และเข้าคุยงานด้วยกลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ ที่ยังติดจมูกแม้เธอจะเดินออกไปแล้ว
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเริ่มมองเธอบ่อยขึ้น ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เขารู้สึกว่า...ผู้หญิงคนนี้ ไม่เหมือนใครและไม่รู้เลยว่าในวันที่เขาถูกไล่ต้อนให้ต้อง “แต่งงาน”ชื่อแรกที่ผุดขึ้นในหัว...กลับเป็นชื่อของเธอ
ลันตา...จะยอมเป็น “ภรรยาในนาม” ให้เขาไหม?
ห้องทำงานของประธาน PS Group — ปารมี
เสียงพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดดังเบา ๆ ในห้องทำงานกว้าง แสงแดดยามสายส่องลอดกระจกบานใหญ่เข้ามาตกกระทบบนโต๊ะของเลขาสาวที่นั่งอยู่หน้าห้องประธานบริษัท
ลันตา เหลือบดูเวลาที่ข้อมือ เธอเช็กเอกสารรายงานประชุมบอร์ดที่ถูกแก้ไขใหม่อีกรอบ เป็นคำสั่งด่วนจากประธานปารมีเมื่อคืนนี้ เธอเพิ่งทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงสามเดือน
จากวันแรกที่เข้ามาทำงานกับเขา เธอไม่คิดเลยว่า...ผู้ชายคนนั้นจะเป็นคนที่น่าหวั่นใจขนาดนี้ไม่ใช่เพราะความดุไม่ใช่เพราะเป็น “บอสใหญ่”แต่เพราะเขานิ่งเกินไป จนอ่านไม่ออกเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
“คุณลันตา ขอรายงานการประชุมหน่อยครับ” เสียงจากโทรศัพท์หน้าห้องดังขึ้น
" ค่ะ คุณปารมี" ลันดาหญิงสาวน่ารัก ที่นั่งประจำหน้าห้องของปารมี
ลันตารับสายอย่างสุภาพ ก่อนจะรวบเอกสารทั้งหมดแล้วเดินเข้าไปในห้องประธานชั้นบนสุดของอาคาร
แสงไฟสีอุ่นจากโคมตั้งโต๊ะส่องกระทบเอกสารกองโต
ปารมี นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้เนื้อดี ท่าทางเคร่งเครียด ขมวดคิ้วเล็กน้อยกับรายงานที่เพิ่งประชุมเมื่อเช้า ประตูห้องทำงานถูกเคาะสองครั้งเบา ๆ
“เข้ามา” เสียงเขายังคงนิ่ง เรียบ และหนักแน่นตามแบบฉบับ
ประตูเปิดออก พร้อมกับร่างของหญิงสาวรูปร่างบอบบางที่ก้าวเข้ามาอย่างเงียบ ๆ
เธอวางแฟ้มเอกสารลงตรงหน้าประธานหนุ่ม และโค้งเล็กน้อยอย่างมีมารยาท
“รายงานสรุปผลการดำเนินงานไตรมาสแรกค่ะ ฉบับที่คุณปารมีขอให้จัดเรียงใหม่เมื่อคืน”
เสียงของเธอสุภาพ นุ่ม และชัดเจน ไม่มีอาการประหม่าแม้แต่น้อย
เขาไม่ตอบในทันที แต่หยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดดู ดวงตาคมกริบกวาดอ่านอย่างรวดเร็ว
และเป็นครั้งแรกในรอบวัน...ที่ริมฝีปากของเขาขยับขึ้นเล็กน้อย
“จัดเรียงหัวข้อได้ดีขึ้นมาก ดูเข้าใจง่าย”
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ แต่น้ำเสียงนั้นฟังดูพึงใจอย่างเห็นได้ชัด
“กลิ่นแป้งเด็ก...”
เสียงในใจเขาวาบขึ้นมาอย่างประหลาด ขณะที่เธอก้าวถอยออกหนึ่งก้าว
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ติดตัวเธอเหมือนเดิมทุกครั้งที่เดินเข้ามาในห้องนี้
ไม่ใช่น้ำหอมแพงระยับ...แต่กลับทำให้ห้องทำงานที่แสนแข็งกระด้างดูอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
“คุณปารมีจะให้ดิฉันจัดตารางประชุมบ่ายนี้เลยไหมคะ?”
เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเคย สายตาไม่ได้สบตาเขาโดยตรง แต่ก็ไม่หลบเลี่ยง
“จัดไว้ก่อน” เขาตอบ แต่เสียงแผ่วลงเล็กน้อย “...แล้วเธอพักกลางวันรึยัง?”
ลันตาชะงักไปเล็กน้อย
“ยังค่ะ...แต่ว่ากำลังจะลงไปหาอะไรทานหลังจากนี้”
ปารมีไม่พูดอะไรต่อ แค่มองเธอเงียบ ๆ ก่อนจะก้มลงกลับไปดูเอกสารต่อ
“...ขอบคุณนะ ที่อยู่ช่วยถึงดึกเมื่อคืน” เขาพูดขึ้นเบา ๆ ขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวกลับ
ลันตาหันมาช้า ๆ ดวงตาเธอมีแววประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา
“ไม่เป็นไรค่ะ งานของดิฉันอยู่แล้ว”
ปารมีหลุบตาลง หยิบปากกาขึ้นหมุนเล่น
“เธอทำงานได้ดี ลันตา ไม่เหมือนบางคนที่มักพยายามทำตัวเด่นให้เข้าตาฉัน”
หญิงสาวยิ้มบาง ๆ ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรกับประโยคนั้น
“ดิฉันแค่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ ไม่คิดจะทำตัวให้เด่นอะไร”
ปารมีเงียบไปอีกครั้ง ความคิดบางอย่างเริ่มวนในหัว
หลายวันที่ผ่านมา เขาทบทวนข้อเสนอของแม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คนที่จะมาเป็นภรรยาในนามของเขา ต้องไม่เรียกร้อง ต้องไว้ใจได้ ต้องไม่มีอะไรยุ่งยากเกินไป...
และต้องไม่ทำให้เขาอยากเปิดหัวใจอีกครั้ง
“เธออายุเท่าไหร่แล้วนะ?”
คำถามของเขา ทำให้ลันตาชะงักเล็กน้อย
“ยี่สิบเจ็ดค่ะ” เธอตอบ “ทำไมเหรอคะ?”
เขาไม่ตอบในทันที
นิ้วเรียวยังคงหมุนปากกาช้า ๆ ราวกับใช้เวลานึกให้รอบคอบ
ก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้โลกทั้งใบของลันตาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
“ฉันอยากให้เธอแต่งงานกับฉัน...ในนามเท่านั้น”
...
ห้องทั้งห้องเงียบลงในทันที
ได้ยินเพียงเสียงนาฬิกาเดินกับลมหายใจที่สะดุดของหญิงสาว
“คุณ...ปารมี?” เธอถามเสียงเบา ราวกับไม่แน่ใจว่าหูตัวเองไม่ได้หลอก
“ฉันพูดจริง” เขาพูดซ้ำ น้ำเสียงหนักแน่นแต่ไม่แข็งกร้าว “ฉันไม่ได้ขอให้เธอเป็นเมียในชีวิตจริง...แค่ภรรยาในนาม เพื่อกันแม่ของฉันออกไป”
“แล้วทำไมต้องเป็นดิฉันคะ?” เธอยังไม่ยอมรับทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน
“เพราะฉันไว้ใจเธอ...และเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เล่นเกม”
“ฉันเคยลองเลือกด้วยหัวใจ...ผลลัพธ์มันพังพินาศพอแล้ว”
น้ำเสียงของเขาเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่างที่ลันตาไม่กล้าแตะต้อง
ความเจ็บปวดในอดีตของผู้ชายตรงหน้า ไม่ได้แสดงออกด้วยน้ำตา แต่ปรากฏอยู่ในความนิ่งและความเด็ดขาดของเขาทุกประโยค
เธอเงียบไปนาน ก่อนจะถามออกมาเบา ๆ
“แล้ว...ถ้าดิฉันปฏิเสธล่ะคะ?”
ปารมีมองเธอเต็มตา สบสายตาที่ใสและนิ่งของเธอโดยไม่หลบ
“ฉันก็จะยอมทำตามที่แม่ต้องการ แต่งกับคนที่ฉันไม่รู้จัก ไม่ไว้ใจ และอาจจะทำลายชีวิตฉันอีกครั้ง”
ปารมีไม่เร่งเร้าให้ลันตาตอบในทันที
เขาหยิบแฟ้มเอกสารปกดำเรียบหรูจากลิ้นชักด้านล่าง ก่อนจะเลื่อนมันมาตรงหน้าเธออย่างสุขุม
“นี่คือสัญญา” เขากล่าวเรียบ ๆ
ลันตามองแฟ้มอย่างลังเล หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
เธอค่อย ๆ เปิดแฟ้มออก ด้านในมีเอกสารไม่กี่หน้า พิมพ์เป็นระเบียบด้วยภาษากฎหมายที่เธอไม่คุ้น...แต่หัวกระดาษเขียนชัดเจนว่า
"ข้อตกลงการสมรสชั่วคราว ระยะเวลา 24 เดือน ระหว่าง ปารมี ภาสนที กับ ลันตา ชลธิชา"
ลันตานิ่งงัน รู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
“สองปี” เขาเอ่ยขึ้นช้า ๆ น้ำเสียงยังมั่นคงไม่เปลี่ยน
“เราจะแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสถานะตามทะเบียนสมรส แต่ไม่มีพันธะทางกายหรือหัวใจ”
เธอยังเงียบ
“เธอจะไม่ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของฉัน มีบ้านของตัวเอง อยู่ชีวิตของตัวเอง
หน้าที่ของเธอมีแค่ ไปกับฉันในงานที่จำเป็น และอยู่ในสถานะ ‘ภรรยา’ ต่อสังคม”มันคือข้อเสนอที่ฟังดูง่ายดายเหลือเกิน ง่ายจนเหมือนกับฝันแต่ความฝันนี้ไม่ได้มีเพียงด้านเดียว
“ค่าตอบแทนคือ เดือนละหนึ่งแสนบาทตลอดสองปี”
เขาวางซองเช็คขาวสะอาดลงตรงหน้า “หรือถ้าต้องการล่วงหน้า ฉันพร้อมโอนให้ก้อนเดียวทันทีแปดหลัก”
ลันตาหายใจติดขัดไปชั่ววินาทีมันคือเงินมากพอที่จะทำให้เธอไม่ต้องกังวลกับค่ารักษาพยาบาลกับค่าเทอมอนุบาลกับอนาคตของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังรอเธออยู่ที่บ้าน
“คุณรู้ใช่ไหมคะ ว่าดิฉันมีลูก...” เธอพูดเสียงเบา ราวกับยอมรับความลับสำคัญของชีวิต ปารมีพยักหน้า
“เด็กผู้หญิงวัยสามขวบ ชื่อ ‘ขวัญข้าว’” เขาตอบอย่างรู้ดี “ฉันตรวจสอบแล้วก่อนยื่นข้อเสนอ”
ลันตาชะงัก ดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจ
“คุณไป...สืบประวัติฉัน”
“เปล่า” เขาตอบ
“ฉันแค่ต้องรู้ก่อนว่าจะฝากชื่อเสียงครอบครัวไว้กับใครและเด็กคนนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉัน กลับกันเธอต่างหากที่ควรได้รับโอกาสในการดูแลลูกได้ดีกว่าเดิม”
คำพูดของเขาไม่ได้เอื้ออาทรไม่ได้แฝงความเห็นใจ แต่มัน...หนักแน่นหนักแน่นจนเธอรู้สึกเหมือนเขาไม่ได้เสนอแค่เงิน แต่เสนอ ‘ความมั่นคง’ ทั้งชีวิตของเธอกับลูก
“ฉันไม่ต้องการภรรยาที่หวังมัดใจฉันด้วยความรัก”เขาเอ่ยเบา ๆ พลางยื่นปากกามาวางบนแฟ้ม
“ฉันแค่ต้องการ ‘พันธมิตร’ ที่ฉันไว้ใจได้ และไม่คิดทรยศ”ลันตากำมือแน่น
คำว่า "ไว้ใจได้"...จากผู้ชายเย็นชาแบบเขา มันมีค่ามากกว่าที่เธอจะกล้าประเมิน เธอไม่รู้เลยว่าอะไรทำให้เขาเลือกเธอ เธอไม่ใช่คนที่โดดเด่น ไม่ได้สูงศักดิ์ ไม่ได้มีโปรไฟล์ดีเด่น
...เธอเป็นแค่แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย และพยายามประคับประคองชีวิตลูกให้ดีที่สุดและตอนนี้...โอกาสที่ยื่นตรงหน้าเธอ มันไม่ใช่แค่ข้อเสนอ มันคือการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนชีวิตลูกของเธอไปตลอดกาล
“ฉันไม่ต้องการคำตอบตอนนี้” ปารมีเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นเธอยังนิ่งงัน “แค่คิดให้ดี แล้วกลับมาหาฉันตอนบ่าย”เขาเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“ถ้าเธอยังไม่ลาออกไปเสียก่อน”
