บท
ตั้งค่า

ภรรยาเลขา

ตอนที่ 1

ภรรยาเลขา

ชิรวิชญ์ดึงตัวสาวน้อยที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ภายใต้อ้อมกอดให้เข้ามาแนบชิดตัวเขามากกว่าเดิมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน มันเข้ามาเติมเต็มความรู้สึกเหงาในชีวิตของเขา ถึงแม้ว่ารอบตัวจะมีผู้คนมากมายแต่สุดท้ายเมื่อยามที่เกิดปัญหาก็จะเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังคอยเป็นห่วงเป็นใยและพร้อมจะจับมือเขาก้าวเดินไปซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือญาณิศาสาวน้อยในอ้อมกอด

“ขอบคุณนะที่ไม่ว่าปัญหาจะใหญ่แค่ไหนคุณก็ยังอยู่ช่วยผม”

ปากอุ่นบรรจงจูบลงไปที่แก้มสาวน้อยที่ตอนนี้กำลังนอนหลับตาด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอมใจไม่ต่างกัน

“ณิศาไม่ได้ช่วยอะไรคุณเลยนะคะ”

หญิงสาวจับมือที่คล้องเอวของเธอให้กระชับแน่นไปกว่าเก่าเมื่อเธอรู้สึกได้ว่าอ้อมกอดของเขาคือความอบอุ่น

“คุณช่วยเป็นกำลังใจให้ข้อคิดดีๆและทำให้ผมรู้ว่าทุกปัญหามันจะมีทางแก้ไข”

ชิรวิชญ์หวนคิดถึงเมื่อครั้งที่ธุรกิจของเขามีปัญหาพนักงานหลายคนก็พากันลาออกไปเพราะเขาจำเป็นต้องลดเงินเดือนของพนักงานในบริษัท เพื่อนหลายคนที่เคยให้ความสนิทสนมก็เริ่มตีตัวออกห่างเพราะกลัวว่าเขาจะขอความช่วยเหลือในเรื่องเงินแต่เลขาที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอกลับไม่เคยไปไหนไม่ว่าจะดึกดื่นเพียงใดเธอก็ยังอยู่ช่วยเขาแก้ปัญหาหาทางออกในแต่ละเรื่องที่เจอในแต่ละวัน

“วันนี้คุณก็ไม่ได้เป็นแค่เลขาที่อยู่ข้างกายผมอีกแล้วแต่คุณคือผู้หญิงที่อยู่ในหัวใจของผม”

ญาณิศาเข้ามาเป็นเลขาของบริษัทชิรวิชญ์ตั้งแต่เธอเรียนจบซึ่งช่วงนั้นก็เป็นช่วงที่เธอกำลังประสบปัญหาเรื่องเงิน การรับเข้าทำงานจึงทำให้ชีวิตของเธอเหมือนลืมตาอ้าปากได้สำหรับหญิงสาวแล้ว ชิรวิชญ์เป็นมากกว่าเจ้านาย เขาเป็นเหมือนผู้มีพระคุณที่ทำให้วันนี้เธอมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สาวน้อยจากบ้านนอกที่ไม่เหลือทั้งพ่อและแม่ชีวิตของเธอไม่มีใค รปากกัดตีนถีบมาตั้งแต่เด็กๆในเมื่อวันนี้เธอสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้ด้วยการทำงานที่บริษัทของเขาถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีบางเดือนที่เธอจะต้องยอมลดเงินเดือนตัวเองเหลือแค่เพียงครึ่งเดียวแต่มันก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกอยากไปอยู่ที่อื่นเพราะที่นี่เป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2

“ ไปเก็บเสื้อผ้านะ เย็นนี้ผมจะไปรับเราจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านที่เราไปดูกันวันนั้น”

ชิรวิชญ์เคยพาเลขาของเขาไปดูบ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่ใหญ่มากเป็นบ้านที่เขาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงที่เรียนจบใหม่ๆตอนแรกตั้งใจว่าซื้อไว้เพื่อปล่อยให้เช่าแต่เขาตัดสินใจที่จะยกบ้านหลังนี้ให้กับหญิงสาวให้มันเป็นเหมือนเรือนหอระหว่างเธอกับเขา

“ณิศาอยู่ที่เดิมก็ได้นะคะ”

สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจเพราะถึงเธอกับเขาจะมีความสัมพันธ์กันแต่ก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องมารับผิดชอบอะไรในเมื่อทุกอย่างก็เกิดจาก ความต้องการของตัวเธอเช่นกัน

“ผมอยากอยู่กับคุณและคิดว่าบ้านหลังนี้น่าจะสะดวกกับเราทั้งคู่รับไว้นะผมให้ในฐานะที่เป็นหนี้บุญคุณที่คุณคอยเป็นกำลังใจอย่าปฏิเสธเลย”

ญาณิศาไม่ได้อยากจะรับบ้านหลังนี้ไว้แต่เมื่อเธอมาคิดดูถ้าจะให้เขาต้องมาหาเธอที่ห้องพักอยู่บ่อยๆเขาคงจะไม่สบายเท่าไหร่การที่เธอเข้าไปอยู่ที่บ้านเขามันก็จะทำให้ท่านประธานสะดวกสบายมากขึ้นหญิงสาวไม่ได้คิดจะรับทุกอย่างไว้เพื่อตัวเอง

ทั้งสองคนมาถึงที่ทำงานพร้อมกันก็ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับพนักงานคนไหนเพราะปกติแล้วหลายครั้งที่ชิรวิชญ์มักจะไปรับเลขาของเขาที่ที่พัก

“สินค้าเมื่อวานจัดส่งเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

ท่านประธานหันไปถามพนักงานของเขาที่ยื่นแฟ้มเอกสารการส่งสินค้าของเมื่อวานให้เจ้านายได้ดูด้วยความภูมิใจที่ตอนนี้บริษัทกลับมามียอดการสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น

“เรียบร้อยค่ะ”

ชิรวิชญ์เดินกลับเข้าไปที่ห้องทำงานแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มเปิดเอกสารที่ทั้งฝ่ายการตลาดและฝ่ายบุคคลมาวางไว้เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ไม่กลับบ้านเลยนะเมื่อคืน แม่มีเรื่องสำคัญรอจะคุยด้วยโทรไปหาก็ปิดเครื่องตลอด”

นฤมลวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับลูกชายหย่อนสะโพกกลมของเธอลงไปนั่งพร้อมกับถอนหายใจด้วยความเหนื่อยเพราะไม่ใช่บ่อยครั้งที่เธอจะต้องเดินทางดั้นด้นมาหาลูกชายถึงที่นี่ถ้าไม่ใช่ด้วยมีธุระสำคัญเธอคงไม่พาตัวเองออกมาตากแดดตากลมแบบนี้

“ต้องเป็นธุระสำคัญมากจริงๆเลยใช่ไหมครับ คุณแม่ถึงได้มาหาผมถึงที่นี่ ความจริงแล้วเดี๋ยวเย็นนี้ผมก็กลับบ้าน มีอะไรก็น่าจะรอคุยกัน คุณแม่จะได้ไม่ต้องทนร้อนขับรถบนถนนต่อสู้กับรถติดมาถึงที่บริษัท”

ชายหนุ่มจับมือมารดาอย่างเอาใจเพราะเขารู้ว่าแม่ของเขาเป็นคนแก่ที่ขี้หงุดหงิดมากๆการที่จะต้องขับรถมาไกลถึงขนาดนี้คงจะต้องเป็นธุระที่สำคัญมากๆจริงๆ

“เย็นนี้ลูกไปกินข้าวกับสุจิราหน่อยนะ” คนเป็นแม่เริ่มฉายรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อต้องการให้ ลูกชายยอมทำในสิ่งที่เธอต้องการ

“ไม่ต้องเตรียมจะปฏิเสธเลย แม่ก็แค่ขอร้องให้ลูกแสดงความสนิทสนมกับสุจิราหน่อยแล้วก็ไม่ต้องถามเหตุผลด้วย แต่พอสนิทกันไปสักพักนึงแล้วถ้าลูกไม่ค่อยชอบเธอ เราก็ค่อยๆห่างๆกันออกไป ทำเหมือนว่าลองคบลองคุยกันแล้วไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ”

ชายหนุ่มอยากจะถามเหตุผลจากมารดาแต่ในเมื่ออีกฝ่ายออกตัวไว้แล้วไม่ให้เธอถามเขาจึงทำได้แค่ยินยอมและคิดว่าการแค่ไปกินข้าวด้วยกันคงไม่เสียหายอะไรอย่างน้อยทั้งคู่ก็เคยรู้จักกันมาก่อน

“ผมแค่ยอมไปกินข้าวด้วยเฉยๆนะครับคุณแม่เห็นกับว่ายังไงผมก็สุจิราเราก็รู้จักกันมาตั้งนาน ไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อสองมื้อก็คงไม่เป็นไรหวังว่าคุณแม่คงไม่คิดวางแผนอะไรต่อนะครับ”

นฤมลไม่ตอบเธอแค่เพียงส่งยิ้มหวานให้ลูกชายเธอคิดว่าด้วยความหน้าตาดีและมีเสน่ห์ของสุจิราหญิงสาวคงจะสามารถทำให้ลูกชายของเธอตกหลุมรักได้ในสักวัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel