ตอนที่2
อัญญารินทำงานหารายได้ระหว่างรอบริษัทติดต่อกลับมาอยู่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เธอเป็นผู้หญิงคนเล็กที่มาอยู่ในเมืองใหญ่ไร้ญาติไร้คนรู้จักเพื่อมาตามความฝันของตัวเอง
ครืน~ ครืน~ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขายาวดังขึ้น อัญญารินรีบกดรีบทันทีเพราะเห็นเป็นเบอร์แปลก
"ฮัลโหล" สำเนียงภาษาภาษาอังกฤษผสมความเป็นไทยเล็กน้อยพูดกับคนในสาย เธอสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีแต่ถ้าถามว่าเก่งเหมือนเจ้าของภาษาเลยมั้ยเธอคงตอบว่าไม่แค่สื่อสารรู้เรื่องเท่านั้น
'บริษัทมอร์เชลนัดสัมภาษณ์พรุ่งนี้ตอน 9 โมงนะคะ ห้ามสายแม้แต่นาทีเดียว' พูดจบก็ตัดสายทิ้งไปเสียดื้อๆ
"อะ..อ่าวแล้วไม่บอกรายละเอียดอะไรเลยเหรอ" ร่างบางได้แต่ยืนเกาหัวแต่อย่างน้อยบริษัทเลือกเธอไปสัมภาษณ์ก็ดีแล้วเธอจะทำให้สุดความสามารถ
วันต่อมาอัญญารินแต่งตัวเรียบร้อยแต่งหน้าเล็กน้อยแต่พองามเดินเข้ามาในบริษัทตั้งแต่เวลาแปดโมงเช้า เธอกลัวจะสายเลยออกจากที่พักตั้งแต่เช้า
"สวัสดีค่ะ ฉันมาสัมภาษณ์งานค่ะ"
"เชิญรอท่านประธานที่ห้องนี้ค่ะ" พนักงานสาวสวยหุ่นดีราวกับนางแบบเดินนำเธอมาที่ห้องของท่านประธาน อัญญารินมองตามพนักงานสาวสวยคนนั้นจนสุดสายตาหล่อนหุ่นดีมากทั้งสูงขาเรียวผมบลอนตาสีฟ้าผิดกับเธอที่สูงยังไม่ถึง 160 ด้วยซ้ำถึงจะใส่เสริมส้นก็ไม่ต่างอะไรกับไม่ใส่เลย
"เอ๊ะท่านประธาน? พนักงานบัญชีต้องสัมภาษณ์กับประธานบริษัทเลยเหรอ" มัวแต่อึ้งกับความสวยของคนอื่นจนมานึกถึงคำพูดที่สาวสวยคนนั้นบอกเธอ
"เชิญค่ะ" สงสัยได้ไม่นานพนักงานสาวสวยหุ่นนางแบบคนเดิมเดินกลับมาหาเธออีกครั้งแล้วเรียกเธอเข้าไปในห้องทำงานขนาดใหญ่ ร่างบางก้าวขาเข้ามาในห้องกว้างแต่ไม่เห็นมีใครสักคนอยู่
"ขออนุญาตค่ะ" อัญญารินพูดก่อนจะเข้ามาในห้อง หันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นใคร จนในที่สุดเก้าอี้ตัวหรูก็หมุนกลับมา
ตึกๆๆ เสียงหัวใจของเธอเต้นรัวราวกับกลองสะบัดชัยเมื่อได้เห็นหน้าคนที่หมุนเก้าอี้มาชัดๆ ใบหน้าคมที่เต็มไปด้วยหนวดเคราร่างกายกำยำแม้จะใส่สูทปกปิดไว้ดูยังไงก็รู้ว่าคนตรงหน้าเธอออกกำลังกายหนักแค่ไหน
"นั่งสิ" คาลวินสั่งเสียงเรียบ อัญญารินมัวแต่ตะลึงในความหล่อของว่าที่เจ้านายของตัวเองต้องลืมดึงสติกลับมาอย่างเร็ว
"ขอบคุณค่ะ" ร่างบางกล่าวขอบคุณแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเขา เมื่อได้ใกล้เขามากขึ้นก็ยิ่งได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลทองราวกับตาของหมาป่าที่พร้อมจะขย้ำเธอได้ตลอดเวลา
"เข้าเรื่อง เธอเป็นอะไรกับอรนภา" คาลวินไม่รีรอเข้าประเด็นถามเธอไปตรงๆ
"คุณรู้จักพี่สาวฉันด้วยเหรอคะ" อัญญารินตกใจที่คนอย่างประธานบริษัทยักษ์ใหญ่จะรู้จักพี่สาวของเธอ
"รู้จักสิรู้จักเป็นอย่างดีเลยแหละ" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงยะเยือกจนอัญญารินรู้สึกหนาวขึ้นมาจนขนลุก เพราะจู่ๆ คนตรงหน้าเธอมีสีหน้าที่น่ากลัวขึ้น
"ฉันรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งเลขาส่วนตัวของฉัน" เมื่อได้รู้ว่าเธอคือน้องสาวของคนที่ทำเขาเจ็บคาลวินไม่รอช้าที่จะเอาคืนอย่างสาสม
"แต่ฉันมาสมัครเป็นพนักงานบัญชีนะคะ!" ร่างบางรีบบอกเขาคิดว่าเขาเข้าใจผิด
"ฉันต้องการเลขาส่วนตัว ถ้าเธอไม่ตกลงก็ออกไป" คาลวินใช่จุดอ่อนของเธอมาขู่ เพราะรู้ว่าใครๆ
ก็อยากเข้าทำงานที่นี่เธอคนนี้ก็เช่นกัน อัญญารินชั่งใจกลัวจะทำได้ไม่ดีแต่ที่นี่คือความฝันของเธอการได้ทำงานที่นี่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วยิ่งเป็นเลขาส่วนตัวให้ประธานบริษัทอีก
"ค่ะ ตกลงค่ะ เริ่มงานวันไหนคะ" ร่างบางรีบตอบตกลงทันทีอย่างไม่รีรอ มีโอกาสก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อนจะเสียมันไป
"เซ็นซะ" คาลวินยื่นกระดาษที่เต็มไปด้วยภาษาสเปนซึ่งเป็นอีกภาษาที่คาลวินพูดได้
"ไม่มีฉบับภาษาอังกฤษเหรอคะ" ร่างบางนั่งอ่านเอกสารที่เต็มไปด้วยภาษาสเปนเธอไม่รู้ภาษาสเปนเลยไม่รู้ว่าในเอกสารเขียนยังไง
"เซ็นไปเถอะ! ทุกคนก็เซ็นหมดนั่นแหละ" เขาเร่งเธอเมื่อเห็นเธอลังเล อัญญารินจับปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงบนกระดาษทั้งที่ไม่รู้ความหมายคาลวินยิ้มอย่างสะใจในสัญญาที่เธอเพิ่งเซ็นไปคือสัญญาที่เธอต้องทำตามที่เขาสั่งทุกอย่างถ้าไม่ทำตามจะต้องจ่ายค่าปรับสิบล้านเหรียญ สัญญาฉบับนี้เขาทำขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะ