ตำหนักที่ 2หวังเฟิง(3)
“พับ พับ พับ”
หวังเฟิงล็อกเอวนางไว้แน่น เขาจัดให้นางหันหน้าออกทางประตู ตนเองยืนประกบอยู่ทางด้านหลัง หลี่ฮองเฮาทำได้เพียงยืนถือชายกระโปรงตนเองไว้ ปล่อยให้เขากระแทกเข้าออกรูร่องนางตามใจปรารถนา
“อืมม อืมม อืมม”
เสียงครางในลำคอของหลี่ฮองเฮายิ่งทำให้ขันทีด้านหลังคึก หวังเฟิงรัวสะโพกใส่นางราวกับสุนัขตัวผู้ตัวหนึ่ง ฮองเฮาด้านหน้าไม่มีที่ยึดจับจึงเซถลาแทบล้มลง
“ซีดด..เจ้าเบาๆ หน่อยข้ายืนไม่ไหว”
“พับ พับ พับ”
ท่านไปเกาะโต๊ะตรงนั้นดีหรือไม่ หวังเฟิงค่อยๆ โยกเอวดันนางเข้าไปหาโต๊ะตัวหนึ่ง
“อืมม อืมม อืมม”
หลี่ฮองเฮาเดินตามแรงกระแทกเจ้าขันทีปลอมด้านหลัง นางค่อยๆ เอื้อมมือข้างหนึ่งค้ำยังโต๊ะตัวนั้นเอาไว้
***
ตำหนักเย็น
ลี่เฉินฟูมฟายจนหมดแรงแล้ว นางถูกส่งเข้าตำหนักเย็นเพียงเดือนเดียว ร่างกายที่เคยงดงามอวบอัดมีน้ำมีนวล ยามนี้ผอมลงจนใบหน้าเรียวตอบ ถึงเป็นเช่นนี้ลี่เฉินในวัยสามสิบยังคงงดงาม
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
ขันทีผู้หนึ่งไล่นางกำนัลที่เดินนำเข้ามาออกจากห้องไป
“พระชายาท่านสบายดีหรือไม่”
ลี่เฉินเงยหน้ามองผู้มาใหม่ นอกจากนางกำนัลที่คอยส่งอาหารทุกวันแล้ว นี่เป็นขันทีคนแรกที่มาหานางในตำหนักแห่งนี้
“ฮ่องเต้ส่งเจ้ามารับข้ากลับไปใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่”
นางพุ่งเข้าใส่ขันทีนั้น มือทั้งสองกำคอเสื้อเขาไว้ นางออกแรงเขย่าจนศีรษะขันทีผู้นั้นกระเด็นไปมา
“พระชายาท่านปล่อยเราก่อน”
หวังเฟิงไม่ทราบควรเรียกนางว่าเช่นไรดี เนื่องจากนางยังไม่ถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮาก็ถูกส่งเข้าตำหนักเย็น เขาจึงเรียกนางตามตำแหน่งเดิม
“พระชายา ไม่ใช่ฮ่องเต้เรียกหาท่าน เป็นเราถูกสั่งให้ปรนนิบัติรับใช้ท่านอยู่ที่นี้ นับจากพรุ่งนี้ไปยามเช้าเราจะมาอยู่เป็นเพื่อนท่าน”
กล่าวจบไม่รอฟังเสียงร้องโวยวายของนาง หวังเฟิงก็เดินกลับออกมาทันที ที่แห่งนี้น้อยครั้งจะมีผู้คนเดินเข้ามา เนื่องจากอยู่ห่างจากตำหนักในมากนัก เวรยามจึงไม่รัดกุมเท่าทีควร
หวังเฟิงเดินหลบซ้ายหลบขวา จนกระทั้งเดินมาถึงกำแพงชั้นนอกพระราชวัง กำแพงที่สูงราวสิบวา หวังเฟิงกระโดดเตะเท้าใส่กำแพงสองสามครั้งก็เหินข้ามออกไปได้
***
