ตอนพิเศษ 2หวังอี้
หลังจากหวังอี้ใช้เวลากว่าเจ็ดปี ในที่สุดเขาช่วยครอบครัวสกุลหวังเกือบร้อยชีวิตกลับมาจากเกาะกลางทะเลได้แล้ว
ทีแรกหวังอี้คิดว่าหลังจากช่วยคนได้ ญาติผู้พี่เขาจะหลบหนีออกจากวังหลวง แต่ผิดคลาด พี่เฟิงของเขาไม่เพียงไม่หลบหนี หากแต่ยังคงให้ลูกหลานตระกูลหวังเข้าวังไปรับตำแหน่งต่างๆ
วันนี้หวังอี้เดินลาดตระเวนอยู่รอบๆ วังหลัง จู่ๆ เขาเจอหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังพยายามปีนข้ามกำแพงตำหนักออกไปข้างนอก
“เจ้าขึ้นไปทำอะไร?”
หญิงสาวที่ปีนอยู่บนกำแพงถึงได้รู้ตัวว่าตนถูกจับได้ นางลนลานมือไม้ปั่นป่วนพลัดตกหงายท้องจากกำแพง
“โอ้ย! เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว”
โชคดีที่หวังอี้พุ่งตัวเข้าไปรับนางไว้ได้ทัน นางแต่งกายไม่เหมือนกับนางกำนัล หวังอี้จึงคิดว่านางเป็นสนมนางหนึ่งของฮ่องเต้
“พระสนม ท่านคิดหลบหนีออกจากวังหลวงหรือ”
“ใคร! ใครคิดหลบหนี เราเพียงเบื่อหน่ายเลยปีนกำแพงเล่น”
สวีเจาอี๋ถูกผู้คนเปิดโปงออกมาตรงๆ ก็อับอายจนหน้าแดงก่ำ นางรีบวิ่งหนีเขากลับเข้าตำหนักตนเองไป
***
หลายวันต่อมา
คืนนี้หวังอี้ก็ออกมาเดินลาดตระเวนอีกเช่นเคย กลางคืนเงียบเหงาไร้ผู้คน องครักษ์ไม่สามารถเข้าเขตวังหลังได้ เขาเลยทำได้เพียงเดินไปตามกำแพงรอบนอก เพื่อตรวจความเรียบร้อยต่างๆ
“เจ้าปีนขึ้นมาทำอะไร?”
เป็นอีกครั้งที่สวีเจาอี๋ถูกจับได้คาหนังคาเขา นางอับอายจนไม่กล้าปีนกำแพงลงไป
“เจ้ายังไม่ลงมาอีกข้าจะร้องเรียกทหารแล้วนะ!”
นางจำต้องปีนลงตามคำขู่ นางกลัวเขาเรียกทหารมาจริงๆ เนื่องจากเป็นตองกลางคืนคราแรกทั้งสองมองไม่เห็นหน้ากัน พอนางปีนลงมายืนใกล้ๆ หวังอี้ค่อยได้เห็นว่าจริงๆ แล้วเป็นคนเดียวกับหญิงเมื่อวันก่อน
“เจ้า!”
ทั้งสองอุทานพร้อมกัน ความจริงสวีเจาอี๋อับอายที่ถูกจับได้มาอยู่แล้ว แต่พอคนที่จับได้เป็นคนเดียวกับเมื่อวันก่อน นางยิ่งอับอายขึ้นไปอีก
“ฮือ ฮือ เจ้ารังแกข้า”
สวีเจาอี๋อับอายกลายเป็นโทสะ นางวิ่งร้องไห้กลับตำหนักตนเองไปด้วยความเร่งรีบ
หวังอี้ต้องเกาศีรษะด้วยความมึนงง เขาไปรังแกนางตอนไหน
“…”
***
หลายวันต่อมา
หวังอี้ยังคงเดินลาดตระเวนเช่นเคย อีกหนึ่งชั่วยามฟ้าก็จะสว่างแล้ว
“เจ้าปีนขึ้นไปทำอะไร?”
เพียงแค่ได้ยินเสียง สวีเจาอี๋ก็ร้องไห้โฮออกมา
“ฮือ ฮือ เจ้าตัวบัดซบ! ไฉนตามจับข้าได้ตลอดเจ้าต้องการอะไรกันแน่”
เป็นอีกครั้งที่นางวิ่งร้องให้ฟูมฟายกลับตำหนักตนเอง หวังอี้ยังไม่ทันอะไรก็ถูกผู้อื่นด่าทอ “…”
สวีเจาอี๋กลับเข้าห้องด้วยความโกรธแค้น นางมั่นใจแล้วว่าเจ้าคนผู้นั้นไม่ได้บังเอิญพบเจอนางแน่ๆ
ใช่ เขาต้องเป็นคนที่ฮองเฮาปีศาจนั่นส่งมา นางบีบคั้นกันเกินไปแล้ว
สวีเจาอี๋โกรธแค้นหญิงแพศยาผู้นั้นยิ่งนัก นางเข้าวังมาเกือบสิบปี ฮ่องเต้ไม่เคยเสด็จมาหาซักครั้ง พอนางคิดหนีออกไป ฮองเฮาแพศยานั้นถึงกลับส่งคนมาเฝ้านาง
“ฮือ ฮือ ฮือ ข้าแค้นพวกเจ้านัก”
นางฟุบหน้าลงไปบนที่นอนร้องไห้โฮออกมา
เช้าวันต่อมา สวีเจาอี๋ง้วนอยู่กับการเก็บของมีค่าทั้งหมดใส่ห่อผ้า นางตัดสินใจแล้ว วันนี้ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแรกนางก็ต้องหลบหนีออกจากวันหลวงแห่งนี้ให้ได้
***
กำแพงวังทิศตะวันตก
วันนี้นางหลบหนีออกจากวังหลวงสำเร็จแล้ว นางไม่พบเจอเจ้าบัดซบนั่น
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระแล้ว”
ในความมืดนางหัวเราะได้ไม่นานก็วิ่งหนีเข้าซอกออกซอยบ้านเรือนต่างๆ นางหลบหนีอยู่นานจนห่างจากวังหลวงมากกว่าสองลี้
จู่ๆ นางพบทหารลาดตระเวนกองหนึ่ง
นางเป็นวัวสันหลังหวะ ทหารเดินตรวจการตามปกติหรือมาจับนางนางไม่สน หนีก่อนค่อยว่ากัน
นางปีนกำแพงคฤหาสน์หลังหนึ่งเพื่อหลบทหารกลุ่มนั้น
“เจ้าปีนขึ้นไปทำอะไร?”
สวีเจาอี๋ร่างสะท้านราวกับกวางน้อยต้องลูกธนู นางไม่ต้องหันไปมองก็ทราบว่าเจ้าผู้นั้นเป็นใคร
“ฮือ ฮือ เจ้าบัดซบเจ้าจะไม่ปล่อยข้าไปเลยใช่มั้ย ได้ วันนี้ข้าจะแลกชีวิตกับเจ้า”
นางโดดลงจากกำแพงด้วยความโกรธแค้น เมื่อลงถึงพื้นหญ้านางไม่พูดไม่จาก็พุงเข้าใส่หวังอี้จนเซถลาล้มลงกับพื้น
“เจ้าตายไปกับข้านี่ละไอ้ชาติชั่ว!”
สวีเจาอี๋ดึงทึ้งกางเกง จนพบเจอแท่งเนื้อ นางใช้ฝ่ามือปลุกกระตุ้นให้มันแข็ง เพียงแหวกกางเกงในตนเองออกก็นั่งทับลงไปทันที “…”
“อืมม เจ้าตายไปกับข้าเถอะ”
นางครางออกมาด้วยความเจ็บปวด นางยังไม่ถูกเปิดบริสุทธิ์ หากนางเสียความบริสุทธิ์ให้กับเขา เมื่อกลับวังหลวงไปคนทั้งสองต้องถูกตัวหัวแน่ๆ
“พับ พับ พับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ากลัวแล้วใช่หรือไม่ หากข้าฟ้องร้องออกไปเจ้าต้องตายแน่ๆ”
นางโยกขึ้นโยกลงด้วยความสะใจ
หวังอี้นอนงงงวยให้นางโยกแท่งเนื้อตนเองอยู่บนร่างกาย วันนี้เขาไม่ต้องเข้าเวรจึงนอนพักผ่อนอยู่บ้าน เมื่อครู่เขาปวดเบาเลยคิดจะเดินมาเข้าห้องน้ำ ประจวบเหมาะกับพบนางปีนข้ามกำแพงมาพอดี
เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ เขาเพียงทักนางว่าปีนขึ้นไปทำอะไร นางทำไมถึงกับต้องปลุกปล้ำเขาบนพื้นหญ้าเช่นนี้
“เจ้าทำไม่เป็นก็บอกสิ ไม่ใช้โยกแบบนั้นซักหน่อย มาๆ ข้าทำเอง”
หวังอี้จับนางพลิกคว่ำลงกับพื้นให้นางคลานสี่ขา ตนเองก็สอดแท่งเนื้อตามเข้าไปกระแทกทันที
“…”
