ตอนที่ 1 สาวใช้ประหลาด [2/1]
"เจ้าชื่ออะไรหรือ? ข้าชื่อจินซู"
"ฉงเซิ่ง ข้าชื่อ สื่อฉงเซิ่ง" ที่แปลว่า ตายแล้วเกิดใหม่
ในเมื่อสวรรค์ส่งให้พวกเรามาเจอกันก็ถือว่ามีโชคชะตาร่วมกัน จากนี้ไป ข้าจะดูแลเจ้าเอง
ฉงเซิ่งกินขนมที่อีกฝ่ายให้มาปะทังความหิว พร้อมกับมองสำรวจไปทั่วห้อง
"ข้าถูกซื้อตัวให้เป็นสาวใช้ของท่าน คุณหนูช่วยเล่าเรื่องราวของท่านให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่"
กว้านจินซูได้ยินคำถาม สีหน้าถึงกับหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังยอมเล่าแต่โดยดี เพราะอย่างน้อยก็ได้ระบายความอัดอั้น
จินซูเล่าเรื่องในอดีตเท่าที่จำได้พร้อมกับบอกฐานะที่แท้จริงของตนเอง และยังเล่าถึงความอัปยศที่ต้องใช้ปากสำเร็จความใคร่ให้พ่อบ้าน
ต้องถูกบังคับให้กลืนน้ำคาวกามทุกหยด และยังต้องเลียทำความสะอาดจนเกลี้ยงทุกครั้ง บางทีพ่อบ้านสารเลวนั่น แกล้งปล่อยให้นางหิวโซ เพื่อจะได้ดูดเลียและกลืนกินน้ำกามของอีกฝ่ายอย่างตะกละตะกลาม
ฉงเซิ่งฟังมาถึงตรงนี้ ก็กัดกรามแน่นโดยไม่รู้ตัว "สารเลวชั่วช้า! กระทั่งเด็กที่ยังไม่ทันโตเป็นสาวก็ไม่ละไม่เว้น!" สบถด่าออกมาด้วยความโมโห
ไหนจะเรื่องที่ถูกผู้คนในจวนรังแกจนไม่กล้าก้าวออกจากเรือนอีก ฉงเซิ่งมองเด็กหญิงตรงหน้าด้วยความสงสาร
พอฟังเรื่องราวชีวิตของเด็กผู้นี้ ทำให้รู้ว่าตนเองในชาติก่อนโชคดีกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า หากไม่ไปหลงรักคนเลว ป่านนี้นางคงกลายเป็นหมอเทวดาไปแล้ว
ดวงตาดำสนิทปรากฏแววมุ่งมั่นจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโต "คุณหนูท่านอยากมีทางรอดหรือไม่"
"อยาก..ข้าอยาก"
"ถ้าอย่างนั้นจงเชื่อฟังข้า"
ไม่รู้ว่าทำไม แต่กว้านจินซูรู้สึกเชื่อใจเด็กหญิงตรงหน้า ทั้งที่พึ่งเจอกันเป็นครั้งแรก "ข้าจะเชื่อฟังเจ้าฉงเซิ่ง"
"ดี แต่ตอนนี้ ข้าคงต้องจัดการเรื่องความเป็นอยู่ของพวกเราเสียก่อน"
อยากแรกที่ฉงเซิ่งคิดคือเรื่องของอาหาร เพราะนี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว แต่ยังไม่มีอาหารมาส่งที่เรือน นั่นก็แปลว่าต้องรอพ่อบ้านสารเลวนั่น มาทำเรื่องบัดซบกับกว้านจินซูเสียก่อน ถึงจะได้รับอาหาร
สำหรับบุตรีคนเดียวของหมอเทวดาที่ใช้ชีวิตกลางป่าเขามาตั้งแต่จำความได้ เรื่องจะหาของกินไม่ใช่เรื่องยาก มิหนำซ้ำยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
ฉงเซิ่งก้าวออกจากเรือนซ่อมซ่อ เดินสำรวจพื้นที่หลังจวนที่เป็นป่ารก มุมปากยกยิ้มพอใจ
"ที่นี่แหละ"
กับดักถูกทำขึ้นอย่างลวก ๆ จากเศษไม้ และเส้นด้ายที่เลาะออกมาจากชุดเก่าของกว้านจินซู ก่อนจะขอขนมชิ้นที่เหลือ บิเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ครู๊ว ๆ ๆ” ร่างเล็กหมอบคลานอยู่กับพื้น ทำตัวราวกับซากศพที่ตายแล้ว ร้องเสียงคล้ายนกชนิดหนึ่ง แค่ไม่ถึงอึดใจ ก็มีนกตัวอ้วนสีเทาหลงเข้ามาในกับดัก
เพียงแค่กระตุกเส้นด้าย เศษผ้าที่ทำไว้คล้ายมุ้งก็ครอบนกอ้วนไว้ภายใน ใช้เวลาไม่นาน ฉงเซิ่งก็ได้นกถึงห้าตัว จัดการทุกอย่างเสร็จ ก็แหงนหน้ามองท้องฟ้า
"พ่อบ้านชั่วนั่นคงใกล้จะมาแล้วกระมัง" ดวงตาหรี่มองเงาหลังคาเรือนผ่านแมกไม้ ก่อนจะเดินสำรวจหาพืชบางชนิดในป่าท้ายจวน
ภายในเรือน เหล่าหนานมาถึงก็เร่งวางตะกร้าอาหารไว้บนโต๊ะ ปลดผ้าคาดเอว ดึงกางเกงลงไปไว้ที่หน้าขา
"คุณหนูมาเร็ว อยากกินข้าวหรือยัง"
กว้านจินซูมองท่อนเนื้อที่ยังอ่อนตัวห้อยหัวโผล่พ้นพุ่มขนดำหงิกงอออกมาเล็กน้อย อย่างนึกรังเกียจ เด็กหญิงร่างผอมบางค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียงไปนั่งคุกเข่า
ฝ่ามือเล็กเรียวคว้าจับท่อนเนื้อเอาไว้ แต่ยังไม่ทันได้อมมันเข้าปาก
"คุณหนูเจ้าคะ" เสียงเล็กแหบแห้งของเด็กอีกคนก็ดังขึ้นเสียก่อน
ฉงเชิ่งทำตัวไร้เดียงสาราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าในเรือนกำลังเกิดอะไรขึ้น ก้าวเข้ามาข้างในหน้าตาเฉย
พอเหล่าหนานเห็นร่างราวซากศพของเด็กน้อย ก็หงุดหงิดจนทนไม่ไหว "นังเด็กผี! ออกไปให้พ้นหน้าข้า"
"ขะ..ขออภัยเจ้าค่ะ"
ฉงเซิ่งทำท่าตกใจกลัวจนพูดจาติด ๆ ขัด ๆ รีบก้าวเท้าอย่างลนลาน สะดุดขาตัวเองล้มลงไปทับพ่อบ้านเหล่า ฝ่ามือเล็กเปรอะเปื้อนทาบลงบนปากและจมูกของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
"บัดซบเอ๊ย!!! นังเด็ก! .... เด็ก............เด็ก" แววตาของเหล่าหนานเริ่มออกอาการเลื่อนลอยไร้สติ ปากอ้าค้าง หายใจเข้าออกอย่างแรง
"คุณหนูลุกขึ้นเถอะ"
กว้านจินซูรีบลุกมายืนข้างกายฉงเซิ่งด้วยความหวาดกลัว มองดูพ่อบ้านที่เริ่มใช้มือจับท่อนเนื้อของตัวเองชักขึ้นชักลงด้วยความสงสัย
"พะ..พ่อบ้านเป็นอะไรไปหรือ?"
"แค่ปราสาทหลอนไปชั่วคราว อีกสักพักท่านค่อยลงไปนั่งคุกเข่าแล้วทำท่าทางเหมือนที่เคยทำทุกวันยามเจ้าคนชั่วผู้นั้นเสร็จกิจ"
"อือ ๆ" กว้านจินซูพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง เหลียวมองเด็กน้อยข้างกายด้วยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกในชีวิต "ฉงเซิ่งเจ้าช่างเก่งกาจยิ่งนัก"
"คุณหนู จากนี้ไป ข้าจะทำให้ท่านเก่งกาจไม่ต่างจากข้า พวกเรายังต้องฝึกฝนอีกมาก ท่านพร้อมหรือไม่"
"พร้อม ข้าพร้อม ข้าไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลือเหมือนท่านแม่และพี่หรู ข้าอยากเป็นฝ่ายควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างบ้าง" กว้านจินซูเอ่ยออกมาด้วยแววตามุ่งมั่น
แท้จริงแล้วคุณหนูกว้านเป็นเด็กฉลาดเฉลียวแค่ไม่มีโอกาสจะได้แสดงมันออกมาก็เท่านั้น