ตอนที่4. โกรธพี่หรือเปล่า
“ขอบคุณครับ” เขาโน้มหน้าลง หอมแก้มเธอเบาๆ หญิงสาวเบิกตากว้างอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเม้มปากแน่น
“โกรธพี่หรือเปล่า”
หญิงสาวจ้องมองเขาแล้วส่ายหน้าไปมาแทนคำตอบ เธอจะโกรธเขาได้อย่างไร ในเมื่อเขาเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของเธอนี่นะ
“ถ้าไม่โกรธ พี่ขอหอมอีกทีได้ไหม” คนได้คืบจะเอาศอกยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่เพียงแค่โน้มหน้าลงไป สโรชาก็ก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว ทำให้ธีรภัทรชะงักแล้วหัวเราะเก้อๆ
“พี่จะรอน้องบัวนะคะ” เขามักพูดคะขากับหญิงสาวเสมอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่ว
“เอ่อ...พี่ธีร์พอมีเวลาว่างสักวันไหมคะ”
“ฮืม...น้องบัวมีอะไรให้พี่ช่วยล่ะ”
“บัวอยากไปดูบ้านเก่าของคุณแม่ค่ะ”
“อ้อ! ที่ดินแปลงนั้นเอง” เขาเป็นทนายของตระกูลเป็นคนติดต่อประสานงานเองแค่นี้จะไม่รู้ได้อย่างไร
“บัวไม่คุ้นเส้นทางจะไปเองก็กลัวหลงค่ะ”
“ได้ซิ เอาเป็นพรุ่งนี้บ่ายๆได้ไหมครับ พี่พาไปเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เราเป็นผัวเมีย เอ๊ย สามีภรรยากัน เรื่องแค่นี้พี่ทำให้ได้”
สโรชาอ้าปากจะพูดขอบคุณอีกครั้ง แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาเป็นคนบอกว่าไม่ต้องพูด เธอก็ยิ้มเขินๆ แล้วชี้นิ้วไปทางประตู
“บัวออกไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
เมียสาวเดินออกไปแล้ว แต่กลิ่นหอมละมุนยังรายล้อมรอบตัวเขา ไอ้อะไรที่คิดว่าสงบมันกลับดีดเด้งขึ้นมาอีก ธีรภัทรก้มมองแก่นกายตัวเองที่มันตั้งเด่ดันผ้าขนหนูออกมานั่นอย่างประหลาดใจ นี่เขาเพิ่งจัดการมันไป มันกลับแข็งขันขึ้นมาอีกแล้ว แค่ได้กลิ่นยังเป็นขนาดนี้ ถ้าได้เอาเข้าไปใส่ข้างในมันจะยอมสงบได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือเปล่าหนอ
สโรชาเดินลงมาจากห้องนอนของสามี ห้องของเขากับเธอใกล้กันแต่ไม่ถึงกับติดกัน เธอชอบความใจดีและอ่อนโยนของเขา อย่างน้อยเขาก็ไม่ฝืนใจให้ทำอะไรที่เธอยังไม่พร้อม หญิงสาว
หมายถึงหน้าที่ของภรรยา
ธีรภัทรอายุมากกว่าสโรชา 6 ปี เขาดูเป็นผู้ชายสุภาพอ่อนโยน และที่สำคัญเป็นหลานของดาวฉายแม่เลี้ยงของเธอเองด้วย เมื่อคุณพ่อก็เห็นดีเห็นงามขนาดนั้น เธอไม่กล้าขัดใจจึงยอมแต่งงาน เป็นงานแต่งงานที่ดูสมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่เธอกลับเหนื่อยและเครียดจนเป็นลมตั้งแต่ก่อนส่งตัวเจ้าสาว หลังจากแต่งงานแล้ว เธอคงเป็นความทรงจำอันเลวร้ายของเขาเลยทีเดียว ก็มีอย่างที่ไหน คืนแรกของชีวิตคู่ เขาก็ต้องคอยดูแลเช็ดเนื้อตัวแถมชงยาหอมให้กินแก้วิงเวียนเสียอีก
งานวันแต่งงานของเธอ คนที่ดูจะมีความสุขที่สุดอาจไม่ใช่เจ้าสาวอย่างเธอ แต่น่าจะเป็นแม่เลี้ยงสุดแซ่บที่ใส่ชุดราตรียาวเข้ารูปสีทองอร่าม และต้องยอมรับว่าวันงานแต่งงานนั้นแม่เลี้ยงดูจะเด่นกว่าเจ้าสาวในชุดกระโปรงบานฟู่ฟ่องเหมือนตุ๊กตาเสียอีก แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสายตาของเจ้าบ่าวที่ทอดมองอย่างอ่อนโยน
หลังานแต่งงาน ธีรภัทรก็ย้ายเข้ามาอยู่กับสโรชาที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของพ่อ พ่อดูจะมีความสุขมากที่ลูกเขยมาอยู่บ้านเดียวกันและยังมีลูกสาวอยู่ด้วย ราวกับครอบครองสุขสันต์ก็ไม่ปาน
“แกนี่มันเอาแต่ใจตัวเองจริงๆ แต่งงานกันเป็นผัวเมียกันแล้วจะแยกห้องนอนไปทำอะไรหึ!” พ่อดุแกมตำหนิลูกสาวคนเดียวที่เอาแต่นั่งไหล่ลู่อยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
“อย่าไปดุน้องบัวเลยค่ะคุณ ผู้หญิงเราก็อย่างนี้แหละ ยังเขินๆ อายๆ อยู่ อยู่ไปสักพักก็ชิน คราวนี้ถ้าน้องบัวตัวติดหนึบกับตาธีร์แล้วล่ะก็ คุณจะมาบ่นโอดครวญที่หลังไม่ได้นะคะ” ดาวฉายหัวเราะคิกคักทำเอาสามีรุ่นพ่อหัวเราะตามไปด้วย
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ธีรภัทรเป็นคนเสนอเองว่าจะนอนอีกห้องจนกว่าเธอจะคุ้นเคยกับเขา แต่พ่อไม่ได้ดุหรือบ่นอะไรธีรภัทรสักนิดเดียว เป็นเธอต่างหากที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจผู้เป็นพ่อสักอย่าง ผิดกับธีรภัทรที่พ่อออกจะเอ็นดูราวกับเป็นลูกชายแท้ๆของตัวเอง
เธอยังอยู่บ้านพ่อเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือลูกเขยคนโปรดของพ่อ
“เห็นไหม ตาธีร์เขาเป็นคนดีขนาดไหน ยอมแต่งเข้าบ้านผู้หญิงแบบนี้”
“ค่ะพ่อ”
