บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ดินแดนอันไกลโพ้น

ตอนที่ 2 ดินแดนอันไกลโพ้น

เปลือกตาบางกะพริบติดกันถี่ๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น ภาพที่มองเห็นยังเบลอพร่ามัวไปหมด พีรกานต์ต้องหลับตาลงอีกครั้ง จมูกได้รับรู้ถึงกลิ่นแปลกๆ เป็นกลิ่นหอมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน หอมประหลาด ร่างกายของเธอร้อนผ่าวราวกับจะเป็นไข้ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาจากรูขุมขนไปทั่วร่างกาย ‘ทำไมมันร้อนมากขนาดนี้นะ ร้อนระอุจนอยากจะถอดเสื้อผ้าออกให้หมด’ เมื่อคิดได้ดังนั้นมือบางก็ยกขึ้นหมายจะถอดเสื้อผ้าของตนเองออก แม้ยังคงหลับตาอยู่ก็ตาม

แต่หญิงสาวก็ทำไม่ได้ดังใจคิด เมื่อมีมือใหญ่คู่หนึ่งจับข้อมือบางไว้มั่น จนหญิงสาวกระดุกกระดิกไม่ได้

พีรกานต์ลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ และฝืนตาให้เพ่งมองไปยังร่างสูงใหญ่ของคนที่จับข้อมือของเธออยู่

“คุณเป็นใคร” หญิงสาวเปล่งเสียงออกไปอย่างยากลำบาก เพราะลำคอที่แห้งผากจนแทบจะเป็นผงอยู่รอมร่อ “ขอน้ำ” หญิงสาวอ้อนวอนขอสิ่งที่ต้องการจากเจ้าของร่างสูงใหญ่

ไม่กี่อึดใจต่อมา แก้วน้ำก็ถูกจ่อลงที่ริมฝีปากอิ่ม พีรกานต์รีบดื่มน้ำอย่างหิวกระหาย จนหมดแก้ว

“ขออีก ขอน้ำอีก” เธอขอน้ำเป็นแก้วที่สอง และได้รับมาดื่มกินอีกอย่างรวดเร็ว “แอ๊ก...แอ๊ก” หญิงสาวสำลักน้ำเพราะความใจร้อนของตัวเอง

“ระวังหน่อย ค่อยๆ จิบทีละนิด จะทำให้เธอรู้สึกดีมากกว่าดื่มรวดเดียวหมดแก้ว” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังดังขึ้นเตือน พีรกานต์ และไม่ช้าแก้วน้ำก็ถูกจ่อลงที่ปากอิ่มอีกครั้ง

พีรกานต์ค่อยๆ จิบตามที่เขาบอก และก็เป็นจริงอยากที่บอก เธอรู้สึกดีขึ้นจริงๆ หญิงสาวเพ่งมองใบหน้าของผู้ชายร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาที่พร่ามัวเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ความร้อนในร่างกายลดลงไปบ้าง แต่ยังคงมีให้รู้สึกอยู่ ดวงตาคู่หวานจับจ้องไปที่ใบหน้าคมคายที่เป็นเจ้าของดวงตานิลวาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูระเรื่ออย่างคนที่มีสุขภาพดี และคงไม่ได้แตะต้องบุหรี่หรือยาสูบที่เป็นสาเหตุทำให้ปากมีสีคล้ำเลย ปลายคางบึกบึนมีเคราที่เริ่มขึ้นเป็นสีเขียวยาวไปจนถึงจอนผม

และเมื่อสมองเริ่มลำดับภาพความทรงจำต่างๆ ได้แล้ว ใบหน้านวลสวยก็ต้องซีดเผือดเนื้อตัวสั่นเร่าอย่างตกใจ หญิงสาวจำได้ว่าผู้ชายสุดหล่อคนนี้เป็นคนเดียวกับที่กระทำการลวนลามและปลุกเร้าเรือนร่างของเธอในผับเมื่อคืนนี้

“คุณ!”

“จำกันได้แล้วเหรอ ดีจริง จะได้ไม่ต้องฟื้นความทรงจำกันให้มากเรื่อง แต่ถ้าเธอยังจำเหตุการณ์บางอย่างไม่ได้ ก็บอกนะ ฉันจะช่วยฟื้นความจำของเธอให้เอง” จาฟาร์บอกอย่างอารมณ์ดี เพราะในที่สุดเขาก็ได้เธอมาอยู่ในอ้อมกอดจนได้

“คนเลว คุณเองก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้พวกสวะพวกนั้น รังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงไม่มีทางสู้” พีรกานต์ตวาดแว๊ดใส่ใบหน้ายิ้มๆ ที่น่าตบของเขา

“โอ้...คนสวย เธอพูดผิดพูดใหม่ได้นะ ฉัน...จาฟาร์ไม่เคยรังแกผู้หญิง”

“ก็ฉันไงล่ะ คุณรังแกฉันทะ...ที่ผับ”

“อืม...นั่นน่ะเหรอที่เธอเรียกว่าเป็นการรังแก ฉันบังคับเธอก็จริง แต่ร่างกายเธอมันตอบสนองฉัน ทุกส่วนสัดของเธอมันเรียกร้องให้ฉันได้แตะต้อง สัมผัส และปลุกเร้า” จาฟาร์ทวนความจำให้เธอด้วยเสียงพร่าเบา

“คนชั่ว ไปตายซะ” พีรกานต์เลือดขึ้นหน้า เธอบริภาษชายหนุ่มเสียงดัง

ดวงตาคมกริบของจาฟาร์เปลี่ยนประกายเป็นดุดันขึ้นมา ริมฝีปากบางกระตุกขึ้นอย่างหยันๆ

“เสียใจด้วยคนสวย คนชั่วคนนี้ยังไม่ยอมตายแน่ ถ้าฉันยังไม่ได้เข้าไปอยู่ในร่างนุ่มนิ่มที่หอมหวานของเธอเสียก่อน”

“ไอ้คนชั่ว! อย่างแกมันต้องไม่ตายดีแน่” พีรกานต์ตวาดเสียงแหลม

“ท่านชีค” ทหารองครักษ์ที่ยืนมองอยู่เริ่มรู้สึกทนไม่ได้ ที่หญิงสาวนางนี้ใช้คำพูดด่าทอเจ้าเหนือหัวของตน “นางคงต้องได้รับการสั่งสอนให้รู้จักที่ต่ำที่สูงบ้างนะครับ” ทหารคนนั้นเปล่งเสียงออกมาเป็นภาษาอังกฤษซึ่งพีรกานต์ไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่เนื่องจากหญิงสาวทำงานในผับและมีแขกต่างชาติเข้ามาเที่ยวกันเยอะ ก็เลยทำให้ได้รู้ภาษาอังกฤษบ้าง และที่สำคัญคำที่ทหารคนนั้นบอกออกมาชัดเจนก็คือ “ชีค”

“ปล่อยนางเถอะ พยศอย่างนี้ข้าชอบ” จาฟาร์บอก “แล้วคราวหลังอย่าใช้ภาษาอังกฤษกับข้าต่อหน้าคนอื่น ที่ไม่ใช่พวกเราจำไว้” ชีคหนุ่มบอกกับทหารคนนั้นเป็นภาษาท้องถิ่นของตน

“ชีคเหรอ” พีรกานต์ทวนคำ ก่อนจะเหลียวมองไปรอบๆ บริเวณ และพบว่ารอบๆ นั้นเต็มไปด้วยผ้าโปร่งหลากสีสัน ที่มีปลายข้างหนึ่งติดอยู่กับด้านบน และทิ้งตัวลงมาก่อนจะตวัดชายติดเข้ากับเสาเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เป็นมุม 4 มุม

ดวงตาคู่สวยมองผ่านผ้าโปร่งออกไปจะพบชายฉกรรจ์ที่แต่งตัวแปลกประหลาด พวกเขาทุกคนแต่งชุดดำ เสื้อตัวยาวปล่อยชายและกางเกงขายาวรัดปลายขา มีปืนเหน็บอยู่ที่เอว และมีดาบที่สวมฝักอยู่ด้านหลัง และทุกคนก็มีผ้าโพกหัวสีดำด้วย ลักษณะของทุกคนเหมือนกับทหาร แต่ไม่ใช่คนไทยและไม่ใช่ฝรั่งแน่ แล้วเธอกำลังอยู่ที่ไหนนี่

จาฟาร์พยักหน้าให้สาวใช้ดึงม่านกั้นสายตาที่เป็นผ้าสีทองหนาหนักปักลวดลายงดงามลงมา ในตอนนี้พีรกานต์จึงรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเล็กๆ ที่มีความกว้างแค่เตียงนุ่มที่เธอนั่งอยู่

“ที่นี่ที่ไหนกัน” ในที่สุดพีรกานต์ก็ถามคำถามที่เธอสงสัยอยู่ออกไป

ชีคจาฟาร์สบตาคู่สวยของพีรกานต์นิ่ง ก่อนจะยิ้มบางๆ ออกมาให้เธอ

“นครบาร์ยาเนีย หนึ่งในเมืองที่มั่งคั่งที่สุดทางตอนใต้ของคาบสมุทรอาหรับ เมืองแห่งทะเลทราย”

พีรกานต์ถึงกับเบิกตากว้าง ริมฝีปากอิ่มเผยอออกอย่างตกใจ คำถามต่อมาคือเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อคืนนี้หญิงสาวยังอยู่ที่ผับอยู่เลย

“ฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไง ก็ในเมื่อ เมื่อคืนนี้เรา เอ่อ...ฉันอยู่ที่ผับนี่นา”

จาฟาร์หัวเราะลั่น กับความไร้เดียงสาของหญิงสาว พีรกานต์มองคนที่กำลังหัวเราะเยาะเธออยู่อย่างขุ่นมัว ใบหน้าสวยนั้นงอง้ำลง ดวงตาที่มองจาฟาร์เขียวปั๊ด

“ถามแค่นี้ทำไมต้องหัวเราะเยาะกันด้วย” หญิงสาวแหวใส่ชายหนุ่มอย่างโมโห

ชีคจาฟาร์ต้องลดเสียงหัวเราะลง ก่อนจะค่อยๆ หยุดหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีโกรธขึงน่ารักของพีรกานต์

“หึ...หึ เอางี้แล้วกันนะสาวน้อย ฉันจะเล่าเรื่อง เอ่อ...จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ถูกลักพาตัวหรือถูกอุ้มดี”

“จะถูกอะไรก็เหมือนกันทั้งนั้นล่ะ รีบๆ เล่ามาเถอะ”

ชีคจาฟาร์ยักคิ้วเข้มขึ้นให้หญิงสาวข้างหนึ่ง กิริยานั้นทำให้พีรกานต์ต้องกำหมัดแน่น เพราะอยากตบใบหน้ายียวนกวนประสาทนั้นเต็มที

“สั้นๆ แล้วกัน ฉันอุ้มเธอขึ้นเครื่องบินมา โดยที่เธอสลบไปนาน 1 วัน 1 คืนเต็มๆ”

“อะไรนะ 1 วัน 1 คืนเต็มๆ เลยเหรอ” พีรกานต์ครางออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ “แล้วคุณจับฉันมาไกลถึงที่นี่ทำไมกัน ส่งฉันกลับเดี๋ยวนี้นะไอ้คนชั่ว” หญิงสาวตะคอกใส่จาฟาร์อีกครั้ง

“คำก็ชั่ว สองคำก็ชั่ว ได้...ถ้าอยากให้ชั่วนัก ฉันจะเป็นคนชั่วให้เธอดู” ชีคจาฟาร์บอกเสียงเย็น ก่อนจะกดข้อมือบางลงกับฟูก ใบหน้าคมก้มลงบดขยี้จุมพิตที่หนักหน่วงและร้ายกาจให้เธอ

ริมฝีปากร้อนผ่าวบดขยี้ริมฝีปากอิ่มแรงๆ ปลายลิ้นอุ่นไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดอย่างหยอกเย้า แต่พีรกานต์ก็อดทนไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อความรัญจวนที่จาฟาร์สร้างขึ้น หญิงสาวกัดฟันแน่นไม่ยอมให้ลิ้นร้อนๆ ผ่านเข้าไป

ชีคหนุ่มเปลี่ยนวิธีใช้มือใหญ่รวบมือบางทั้งสองข้างตรึงไว้เหนือศีรษะของหญิงสาว และมืออีกข้างดึงทึ้งผ้าต่วนสีขาวที่ห่อหุ้มร่างบางเอาไว้ กระชากทีเดียวขาดติดมือ เผยความงามที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในให้ประจักษ์แก่สายตา ดวงตาคมกริบหลุบมองทรวงอกอวบงามที่ประดับยอดด้วยตุ่มไตสีชมพูระเรื่อ

“อย่า” พีรกานต์ร้องออกมาอย่างอับอาย

จาฟาร์ละสายตาจากทรวงอกอวบประกบริมฝีปากเข้ากับเรียวปากนุ่มอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไรฟันที่กำลังจะกัดเรียวลิ้นร้อนต้องค้างเปิดอ้าขึ้น เมื่อมือใหญ่บีบเข้าที่กระพุ้งแก้มนวลเนียนได้ทันเวลา

“ถ้าเธอกัดฉันอีกครั้ง ฉันจะกัดเธอให้ทั่วทั้งตัวเลย” ชายหนุ่มบอกชิดเรียวปากนุ่ม

“ได้โปรด อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันขอร้อง ฉันจะไม่ว่าไม่ด่าคุณแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” พีรกานต์อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยเป็นสายผ่านแก้มนวลไป

จาฟาร์มองน้ำตานั้นแล้วก็นิ่งงันไป เขาเป็นโรคแพ้น้ำตา และไม่ชอบเห็นมันอย่างมาก

“หยุดร้องไห้คร่ำครวญได้แล้ว ฉันพาเธอมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ที่ที่เธอไม่ต้องทำงานอะไรเลย เธอก็จะมีกินมีใช้ตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แค่เธอมอบความสุขให้ฉันเท่านั้นเอง”

ยิ่งได้ยินพีรกานต์ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก

“บ้าเอ้ย! ฉันบอกให้เธอหยุดร้องไห้ไงเล่า” จาฟาร์สบถเสียงลั่น

“กะ...ก็คุณจะให้ฉันอยู่ในฐานะอะไร ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน อยากกลับเมืองไทย” พีรกานต์สะอื้นฮัก

“เป็นผู้หญิงของฉัน ชีคจาฟาร์ อับดุล บิน ฮัสซาร์” จาฟาร์บอก ดวงตาคมตกลงที่ปทุมงามล่อตาล่อใจอยู่ ก่อนจะส่งมือใหญ่ทักทายด้วยการบีบคลึงเบาๆ

“เป็นผู้หญิงของคุณ คุณเป็นชีคเหรอ” พีรกานต์ครางออกมาทันที เมื่อมือใหญ่สัมผัสกับทรวงอกอวบของเธอ

“ใช่” จาฟาร์ตอบ เขาก้มลงแตะริมฝีปากร้อนผ่าวกับยอดทรวงสีสวย และตั้งขึ้นรับการทักทายทันที ดวงตาคมแวววาวอย่างชอบใจ

“ถะ...ถ้างั้น ฉะ...ฉัน ก็ต้องอยู่ในฮาเร็มของคุณเหรอ” พีรกานต์ถามก่อนจะกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางของตัวเอง เมื่อชายหนุ่มแตะปลายลิ้นที่ยอดทรวง

“ถ้าเธอน่ารักแบบนี้ และให้ความสุขฉันได้มากกว่าคนอื่น เธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในนั้น ฉันจะแยกเธอเอาไว้ต่างหาก” ชีคหนุ่มบอก ตวัดลิ้นเลียไล้ยอดทรวงสีสวยไปมาสลับกันทั้งสองข้าง

ร่างบางของพีรกานต์แอ่นหยัด เสนอกายให้ชายหนุ่มสนองได้ถนัดถนี่อย่างไม่รู้ตัว

“คิดดูให้ดีนะ ถึงยังไงฉันก็ไม่ส่งเธอกลับเมืองไทยอยู่แล้ว แทนที่เธอจะต่อต้านฉัน แล้วฉันก็ต้องบังคับเธออยู่ดี สู้เธอเต็มใจเอาอกเอาใจฉันอย่างน่ารักแบบนี้ เธอก็จะสบายไปทั้งชาติ ที่เมืองไทยเธอก็ไม่มีญาติพี่น้องอยู่อีกนี่นา จะอยากกลับไปทำไมกัน กลับไปก็ต้องทำงานในผับ ยอมให้หัวหงอกหัวดำลวนลาม วันดีคืนดีเธออาจจะถูกบังคับขืนใจก็ได้” จาฟาร์ละคำพูดเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นมาจ้องสบตาคู่หวานที่เริ่มหรี่ปรือลงด้วยไฟพิศวาสที่เขาจุดให้ “แต่ถ้าเธออยู่ที่นี่กับฉัน เธอก็เป็นของฉันคนเดียว บอกตามตรงนะ ฉันไม่เคยถูกใจใครตั้งแต่แรกเห็นแบบเธอเลย...สาวน้อย” ชายหนุ่มเกลี้ยกล่อม ก่อนจะฝังปากและจมูกลงที่ซอกคอหอมละมุนของพีรกานต์

พีรกานต์คิดทบทวนไปมากับสิ่งที่จาฟาร์เสนอ ถ้าเธอไม่อยู่กับเขา แล้วเธอจะกลับเมืองไทยได้อย่างไรกัน ที่แห่งนี้เคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของแผนที่โลกด้วยซ้ำ แล้วที่เมืองไทยเธอก็ไม่มีใครให้ห่วง เพราะไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน หญิงสาวอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ตั้งแต่พ่อกับแม่ตายพร้อมกัน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชีวิตที่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ หญิงสาวผจญมาหมดแล้ว แต่โชคดีที่พีรกานต์มีความสวย หญิงสาวจึงหางานทำได้ง่ายกว่าคนอื่น

พีรกานต์ตั้งปณิธานไว้กับตัวเองว่า จะไม่ขายตัวกินเด็ดขาด แต่ตอนนี้...เอ...เธอก็ไม่ได้ขายตัวนี่นา หญิงสาวถูกจับตัวมาต่างหาก และหาทางกลับบ้านไม่ถูกซะด้วย ที่สำคัญไม่มีเงินติดตัวเลยสักแดงเดียว

มือบางเลื่อนลงจากการเกาะกุมจากมือใหญ่ที่คลายออกเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวเริ่มคล้อยตาม พีรกานต์เลื่อนมือลงแตะใบหน้าหล่อเหลา ที่ซุกไซ้ไปทั่วลำคอระหงของเธอ ทำให้จาฟาร์ต้องเงยหน้าจากความหอมหวาน

“คุณต้องสัญญากับฉันสองข้อ ข้อหนึ่ง ฉันจะไม่อยู่รวมในฮาเร็มของคุณเด็ดขาด ข้อสอง ถ้าคุณเบื่อฉัน ขอให้คุณส่งฉันกลับเมืองไทยทันที ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ไปจนตายโดยขาดความรัก ถ้าคุณสัญญากับฉัน ฉันก็จะตกลงยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการ” พีรกานต์บอก

ชีคจาฟาร์ยิ้มบางๆ อย่างยินดี

“ตกลงฉันสัญญา” ชายหนุ่มตอบตกลงทันทีด้วยใจที่สมหวัง ก่อนจะแนบริมฝีปากร้อนๆ ลงบนเรียวปากนุ่มอีกครั้ง และครั้งนี้เรียวลิ้นเล็กๆ ก็ตอบรับปลายลิ้นอุ่นซุกซอนเกี่ยวพันดูดดื่มความหวานอย่างเต็มใจ

มือใหญ่ลดลงเกาะกุมนวดคลึงทรวงอกอวบเบาๆ อย่างทะนุถนอมอ่อนโยน ปลายนิ้วเรียวปัดแผ่วที่ยอดทรวงเคร่งครัด พีรกานต์ผวาเฮือก มือบางจิกปลายเล็บยาวคมลงบนบ่าแข็งแรง แต่ก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เกิดกับจาฟาร์เลยแม้แต่น้อย

พีรกานต์ครวญครางออกมาอย่างรัญจวน ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือลง แต่แล้วก็ต้องเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง

“เดี๋ยว” หญิงสาวเบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนๆ “คุณต้องสัญญากับฉันอีกข้อหนึ่ง” ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ หญิงสาวยังคงเห็นทหารที่ยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ก็หน้าแดงซ่าน

“อะไร” จาฟาร์ถามเสียงพร่า

“ห้ามทำ เอ่อ...แบบเมื่อกี้ต่อหน้าคนอื่น” พีรกานต์บอกไปแล้วก็ต้องหันหน้าหนีอย่างขวยเขิน

จาฟาร์กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะขัดเขินเลยสักนิด

“ได้ ตกลงสัญญาระหว่างเรามี 3 ข้อเท่านั้นนะ”

พีรกานต์พยักหน้าหงึกหงัก จาฟาร์กดใบหน้าลงจุมพิตที่แก้มนวลหนักๆ ก่อนจะยืดตัวขึ้น โดยไม่ลืมตวัดผ้าห่มคลุมร่างบางเอาไว้

“ว่าแต่...เธอชื่ออะไรสาวน้อย ฉันรู้จากไฮซานว่าเธอชื่อน้ำหวาน” จาฟาร์ถาม

“ฉันชื่อพีรกานต์ มธุดำรง ชื่อเล่นน้ำหวาน อายุ 21 ปี” พีรกานต์ตอบ ราวกับกำลังรายงานตัว

“ถ้างั้นฉันเรียกเธอว่าฮันนี่แล้วกันนะสาวน้อย เดี๋ยวจะมีคนมาพาเธอไปทำความสะอาดร่างกาย แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ มันเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมานานมากแล้ว และฉันก็ขัดธรรมเนียมนี้ไม่ได้ แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไหร่ก็ตาม”

“อะไรเหรอคะ”

“ว้าย! จะบ้าเหรอ ไม่ได้นะ ไม่เอา” เสียงกรีดร้องอย่างตระหนกและตกใจที่ดังออกมาจากประตูที่ปิดสนิท ทำให้ชีคจาฟาร์เดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวาย

ภายในห้อง พีรกานต์เปลือยเปล่าอยู่บนฟูกบางๆ ข้างอ่างน้ำ ที่มีลักษณะเป็นวงกลมทำขึ้นจากดินเหนียวปิดทับด้วยทองคำเปลวแท้ๆ แต่ก็กักเก็บน้ำได้เป็นอย่างดี

หญิงสาวหน้าแดงตัวแดงก่ำไปหมด เธอคิดอยากจะหนีไปให้ไกลๆ เสียเดี๋ยวนี้ แต่ไม่อาจกระทำได้ จะไม่ให้พีรกานต์รู้สึกอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อหญิงวัยกลางคนค่อนไปทางชราแล้ว อายุประมาณ 50 ปี กำลังอยู่กลางหว่างขาของเธอ โดยมีผู้ช่วยเป็นหญิงสาวอีก 2 คน คอยจับแขนจับขาของเธอเอาไว้อยู่ แล้วในมือของหญิงวัยกลางคนก็ยังมีมีดโกนอยู่ด้วย

“มันเป็นธรรมเนียมของเรา เราต้องทำความสะอาดให้เธอทั้งตัว รวมทั้งส่วนของความเป็นหญิง” หญิงสาวที่จับมือของพีรกานต์เอาไว้บอกด้วยภาษาไทยชัดเจน

“เธอพูดภาษาไทยได้นี่ บอกเขาหน่อยสิว่าฉันไม่ทำ ถ้าต้องทำจริงๆ ฉันจะทำเอง” พีรกานต์บอกหญิงสาวคนนั้น

“ไม่ได้หรอก เรื่องนี้มันเป็นหน้าที่ของคุณฮาดา ผู้หญิงที่ต้องปรนนิบัติท่านชีค ทุกส่วนของนางจะต้องสะอาด และไม่มีสิ่งแปลกปลอม”

พีรกานต์ดิ้นรนจนเหนื่อยหอบ แรงของหญิงสาวร่างบางคนเดียว จะสู้แรงของผู้หญิง 3 คนได้หรือ

“สิ่งแปลกปลอมที่ไหนกัน มันเป็นเรื่องธรรมชาติ” พีรกานต์บอก “ไม่เอานะ ปล่อย ปล่อยสิ ปล่อย” หญิงสาวตะโกนสุดเสียง น้ำตาคลอเบ้าตาเพราะความอับอาย เกิดมายังไม่เคยมีใครได้มองเห็นร่างเปลือยของเธอนอกจากตัวเอง แต่นี่มัน...มันมากกว่านั้น และพีรกานต์ไม่ยอม

“กรี๊ด” สุดท้าย พีรกานต์ต้องกรีดร้องออกมาอย่างอัดอั้น เมื่อทำอะไรไม่ได้

ประตูห้องบานยาวตั้งแต่เพดานจรดพื้นถูกเปิดเข้ามาโดยชีคจาฟาร์นั่นเอง

“ปล่อยนาง” จาฟาร์สั่ง

ฮาดาและหญิงสาวอีก 2 คน จึงปล่อยตัวพีรกานต์ หญิงสาวขดตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็วและเบียดตัวชิดขอบอ่าง

“ท่านชีค นางไม่ยอมให้ข้าทำความสะอาดร่างกายเพื่อท่าน” ฮาดารีบรายงาน

“ข้าขอแล้วกัน ปล่อยนางไว้สักคน”

“ไม่ได้นะเจ้าคะ มันเป็นธรรมเนียมประเพณี และผู้หญิงในฮาเร็มของท่านทุกคนก็ผ่านขั้นตอนนี้จนสะอาดเกลี้ยงเกลาแล้วทั้งนั้น” ฮาดาคัดค้าน

“แล้วจะผิดประเพณีมั้ย ถ้าข้าจะขอทำเอง” จาฟาร์บอก ก่อนจะเพ่งดวงตาคมที่เปล่งประกายวาววับ เมื่อเห็นความงดงามของพีรกานต์

“ห๊า...ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ” ฮาดายกมือทาบอกอย่างตกใจ และไม่เชื่อหู

“ข้าบอกว่า ข้าจะชำระเนื้อตัวให้นางเอง” จาฟาร์เบนสายตากลับมาสบตาฮาดา ตาคมกริบนั้นทำให้ฮาดาต้องหลบตา

“เจ้าค่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ควร แต่ข้าก็คงห้ามอะไรท่านไม่ได้” ฮาดาถอนใจ ก่อนจะลุกขึ้นปรายตามายังร่างบางของพีรกานต์อีกครั้ง และเดินจากไปเงียบๆ พร้อมๆ กับหญิงสาวผู้ช่วยทั้ง 2 คน

ชีคจาฟาร์สาวเท้าเข้าไปหาร่างบางที่ซุกตัวเข้าหาขอบอ่าง จนแทบจะจมหายไปเป็นเนื้อเดียว ชายหนุ่มนั่งยองๆ ลงบนส้นเท้ามองใบหน้างาม ที่มีคราบน้ำตาอยู่เต็มหน้า

“ฮันนี่” จาฟาร์เรียกหญิงสาว

“ฉะ...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะกลับเมืองไทย ฉันจะไม่อยู่ที่นี่กับคุณอีกแล้ว” เสียงที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอิ่มปนเสียงสะอื้นฮักนั้น ไม่ได้ทำให้จาฟาร์ใจอ่อนอีกแล้ว น้ำตาของหญิงสาวช่วยเหลือเธอไม่ได้อีกต่อไป เพราะชีคหนุ่มมุ่งมั่นที่จะเผด็จศึกพีรกานต์ไว้แล้ว

“เสียใจทูนหัว ถ้าเธอผิดสัญญาเธอจะต้องเข้าไปรวมอยู่ในฮาเร็มของฉัน จำไม่ได้แล้วเหรอ”

“จำได้ แต่ฉันไม่อยู่ที่นี่แล้ว ประเพณีบ้าบออะไรนั่นฉันรับไม่ได้หรอก” พีรกานต์บอก แล้วก็ต้องร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อร่างบางลอยขึ้นจากพื้น “ว้าย”

จาฟาร์อุ้มร่างบางขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงลงไปในอ่างที่มีน้ำอยู่เกือบเต็ม ความกว้างของอ่างทำให้ร่างบางของพีรกานต์ที่ไม่ได้ตั้งตัวจมลงไป และทะลึ่งพรวดขึ้นมาใหม่ หญิงสาวกระแอมกระไอเพราะสำลักน้ำจนจมูกแดงไปหมด

จาฟาร์ถอดเสื้อคลุมตัวยาวที่สวมอยู่ออก ร่างกำยำที่เกือบเปลือยก้าวลงไปในอ่างน้ำร่วมกับเธอ

ชายหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งอยู่ด้านหลังพีรกานต์ โดยการเหยียดขายาวๆ คร่อมร่างบางเอาไว้ หญิงสาวตกใจกับการแนบชิดสนิทสนมขนาดนี้ แม้ว่าจาฟาร์จะยังมีกางเกงสวมอยู่ แต่เธอกลับเปลือยเปล่าตลอดร่าง

“คุณ...จะทำอะไรน่ะ” พีรกานต์ถามเสียงสั่น

จาฟาร์ไม่ตอบ มือใหญ่ข้างหนึ่งรวบร่างบางเข้าแนบชิดกายแกร่งมากยิ่งขึ้น ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็นวดเบาๆ ที่ทรวงอกอวบอิ่ม พีรกานต์หลับตาปี๋ หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ เมื่อร่างกายของทั้งสองแนบชิดนั้นร้อนผ่าวอยู่ในสายน้ำที่เย็นสดชื่น เมื่อเธอบิดกายอย่างกระเส่า สายน้ำก็แตกกระจายและโหมกลับมาปะทะร่างของทั้งสอง ความรัญจวนยิ่งยวดก็เกิดขึ้น

พีรกานต์ได้กลิ่นแปลกๆ เป็นกลิ่นหอมละมุน เหมือนกลิ่นของดอกไม้แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นชนิดใด ลมหายใจของหญิงสาวเริ่มติดขัด ความร้อนวูบวาบแผ่ซ่านตลอดทั้งร่างของพีรกานต์

“เธอจะต้องปลดปล่อยมันออกมาฮันนี่ ความต้องการที่อยู่ในจิตใต้สำนึก ไม่มีใครปิดบังได้” จาฟาร์กระซิบที่ข้างใบหูเล็กๆ และขบเม้มเบาๆ

หญิงสาวขนลุกซู่ไปทั้งกาย เมื่อมือหนาเริ่มเคล้นคลึงทรวงอกอวบหนักมือขึ้น พีรกานต์รู้สึกว่ามือไม้ของตนจะอ่อนแรง คิดจะต่อต้านเขาแต่ก็ทำไม่ได้

จาฟาร์เลื่อนริมฝีปากร้อนๆ ไล้ไปตามซอกคอระหง เขาปัดเส้นผมสลวยที่ขวางทางอยู่ออกให้พ้น และขบเม้มแรงๆ ตามลำคอ มือใหญ่ที่วางอยู่บริเวณหน้าท้องแบนราบ เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงเนินเนื้ออวบอูม ที่ยังคงมีพงไหมนุ่มนิ่มปิดบังความงดงามของมันอยู่

ปลายนิ้วเรียวสวยกรีดผ่านเส้นไหมเข้าไปแตะต้องกลีบกุหลาบแสนสวย

พีรกานต์ครางเสียงพร่า พยายามหนีบเรียวขาเข้าหากัน แต่นั่นก็เป็นการกักเก็บปลายนิ้วเรียวยาวของจาฟาร์เอาไว้

“หึ...หึ ทำแบบนี้คิดว่าจะหยุดฉันได้หรือสาวน้อย”

ปลายนิ้วเรียวที่ถูกบีบก็ยังคงขยับไปมาได้ หญิงสาวสะบัดใบหน้าไปมา ริมฝีปากอิ่มขบเข้าหากันแน่น

“เอาออกไป” พีรกานต์สั่งเสียงแผ่ว และได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ กลับมา

“เธอชอบมันที่รัก ฉันจะทำให้เธอรู้ด้วยตัวเอง ว่าเธอชอบมันแค่ไหน” จาฟาร์กระซิบชิดบ่าบอบบาง

ปลายนิ้วเรียวงอลงนิดๆ และเลื่อนขึ้นลงสลับกับสะกิดเบาๆ ที่ปุ่มเกสรเล็กๆ น่ารักของเธอ

“คุณ...ท่านชีค...” สะโพกสาวกระตุกขึ้นทันที ความทรมานที่แสนหวานทำให้เรียวขาที่ถูกเจ้าของหนีบเข้าหากัน ค่อยๆ แยกออกทีละนิด

ใบหน้างามแหงนเงยขึ้น จาฟาร์ที่ถึงแม้ว่าจะนั่งเป็นพนักพิงให้หญิงสาว แต่ความที่เป็นคนร่างสูงใหญ่ ศีรษะของชายหนุ่มก็ยังอยู่สูงกว่าศีรษะเล็กๆ ของพีรกานต์มากอยู่ดี ชายหนุ่มกดริมฝีปากร้อนๆ ลงกับเรียวปากนุ่มชุ่มชื้น เขาใช้ทุกส่วนของร่างกาย สร้างความสุขปรนเปรอหญิงสาวได้

นิ้วเรียวยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อจาฟาร์รับรู้ว่ามีน้ำหวานอุ่นๆ ไหลออกมาอาบปลายนิ้วบ้างแล้ว ชายหนุ่มก็จัดการส่งปลายนิ้วเข้าไปสำรวจความนุ่มอบอุ่นภายในทันที

“ท่านชีค...” เสียงร้องด้วยความรัญจวนใจถูกดูดกลืนเข้าไปในโพรงปากร้อนๆ ของจาฟาร์

เรียวขาที่แยกออกจากกันเมื่อครู่ ถูกบีบเข้าหากันอีกครั้ง จนจาฟาร์ต้องงอขาขึ้นและใช้ปลายเท้าแยกขาเรียวให้ออกจากกันทั้งสองข้าง

“รู้สึกยังไงบ้างฮันนี่” จาฟาร์ถามเสียงกระเส่า เมื่อถอนริมฝีปากออก

“ฉะ...ฉัน” พีรกานต์พูดได้เพียงแค่นั้น ก็ต้องหอบกระเส่า เพราะฤทธิ์ของนิ้วมือร้ายกาจของเขา

มือใหญ่อีกข้างที่เกาะกุมทรวงอกอวบ ถูกมือบางวางทับเอาไว้ แต่ชายหนุ่มก็ฝืนมือใช้นิ้วเรียวคีบยอดอกสีสวยดึงทึ้งเบาๆ

“พูดสิที่รัก พูดออกมาว่าเธอรู้สึกยังไงบ้าง”

ปลายนิ้วเรียวแสนร้ายกาจยังคงขยับเข้าออกไม่หยุด จาฟาร์เองก็ต้องกัดฟันแน่นอย่างรัญจวน เมื่อใจกลางสาวตอดรัดปลายนิ้วเรียว ชายหนุ่มไม่อยากคิดว่าถ้าเปลี่ยนจากปลายนิ้วเรียวเป็นความร้อนผ่าวอันใหญ่โต ที่กำลังปวดหนึบไปด้วยความต้องการจะปลดปล่อยแล้ว เขาจะเสียวซ่านรัญจวนขนาดไหน

“ทะ...ทรมาน” เสียงหวานกระเส่าตอบแผ่วเบา

“ทรมานเหรอสาวน้อย”

“ทรมาน...” พีรกานต์แอ่นหยัดสะโพกให้ปลายนิ้วเรียว เมื่อหัวสมองนั้นแตกพร่าเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ปรอดโปร่ง เหมือนกำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆที่เบาหวิวไปตามท้องฟ้ากว้างใหญ่

“ยังทรมานอีกหรือเปล่า...คนสวย” จาฟาร์ถอนปลายนิ้วเรียวออก ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วร้ายกาจ ไปบนทรวงอกอวบอิ่ม และบีบเคล้นเบาๆ

“ไม่...ไม่แล้ว” เสียงใสๆ ตอบ และคอที่ตกลงอย่างหมดแรง ทำให้จาฟาร์ต้องหัวเราะเบาๆ

“ที่รัก...ฉันจำเป็นต้องจัดการกับเส้นขนนุ่มๆ ของเธอ” คำบอกเล่าของจาฟาร์ ทำให้พีรกานต์เบิกตากลมโตขึ้น “ไม่ต้องกลัวนะฮันนี่ ฉันไม่ทำอันตรายเธอหรอก”

“ตะ...แต่ว่า”

“ไม่มีแต่...ฮันนี่ ฉันจำเป็น” จาฟาร์จับมือบางให้วางลงบนความร้อนผ่าวตรงใจกลางร่างแกร่ง “ดูมันสิที่รัก มันกำลังต้องการเข้าไปอยู่ในตัวเธอ กับหญิงอื่นที่ไม่ได้เข้ามาอยู่ในนี้กับฉัน ฉันก็คงสามารถให้ความสุขกับพวกเธอได้เลย แต่ตอนนี้เธออยู่กับฉันและมีคนรู้เห็นมากมาย ถ้าเธอไม่ทำ ฉันก็ไม่อาจให้ความสุขแก่เธอได้ฮันนี่”

พีรกานต์เบี่ยงร่างหันมามองสบตาคมสีเทาวาววับนั้น

“แต่ถ้าฉันไม่ทำ ก็ไม่มีใครรู้นี่คะ”

จาฟาร์ส่ายหัว

“ไม่...ฮันนี่ ทุกคนจะต้องรู้แน่นอน...เชื่อฉัน หลังจากที่เราออกจากห้องนี้แล้ว จัดการส่งเธอเข้าไปอยู่ในห้องของเธอที่เราได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ เมื่อนั้นเธอก็จะรู้ว่าเพราะอะไร ฉันถึงบอกว่าทุกคนจะต้องรู้”

“แต่...”

“เธอไม่สงสารฉันหรอกเหรอ ที่ฉันต้องทรมานอยู่แบบนี้ หรือเธอมีความสุขแล้วจะทอดทิ้งฉันกันฮันนี่” จาฟาร์แกล้งตัดพ้อ

“เอ่อ...” ดวงตาคู่สวยลดลงมองความแข็งแกร่งที่ขยาบอวบ ดุนดันกางเกงที่ชายหนุ่มสวมจนออกมาเป็นรูปเป็นร่าง ก่อนจะยื่นมือบางออกไปสัมผัสอย่างใคร่รู้

“อย่าซนที่รัก ฉันไม่อยากทำเธอเจ็บตอนนี้” จาฟาร์บอกเสียงต่ำ ก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นและก้าวออกจากอ่าง

ชายหนุ่มวางร่างบางลงบนฟูกบาง ก่อนจะเดินไปจุดเทียนที่ตั้งเอาไว้มุมห้อง กลิ่นของเทียนหอมแปลกที่หญิงสาวได้สูดดมเข้าไปทำให้จิตใจเหม่อลอย มือไม้อ่อนแรงลงอีกครั้ง

จาฟาร์เดินกลับมาหาร่างบาง ครั้งนี้มนตราของเทียนหอมทำให้ร่างบางไม่ได้ขัดขืน นั่นเป็นสิ่งที่ชีคหนุ่มต้องการที่สุด มือใหญ่แยกเรียวขาสลวยออกจากกัน ก่อนจะหยิบมีดโกนที่ฮาดาวางทิ้งไว้ที่พื้น และค่อยๆ บรรจงขจัดปอยขนนุ่มนิ่มออกๆ ช้าๆ ในที่สุดความเป็นหญิงที่งดงามก็ไร้สิ่งใดมาบดบัง

ชีคหนุ่มถึงกับต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก เมื่อได้เห็นความเป็นหญิงที่นูนเด่น อวบอูมสะอาดสะอ้านประจักษ์สู่สายตา ความเป็นชายที่ยังซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงขายาวเต้นตุบๆ จนปวดหนึบ

ชีคหนุ่มรูปงามต้องกัดฟันกรอด เมื่อดวงตาคมสบกับดวงตาที่บ่งบอกความต้องการของพีรกานต์ที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าเขาเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel