เริงรักร้ายใต้ขอบทราย

130.0K · จบแล้ว
มณีน้ำเพชร
62
บท
24.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชีคหนุ่มรูปงามได้พบสาวไทยแสนสวยแต่เธอพยศนัก หวงเนื้อหวงตัวทำเป็นไม่เคย ซึ่งแม้จะเคยเขาก็ไม่รังเกียจเพราะเธอถูกใจ แต่แล้วกลับมีเรื่องบังเอิญที่เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอดโชคดีที่เขาช่วยไว้แล้วจัดการลักพาตัวเธอกลับแคว้นอันยิ่งใหญ่ด้วยเครื่องบินส่วนตัว สาวงามฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป แม้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่าส่วนหนึ่งของร่างกายในจุดเร้นลับ พวกเขาทำราวกับเธอเป็นตุ๊กตามีชีวิตเพื่อสนองตัณหาของชีคผู้โหดร้ายเท่านั้น

นิยายรักนิยายปัจจุบันนิยายรักโรแมนติกนางกำนัลจอมมารสัญญาทางรักพลิกชีวิตเศรษฐีแฟนตาซี

ตอนที่ 1 ฉันต้องการเธอ

ตอนที่ 1 ฉันต้องการเธอ

“อะไรนะคะเสี่ย จะให้น้ำหวานไปเต้นโยกซ้ายโยกขวาโยกหน้าโยกหลังยั่วยวนอารมณ์เปลี่ยวของแขกทั้งหัวหงอกหัวดำอยู่บนเวทีน่ะนะ ไม่เอาหรอกค่ะ” เสียงใสๆ ของผู้หญิงสาวหน้าตาสะสวย ไม่แพ้รูปร่างงดงาม ดังลั่นออกมานอกห้องผู้จัดการร้านและเป็นเจ้าของร้านด้วย

“เอาน่าน้ำหวาน มันไม่ได้ยากเย็นอะไรหรอก ถ้านังเกดมาทำงานเสี่ยก็คงไม่ต้องมาขอร้องหนูแบบนี้หรอก” เสี่ยมานพบอก

วันนี้นักเต้นโคโยตี้สาวที่ชื่อการะเกดลาป่วยหนึ่งวัน ตำแหน่งที่การะเกดเคยยืนอยู่บนเวทีก็ว่างเปล่า ไม่มีใครทำแทนได้ นอกจากพีรกานต์ มธุดำรง สาวสวยวัย 21 ปีคนนี้

“น้ำหวานเต้นไม่เป็นหรอกค่ะ อย่ามาเกลี้ยกล่อมเสียให้ยากเลย”

“ก็หนูเคยเป็นแดนเซอร์มาก่อนนี่นา น่านะ ช่วยเสี่ยหน่อยเถอะ แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น หนูก็รู้ว่าตำแหน่งของการะเกดนั้นอยู่หน้าสุด ถ้าว่างไปแขกก็จะว่าเราได้ ดีไม่ดีแขกอาจจะหายหมดอีก ร้านเราก็จะขาดรายได้นะหนูน้ำหวาน” เสี่ยมานพพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อมหญิงสาว

“ฮึ แล้วทำไมเสี่ยไม่ลองถามคนอื่นดูล่ะคะ หนูเห็นแต่ละคนเวลาแขกชวนออกไปดิ้น ก็โยกซ้ายโยกขวาอย่างเมามันนี่นา” ใบหน้าสวยเฉี่ยวงอง้ำ มือบางยกขึ้นกอดอกอย่างตั้งแง่

“แหม...ก็พวกนั้นไม่มีใครสวยเท่าน้ำหวานสักคนนี่ น่านะ เอางี้วันนี้เสี่ยจะเพิ่มค่าแรงให้น้ำหวานอีกเท่าตัวเลย ตกลงมั้ย”

พีรกานต์หันขวับมามองเสี่ยมานพตาโต เงินเป็นสิ่งที่หญิงสาวปรารถนายิ่งนัก แต่ต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์ไม่ใช่เอาตัวเข้าแลกเหมือนอย่างคนอื่นๆ

“ค่าตัวรีเซฟชั่นอย่างน้ำหวานได้วันละ 500 บาท ฉะนั้นวันนี้น้ำหวานก็ต้องได้ 1,000 บาท ใช่มั้ยคะ” พีรกานต์ถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

“ใช่ ตกลงหนูน้ำหวานจะช่วยเสี่ยแล้วใช่มั้ยจ๊ะ” เสี่ยมานพถามอย่างมีความหวังขึ้นมาทันที

“ก็ได้ค่ะ แต่แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นนะคะ”

“จ้ะ”

จากนั้นพีรกานต์ก็ลุกขึ้นตรงไปที่ห้องแต่งตัว แล้วหยิบชุดของการะเกดที่อยู่ใน ล็อกเกอร์และไม่ได้ ล็อกกุญแจออกมาใส่

“แขกผู้มีเกียรติทุกท่านโปรดทราบ ขณะนี้ได้เวลา...โค...โย...ตี้” ดีเจประกาศขึ้น ก่อนจะเปิดเพลงแดนซ์กระจายหลุดโลกตามมา โคโยตี้สาวสวย 4 คนก็ออกมาวาดลวดลายบนเวที

พีรกานต์โยกย้ายส่ายสะโพกด้วยท่าทางที่ยั่วยวนสุดฤทธิ์ หญิงสาวงัดฝีมือจากการที่เคยเป็นแดนเซอร์เก่าออกมาใช้ชนิดที่เรียกว่าเกือบทุกกระบวนท่าก็ว่าได้ ดวงตาคู่งามสอดส่ายไปที่แขกในร้านเกือบทุกโต๊ะ แต่หญิงสาวไม่ได้มองเปล่า หากกำลังเชิญชวนเรียกร้องแขกทุกคนให้ต้องย้อนกลับมาที่ร้านนี้อีก ความที่วันนี้ภายในร้านนั้นมีแขกแน่นขนัด ทำให้หญิงสาวไม่รู้ตัวว่ามีดวงตาคมกริบสีนิลเนื้อดีจ้องเขม็งมาที่เธอตลอดเวลา

“ชะ...เอ่อ จาฟาร์ ดูเหมือนท่านจะสนใจนางเป็นพิเศษ” ไฮซาน ดารุส อิสมานี องครักษ์หนุ่มวัย 32 ปี รูปร่างสูงใหญ่ไล่เลี่ยกัน และแต่งกายด้วยชุดสูทสีดำเหมือนกันถามขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มที่เป็นทั้งเจ้าผู้ครองนครและเพื่อนรัก มองจ้องไปที่ร่างอรชรของโคโยตี้สาวสวยที่อยู่บนเวที

“ใช่ นางสวยยิ่งกว่าหญิงใดที่ข้าเคยเจอมาเสียอีก” จาฟาร์ อับดุล บิน ฮัสซาร์ ชีคหนุ่มวัย 33 ปีตอบ โดยไม่ได้หันมามองไฮซานเลย ดวงตาคมยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบางบนเวที

“ถ้าท่านชอบ ข้าจะติดต่อนางให้” ไฮซานอาสา

จาฟาร์ไม่ตอบ แต่ยังคงจ้องมองไปที่ร่างบางไม่วางตา เขาไล่สายตาไปตามเรือนร่างอรชรในเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั่น ก็คือเสื้อยืดสีขาวตัวบางเจี๊ยบมองเห็นเข้าไปถึงบราเซียตัวจิ๋วที่ห่อหุ้มทรวงอกอวบงามไว้ไม่มิด แถมยังผูกชายเสื้อเอาไว้แค่ใต้อกอวบเท่านั้น และถ้าเสื้อตัวนั้นเปียกน้ำล่ะก็ มันจะงดงามเพียงใดกัน ผู้เป็นชีคแห่งนครบาร์ยาเนียวาดสายตาลงต่ำผ่านหน้าท้องแบนราบ สะดือเรียวตื้นๆ สะโผกผายงอนงามที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงสีดำยาวแค่คืบ ที่ปิดบังจงอยก้นสวยเอาไว้ไม่หมด ยิ่งเวลาเธอหันหลังและแอ่นก้นยั่วยวน เลือดหนุ่มของเขามันเดือดพล่านจนแก่นกายของเขาปวดหนึบไปหมด

“จะขัดอารมณ์ท่านไปรึเปล่า ถ้าข้าจะบอกให้ท่านลองมองไปที่โต๊ะริมโน้นหน่อย” ไฮซานบอก

จาฟาร์เลิกคิ้วเข้มขึ้น ก่อนจะหันไปมองตามที่ไฮซานบอก

“ดูเหมือนว่าท่านกำลังจะมีคู่แข่งเสียแล้ว” เสียงของไฮซานดังสำทับมาอีก

จาฟาร์มองไปยังโต๊ะที่ไฮซานบอก และได้เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีแต่จืดกว่าเขา แต่งกายด้วยสูทภูมิฐานเช่นเดียวกัน กำลังมองจ้องไปยังร่างงามของโคโยตี้คนหน้าสุด คนเดียวกับที่เขามอง ถ้าเป็นชายอื่นที่อยู่ในร้านนี้ จาฟาร์อาจจะไม่สน แต่ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะกระเป๋าหนักกว่าใครๆ ในร้าน แต่คงไม่เท่าเขาแน่ และถ้าหญิงงามคนนั้นอยากได้เงินมากๆ ล่ะก็ แน่นอนเขามีคู่แข่งเข้าแล้ว

“ไฮซาน จัดการให้นางมาหาข้า หลังจากที่นางลงจากเวที” จาฟาร์มีคำสั่งให้ไฮซานทันที

และเมื่อจบการแสดงโชว์โคโยตี้ ซึ่งก็กินเวลาจนเกือบร้านปิด พีรกานต์ก็ลงจากเวที โดยการเหวี่ยงตัวลงมาด้านล่าง เพราะจะเร็วกว่าเดินตามกันลงบันไดมา

“หนูจ๋า...ชื่ออะไรจ๊า ต้องการคนเลี้ยงรึเปล่าจ๊ะ เสี่ยมีเงินเป็นฟ่อนเลยนะ รับรองหนูสบายแน่ๆ ไม่ต้องมาทำงานให้เหนื่อยด้วย แค่อยู่บ้านเฉยๆ ก็พอ” เสี่ยหัวล้าน ร่างท้วมเตี้ย เดินเข้ามาประกบพีรกานต์และเสนอสิ่งที่หญิงสาวได้ฟังมาตลอดตั้งแต่เริ่มทำงานที่นี่

“เก็บเงินไว้ในกระเป๋าเสี่ยเถอะค่ะ หนูอยากแก่ตายมากกว่าอยากถูกเมียเสี่ยฉีกอกหรือไม่ก็เอาปืนไล่ยิงจนตาย” พีรกานต์ตอบ

“เมียเมออะไรที่ไหนมี เสี่ยยังโสดไม่มีเมียให้ปวดหมองหรอกจ้ะ”

“เหรอคะ แต่ถึงยังไง ก็ไม่ดีกว่าค่ะ เชิญเสี่ยหาคนอื่นแทนล่ะกัน” หญิงสาวตอบอย่างสุภาพเพราะไม่อยากเสียลูกค้า ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงมา แต่ก็ยังไม่วายมีมือหนาของใครบางคนมาจับก้นงอนงามของเธออีก

พีรกานต์หันขวับไปมองไอ้แขกชีกอคนนั้นอย่างฉุนกึก

“ไง น้องสาว มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะคนสวย” คนพูดท่าทางเมามายกลิ่นเหลาฉุนกึก แถมยังเดินเซแซดๆ แทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้วด้วยซ้ำ

พีรกานต์ไม่อยากมีเรื่องกับคนเมา เธอจึงสะบัดหน้าพรืดจะเดินหนีไป แต่มือหนาๆ นั้นก็ยังมาฉุดแขนเรียวเอาไว้อีก

“ปล่อยค่ะ”

“ไม่ปล่อย มีอะไรมั้ยจ๊ะคนสวย” คนเมาไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนหญิงสาวต้องเบนหน้าหนีเพราะขยะแขยงและเหม็นกลิ่นเหล้าที่คละฟุ้ง

“ทำเป็นรังเกียจ พี่มีเงินเยอะนะ ไม่สนหน่อยเหรอ”

“ไม่ค่ะ แล้วก็กรุณาปล่อยมือออกจากแขนของฉันได้แล้ว” พีรกานต์บอก ข่มความโกรธเอาไว้ในใจ

“อย่าเล่นตัวนักเลย ต้องการเท่าไหร่ พี่ให้ได้ทั้งนั้น” คนเมาบอก คราวนี้หญิงสาวสะบัดแขนแรงจนหลุดออกจากการเกาะกุม ในขณะที่คนเมาเซถลาไปอีกทาง ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าข้างในไป

พีรกานต์กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ยุพาสาวเสิร์ฟที่อายุมากกว่าก็เข้ามาตาม

“น้ำหวาน เสี่ยเรียกให้เข้าไปพบที่ห้องน่ะ”

“จ้ะ เดี๋ยวไป” พีรกานต์บอก เพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเงินค่าจ้างที่ตกลงกันเอาไว้

หญิงสาวจึงรีบเปลี่ยนชุด และเดินเข้าไปพบเสี่ยมานพในห้องทำงานทันที แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป กลับพบว่าเสี่ยมานพไม่ได้อยู่คนเดียว แต่มีชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มรูปร่างสูงใหญ่ใส่สูทสีดำสนิทนั่งอยู่ด้วย

“เสี่ยเรียกน้ำหวานหรือคะ” หญิงสาวเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้ที่ชายหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่

“ใช่ คือว่ามีคนต้องการพบน้ำหวานน่ะ” เสี่ยมานพบอก สีหน้ากระอักกระอ่วนใจ

“ใครคะ” พีรกานต์ถาม

เสี่ยมานพลุกขึ้นยืนเดินมาหาหญิงสาว และกระซิบบอกเธอ

“แขกคนพิเศษ เขาบอกด้วยว่าถ้าน้ำหวานไม่ออกไปพบเขา เขาจะปิดร้านนี้”

“อะไรนะคะ!” หญิงสาวถามเสียงดัง ตวัดตาคมดุมายังชายหนุ่มที่นั่งเฉยอยู่ทันควัน “นี่คุณ...คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ คุณมีสิทธิ์อะไรจะมาปิดร้านนี้ บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะคุณ ไม่ใช่นึกอะไรก็ทำแบบนี้” เธอโวยวายใส่เขา

“นี่...หนูน้ำหวานอย่ามีเรื่องกันเลยนะ เขาแค่มาเชิญหนูไปพบคนๆ หนึ่งเท่านั้นจ้ะ” เสี่ยมานพบอก เขาอาจจะเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากเสียลูกค้ากระเป๋าหนักแบบนี้ไป แต่เพื่อความอยู่รอดของร้านและทุกชีวิตที่ทำงานอยู่ในนี้แล้ว เขาจำเป็นต้องทำ

พีรกานต์มองหน้าเสี่ยมานพ และได้เห็นความกังวลเต็มเปี่ยมในดวงตาคู่นั้น เธอก็ใจอ่อน แม้ว่าหญิงสาวจะทำงานที่นี่มาไม่กี่เดือน แต่เธอก็รู้สึกรักและเคารพเสี่ยมานพเหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง รวมถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่ทำงานด้วยกัน เธอก็รักและผูกพันกับทุกคน

พีรกานต์ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าให้เสี่ยมานพ

“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่เสี่ยที่น้ำหวานเคารพรักหรอกนะ ถ้าไม่ใช่เสี่ยขอร้องอย่าหวังเลยว่าน้ำหวานจะยอม” พีรกานต์บอก

ไฮซานที่นั่งรอท่าอยู่ลุกขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบรับ ก่อนจะเดินนำหน้าหญิงสาวไป เขาแอบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้บนใบหน้า เมื่อคิดว่าชีคหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่กำลังจะเจอคู่ปรับที่มีท่าว่าจะแรงพอกันเสียแล้ว

พีรกานต์เดินตามร่างสูงของไฮซานไปจนถึงโต๊ะที่อยู่มุมสุด ตรงนั้นมีผู้ชายอีกคนนั่งอยู่ เขาแต่งกายแบบเดียวกับคนที่เดินนำเธอ และรูปร่างที่คงใกล้เคียงกัน ทว่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มนั้นที่แตกต่างกัน รวมถึงดวงตาคมกริบของเขาที่สวยสะดุดตา สองคนนี้ไม่ใช่คนไทย พีรกานต์สรุปในใจเงียบๆ

จาฟาร์มองร่างบางที่เดินตามไฮซานมาจนถึงโต๊ะที่เขานั่งอยู่ ดวงตาคมฉายแววปรารถนาออกมาเต็มเปี่ยมอย่างไม่ปิดบัง เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ มือใหญ่ของคนที่นั่งอยู่ก็กระตุกมือบางจนร่างบางเซถลาลงบนตักแข็งๆ ของเขา

“อุ๊ย! นี่คุณ จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ” พีรกานต์ร้องโวยวาย ดิ้นรนลงจากตักแข็งๆ

ร่างบางที่ดิ้นส่ายไปมาเบียดเสียดสะโพกงอนงามกับแก่นกายแข็งชันอยู่ใต้กางเกงสแล็คที่สวมอยู่ เพราะภาพของร่างบางที่เต้นยั่วยวนบนเวทีนั้น ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ จาฟาร์นั้นแทบทนไม่ไหวอยากร่วมรักกับเธอเสียเดี๋ยวนี้และตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มรวบร่างบางแน่นขึ้น ก่อนเอนร่างบางลงกับโซฟาสีดำที่ตนนั่งอยู่ โดยที่สะโพกมนยังอยู่บนตักแข็ง จาฟาร์ใช้แรงที่มีมากกว่ากดจุมพิตบนเรียวปากนุ่ม เพื่อควานหาความหวานที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เมื่อริมฝีปากนุ่มเผยอออกและเขาสอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นเข้าไป หญิงสาวก็งับเรียวลิ้นนั้นแรงๆ ทันที

“โอ้ย” จาฟาร์ร้องลั่น และถอนเรียวลิ้นอุ่นออกมาทันควัน เขาใช้มือใหญ่บีบแก้มนุ่มไว้ ก่อนกระแทกริมฝีปากลงไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง

พีรกานต์ยกมือไล่ทุบไปตามอกกว้างและบ่าแข็งแรงของเขา ทว่าเหมือนเขาจะไม่รู้สึกอะไรกับแรงเท่ามดของเธอ หญิงสาวได้แต่ดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่บนตักกว้าง

“ถ้าเธอไม่หยุดดิ้น ฉันจะปล้ำเธอซะที่นี่ตอนนี้เลย” จาฟาร์บอกออกมาด้วยภาษาไทยสำเนียงแปร่งปร่า ทำให้หญิงสาวหยุดดิ้นทันที

“ปล่อย” พีรกานต์บอก เธอทำตาดุเขียวปั๊ดใส่คนที่เธอไม่รู้ว่าเป็นชีคผู้ครองนครบาร์ยาเนีย จาฟาร์อยากหัวเราะออกมาให้ดังสุดๆ เลยจริงๆ เกิดมายังไม่มีผู้หญิงคนไหนทำตาดุใส่เขาเลยสักคน

“เท่าไหร่” เขาถาม

“ถ้าหมายถึงตัวฉันล่ะก็ไม่ขาย เท่าไหร่ก็ไม่ขาย” เธอตะโกนใส่หน้าชายหนุ่ม

“เธอไม่จำเป็นต้องโก่งค่าตัวหรอกนะ ต้องการเท่าไหร่ว่ามา ฉันทุ่มไม่อั้นอยู่แล้วสำหรับคนสวยๆ แบบเธอ”

“ไอ้บ้า ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ขาย หูหนวกรึไง บอกว่าไม่ขายๆ” พีรกานต์ปรี๊ดแตก

“ปากดีนักนะ ปากเก่งแบบนี้ ไหนลองดูสิว่าจะเก่งแต่พูดอย่างเดียวรึเปล่า”

จาฟาร์กดจุมพิตรุนแรงป่าเถื่อนลงไปอีกครั้ง มือใหญ่บีบกระพุ้งแก้มนวลแรงๆ ทำให้พีรกานต์ต้องเผยอปากขึ้นเพราะความเจ็บปวด เมื่อได้สั่งสอนเธอจนพอใจ เขาก็ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาคมดุจ้องเข้าไปในดวงตาดำสนิทที่ระแวดระวังราวกับดวงตาของนางกวางระแวงภัย และต้องจุ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นน้ำตาใสๆ เอ่อคลออยู่ในเบ้าตาคู่สวย

“ถ้าเธอไม่ดื้อ ก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้” เขาบอกเบาๆ ชิดเรียวปากนุ่ม

“ไปลงนรกซะ!” พีรกานต์ตอกกลับมาอย่างแรง ทำให้ชีคหนุ่มถึงกับอึ้งไปนิด เพราะไม่เคยมีใครที่กล้าพูดแบบนี้กับเขา แล้วถ้าพูดมันคนนั้นก็คงไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิต

ดวงตาคมกริบลุกเป็นเพลิงวาวโรจน์ จนพีรกานต์อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ แต่เธอจะไม่แสดงให้เขาเห็นว่าเธอกำลังกลัว พีรกานต์พยายามใช้เรี่ยวแรงที่มีเหลือเพียงน้อยนิดดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเขา เมื่อมือบางถูกรวบขึ้นไว้เหนือศีรษะ เธอก็งอเข่าขึ้นและถีบไปที่หน้าท้องแข็งๆ ของชายหนุ่มเต็มแรง

จาฟาร์ไม่ได้ปล่อยมือจากข้อมือบาง แม้ว่าเขาจะรู้สึกจุกเพียงเล็กน้อยก็ตาม

“ฤทธิ์มากนักใช่ไหม ได้...ฉันจะทำให้เธอรู้ว่า ถึงยังไงเธอก็ต้องสยบลงให้กับฉัน” จาฟาร์กล่าวเสียงเครียด

ชายหนุ่มเลื่อนมือใหญ่มาด้านหน้าบริเวณทรวงอกอวบ ก่อนจะกระตุกเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนที่หญิงสาวสวม จนกระดุมทั้งแถวหลุดกระจายเต็มพื้น

“ไม่!” พีรกานต์กรีดร้องออกมาอย่างตกใจ และครั้งนี้เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมาไม่ได้

จาฟาร์ก้มลงซุกไซ้ใบหน้าคมคายกับทรวงอกอวบ เขาจุมพิตหนักบ้างเบาบ้างไปจนทั่วเนินทรวงที่โผล่พ้นบราเซีย สีหวาน ก่อนใช้มือใหญ่กระตุกบราเซียจนหลุดติดมือออกมา

“ไม่ อย่านะ ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย” เมื่อใช้ไม้แข็งแล้วไม่รอด เธอก็เปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนแทน

จาฟาร์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้านวลที่อาบไล้ไปด้วยหยาดน้ำตา ที่ผ่านมาถ้าเขาต้องการผู้หญิงขึ้นมาสักคน ไม่มีใครกล้าขัดใจเขา แถมยังสนองตอบเขาเป็นอย่างดีเสียอีก แต่กับหญิงสาวคนนี้ เขาตั้งใจจะให้เธอมากกว่าทุกคนที่ผ่านมา เพียงแค่เธอยินยอมเป็นของเขา เงิน ทอง เครื่องเพชร จาฟาร์ยินดีมอบให้เท่าที่เธอต้องการ แต่ทำไมนะ เธอถึงปฏิเสธเขาได้ และถ้าเขาดูไม่ผิด หญิงสาวเข้ามาทำงานแบบนี้ก็เพื่อเงินเพียงตัวเดียว แล้วทำไม...

“ฉันจะให้เธอทุกอย่างเท่าที่เธอต้องการ แลกกับการเป็นของฉัน”

“ฉันไม่ต้องการ ฉันไม่ได้ขายตัว” พีรกานต์บอก

“เธอจะปฏิเสธฉันไปทำไม ในเมื่อที่นี่ก็มีแต่ผู้หญิงขายบริการทั้งนั้น”

“แต่ไม่ใช่ฉัน”

จาฟาร์ก้มลงมองทรวงอกอวบที่เต่งตึงชูชันเรียกร้องหาสัมผัสจากเขา ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตเบาๆ ที่ยอดอกสีสวยทั้งสองข้าง ร่างบางของพีรกานต์ผวาเฮือกกับสัมผัสใหม่ที่ไม่เคยรู้จัก

“ร่างกายของเธอ มันกำลังบอกว่าต้องการฉัน เหมือนที่ฉันต้องการเธอ แล้วจะปฏิเสธทำไม”

พีรกานต์เม้มปากแน่น ส่ายใบหน้าไปมาแรงๆ

“ไม่...ฉันไม่ต้องการ ได้ยินมั้ย ว่าฉันไม่ต้องการ”

“งั้นเหรอ” จาฟาร์ขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันมุ่น ก็เห็นๆ อยู่ว่าร่างกายของเธอมันเรียกร้องสัมผัสจากเขา แต่ทำไมเธอถึงได้ปฏิเสธ หรือว่าเธอจะเรียกค่าตัวให้มากขึ้นไปอีก จาฟาร์ถอนหายใจออกมาแรงๆ เขาเริ่มรู้สึกว่ากำลังเสียเวลาอันมีค่านานเกินไปแล้ว และเขาก็ไม่มีเวลาว่างมากพอที่ต้องทนกับความเรื่องมากของเธอ

“ฉันจะถามเธออีกครั้ง ว่าเธอต้องการเท่าไหร่” จาฟาร์เอ่ยเสียงเข้ม

“นี่! ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องการ ฉันไม่ได้ขายตัวได้ยินมั้ย” พีรกานต์ตะโกนใส่หน้าชายหนุ่มเสียงดัง

ไฮซานที่เลี่ยงไปนั่งเงียบที่โต๊ะข้างๆ กัน และได้ยินเสียงหญิงสาวชัดเจน เห็นว่าเธออาจไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าจริงๆ ก็เขยิบตัวนั่งตรงกันข้ามแผ่นหลังเกือบชิดกับผู้เป็นเจ้าเหนือหัวของเขา

“ท่านจาฟาร์ นางอาจจะไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าจริงๆ นะท่าน”

จาฟาร์หันขวับไปมองไฮซานอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันกลับมามองร่างบางที่ยังถูกพันธนาการจากเขาอยู่นั้น ดวงตาคมกวาดไล้ลงไปที่ทรวงอกอวบอิ่มที่ล่อตาล่อใจอยู่ ก่อนจะก้มลงดูดเม้มแรงๆ อย่างทำโทษที่เจ้าของร่างปฏิเสธเขาอย่างไม่มีเยื่อใย

พีรกานต์กัดริมฝีปากด้านในแรงๆ เพื่อกลั้นอารมณ์ที่ถูกชายหนุ่มฉุดดึงเอาไว้ เธอจะไม่ยอมให้เขารับรู้อีกแล้วว่าร่างกายของเธอนั้นต้องการสัมผัสจากเขาจริงๆ สัมผัสแปลกใหม่ที่รู้สึกวูบวาบในช่องท้องไปหมด สัมผัสที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ต้องการ

กลิ่นกายของพีรกานต์ทำให้จาฟาร์ไม่อยากเงยหน้าขึ้นจากทรวงอกอวบ กลิ่นสาบสาวหอมละมุนทำให้เขาอดใจไม่อยู่ จาฟาร์ซุกไซ้ใบหน้าไปมาสูดดมความหอมเข้าปอดเต็มที่ ก่อนจะเลื่อนไล้ต่ำลงไปยังหน้าท้องแบนราบ และสะดือเรียวเล็กน่ารักของเธอ

“พอ...พอแล้ว ได้โปรด ฉันยอมแล้ว” ประโยคสุดท้ายทำให้จาฟาร์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“เธอว่าอะไรนะ พูดใหม่อีกทีซิ” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ

พีรกานต์กัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะตอบ

“ฉันยอมแล้ว แต่ขอเวลาหน่อยได้มั้ย ขอให้เลิกงานก่อนได้มั้ย จากนั้นคุณจะพาฉันไปไหนก็ได้แล้วแต่ความต้องการของคุณ”

จาฟาร์มองจ้องมาอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อถือนัก แต่แล้วเขาก็ปล่อยมือจากเธอ หญิงสาวรีบลุกขึ้นอย่างร้อนรน มือบางสั่นเทาคว้าหมับที่สาปเสื้อที่แยกออกจากกันด้วยน้ำมือของเขา ก่อนเธอจะได้ทันลุกหนี มือใหญ่ก็คว้าหมับที่ต้นขาเรียวสวยเอาไว้มั่น

“ตกลง ฉันจะรอจนถึงเวลาเลิกงานของเธอ และห้ามตุกติกเป็นอันขาด ไม่งั้นเธอจะไม่มีสิทธิ์ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป” เขาสั่งสำทับมาอย่างข่มขู่

พีรกานต์พยักหน้าหงึกหงัก เธอยกมือบางขึ้นป้ายน้ำตาออกลวกๆ ก่อนจะทรงตัวลุกขึ้น

“เดี๋ยว” เสียงทรงอำนาจทำให้หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันมามองชายหนุ่ม

“ขอมัดจำก่อน” เขาบอกสั้น และกระตุกมือบางให้ทรุดตัวลงบนตักแข็งๆ อีกครั้ง จาฟาร์แนบริมฝีปากบางเฉียบได้รูปของตนลงไปบนเรียวปากนุ่ม ก่อนจะสอดปลายลิ้นเข้าไปหาความหวานล้ำที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

จาฟาร์มอบจุมพิตเรียกร้อง จนแทบกระชากวิญญาณและจิตใจดวงน้อยๆ ของพีรกานต์ให้หลุดลอยออกมา หญิงสาวตัวสั่นไปหมดกับจุมพิตที่แผดเผานั้น และต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เมื่อจาฟาร์ยอมถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง

“หวานมาก แล้วเจอกันนะสาวน้อยคนสวย” ชายหนุ่มบอก ก่อนปล่อยอ้อมแขนจากร่างบาง หญิงสาวที่พอทรงตัวลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ก็วิ่งผ่านผู้คนในร้านหายเข้าไปด้านหลังร้านทันที

จาฟาร์มองตามร่างบางจนลับหายไป และถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วยกแก้วเครื่องดื่มที่เป็นเพียงน้ำอัดลมขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว หวังจะให้มันช่วยดับความร้อนรุ่มภายในจิตใจให้หมดไป

“ท่าทางท่านคงต้องการนางมาก” ไฮซานมองทุกอิริยาบถของชีคหนุ่ม ก่อนจะพูดออกมา

จาฟาร์ไม่ตอบ กลับส่งแก้วเปล่าให้ไฮซานจัดการรินให้อีกครั้ง

“ถ้านางไม่อยู่ให้ท่านรออย่างที่พูดล่ะ”

จาฟาร์ตวัดตาคมกริบให้องครักษ์หนุ่มเพื่อนสนิท ก่อนจะกระดกแก้วเทพรวดเดียวจนหมดแก้วอีกครั้ง

“ถ้านางทำอย่างนั้น ข้าจะทำให้นางได้รู้จักฤทธิ์ของอินทรีทะเลทรายที่แท้จริงดูบ้าง ว่าเวลาที่ถูกจิกจะเจ็บปวดมากขนาดไหน” จาฟาร์กล่าวเสียงเย็น

“หวังว่าท่านจะไม่ทำรุนแรงกับนางขนาดนั้นจริงอย่างที่พูด” ไฮซานเตือน แต่มุมปากของเขาก็กดลึกลงอย่างอดขำไม่ได้

ตั้งแต่ไฮซานติดตามจาฟาร์ไปทุกที่ เขายังไม่เคยเห็นชีคหนุ่มเป็นอย่างนี้ จาฟาร์เพียงแค่กระดิกนิ้วครั้งเดียว สาวน้อยสาวใหญ่ก็คลานเข้ามาหาอย่างเต็มใจ ด้วยความเป็นหนุ่มรูปงามหาตัวจับได้ยาก ดวงตาคมสีนิลนั้นเป็นเสน่ห์ที่ชวนให้ต้องค้นหาและติดตาม รูปร่างกำยำล่ำสันที่สาวๆ เห็นเป็นต้องกรี๊ดทุกคน

เมื่อนึกถึงสาวๆ แล้ว ไฮซานก็ไพล่นึกไปถึงฮาเร็มของจาฟาร์ที่บาร์ยาเนีย เห็นทีจากบ้านเมืองมานานคราวนี้ เมื่อกลับไปถึง เขาคงต้องขออนุญาตเอานางคนใดคนหนึ่งในฮาเร็มมานอนกอดแก้เหงาเสียแล้ว

พีรกานต์เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ โดยเอาเสื้อของการะเกดที่เธอได้ใส่เต้นโคโยตี้มาใส่แทน หญิงสาวเดินเข้าไปหาเสี่ยมานพเพื่อจะขอค่าตัวและขอกลับบ้านก่อนเวลา ซึ่งเสี่ยมานพก็ไม่ว่าอะไร หยิบเงินส่งให้พีรกานต์ไปตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้

“เสี่ยขอโทษจริงๆ นะหนูน้ำหวาน แต่ถ้าเสี่ยไม่ทำแบบนี้ ร้านของเราก็ต้องถูกปิด” เสี่ยมานพกล่าวด้วยความจริงใจ

“ไม่ต้องขอโทษน้ำหวานหรอกค่ะเสี่ย น้ำหวานแค่ทำตามหน้าที่ของพนักงานคนหนึ่ง” พีรกานต์บอก หญิงสาวหันหลังขวับสาวเท้าไปที่ประตู แต่แล้วก็หันกลับมาใหม่

“อีกอย่างหนึ่งนะคะเสี่ย ร้านนี้เป็นร้านของเสี่ยค่ะ ไม่ใช่ร้านของเรา” เธอบอกก่อนจะเดินจากไป

พีรกานต์ออกทางประตูหลังของร้าน ที่มีไว้สำหรับยี่ปั๊วะได้ส่งเหล้าเบียร์ให้กับทางร้าน หญิงสาวก้าวเท้าเร็วๆ เดินไปที่ป้ายรถประจำทาง ในเวลาดึกสงัดแบบนี้ไม่มีผู้คนมายืนรอรถมากนัก หญิงสาวมองไปที่ชายหนุ่มวัยรุ่นสองคนที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว แสงไฟเปิดสว่างที่ป้ายรถนั้นทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน

ชายสองคนนั้นหันมามองพีรกานต์นิ่งๆ หญิงสาวทำเป็นไม่สนใจ ชะเง้อมองดูรถประจำทางที่ต้องการขึ้นว่ามาหรือยังอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าความรู้สึกภายในจิตใจดวงน้อยนั้นเริ่มหวาดกลัว เมื่อสังเกตเห็นว่าชายสองคนนั้นยังคงมองอยู่นิ่งๆ หญิงสาวก็หันหลังให้ ก่อนก้มลงมองตัวเอง และเห็นว่าเสื้อที่ใส่อยู่นั้นบางจนเห็นทรวงอกอวบที่ไร้ชั้นในปิดบัง หญิงสาวขบฟันโมโหคนที่กระชากชั้นในของเธอจนขาด จึงตัดสินใจออกเดินไปเรื่อยๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

พีรกานต์รู้สึกว่ามีใครบางคนตามมา จึงหันไปมองด้านหลัง และได้พบว่าเป็นชายสองคนเมื่อสักครู่นี้ หญิงสาวสาวเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก พลางคิดว่าทำไมนะหนีเสื้อปะจระเข้แท้ๆ เธอเดินเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนแทบกลายเป็นวิ่ง แต่แล้ว...

“จ๊ะเอ๋...นางฟ้า จะรีบไปไหนหรือจ๊ะ บ้านอยู่บนสวรรค์แน่เลย ให้พี่ไปส่งเอามั้ยจ๊ะ” ชายสองคนนั้นวิ่งมาดักหน้าเธอคนหนึ่งและดักหลังเธออีกคนหนึ่ง

“ถอยไป ฉันจะกลับบ้าน” พีรกานต์บอกเสียงเขียว

“ถ้าบ้านอยู่บนสวรรค์ ให้พี่ไปส่งดีกว่านะน้อง พี่จะส่งให้ถึงสวรรค์เลย” มันคนหนึ่งบอก และเดินเข้ามาจับแขนเรียว หญิงสาวสะบัดหนีทันที

“อย่าดื้อน่า พี่ไม่อยากใช้ความรุนแรงกับนางฟ้าหรอกนะ” มันอีกคนบอก

“ช่วยด้วย! ช่วยด้วยค่ะ” พีรกานต์ตัดสินใจตะโกนออกไปสุดเสียง มันเข้ามายกมือปิดปากเธอไว้ หญิงสาวดิ้นรนสุดแรง ทันใดนั้น...

“ผลัวะ พลั่ก” เสียงเตะและต่อยดังขึ้น พีรกานต์มองคนที่ช่วยเธอไว้อย่างขอบคุณ หากหญิงสาวก็ต้องเบิกตากลมขึ้นกว้างอย่างตกใจ เมื่อพบว่าใครที่เป็นคนช่วยเหลือเธอ

“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกสาวน้อย” ร่างสูงของจาฟาร์สาวเท้าเข้ามาหาเธอ ปล่อยให้ไฮซานจัดการกับเดนมนุษย์สองคนนั้นไปเพียงลำพัง

พีรกานต์หมุนตัวจะวิ่งหนี แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อจาฟาร์เข้ามารวบร่างบางเอาไว้ ยกมือขึ้นตรงหน้าเธอ และหญิงสาวก็ได้กลิ่นคลื่นเหียนแปลกๆ ก่อนที่สติสัมปชัญญะทั้งหมดจะดับวูบไป