๓ เจ้าบ่าวแสนเจ้าเล่ห์ (๓)
“เกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยหลังบ้านน่ะครับ ความรักของเราออกจะซับซ้อนสักหน่อย ยังดีที่ผมกับน้องรู้ใจตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะผิดพลาด” เอื้อมมาจับมือบางที่เกาะแขนตนไว้ เขาพูดเป็นนัยแต่คนฟังก็พอจะเข้าใจว่าเกิดจากความรักที่เพิ่งรู้ใจตัวเองของคนทั้งคู่
ทว่าคำถามก็ยังไม่หมด และเขาก็เตรียมพร้อมกับสถานการณ์ตอนนี้เอาไว้แล้ว ไม่มีท่าทีอึดอัดให้เห็นแม้แต่น้อย
“แล้วพุฒล่ะ”
“พุฒไปทำงานให้ผมที่ฮ่องกงครับเลยไม่ได้มาร่วมงาน เขายังส่งข้อความแสดงความยินดีมาอยู่เลย มินนี่ก็เห็นใช่ไหมครับ” หันมาขอความเห็นคนที่นิ่งเงียบ เอาแต่เหลือบเจ้าบ่าวพูดอย่างลื่นไหลจนอดทึ่งไม่ได้
เขาทำให้เธอคล้อยตามไปด้วย หากไม่รู้ความจริงทั้งหมดก็อาจจะเชื่อไปแล้ว...
“ค่ะ”
“ตามสบายนะครับ ผมขอไปทักทายคุณอารักสักครู่” ค้อมศีรษะแล้วเดินไปหาญาติผู้ใหญ่คนอื่น เขาต้องตอบคำถามทุกคนเหมือนกัน ซึ่งชายหนุ่มก็ลื่นไหลไม่เปิดช่องโหว่เลยสักนิด เป็นหล่อนเองที่ยืนฟังเพลินจนเมื่อยขา จึงหันไปบอกคนข้างกาย
“หนูเหนื่อยแล้ว ขอตัวนะคะ” ร่างสูงทำเพียงแค่พยักหน้าแล้วคุยอย่างออกรสกับแขกผู้ใหญ่ เขาต้อนรับทุกอย่างดีไม่ลืมบอกให้ไปงานช่วงเย็น
‘ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นายอยู่อีกสักสัปดาห์ค่อยกลับมา’
แขกทยอยกลับจึงมีเวลาว่างมาส่งข้อความ ดวงหน้าคมเรียบเฉยขณะที่ดวงตาจ้องมองข้อความที่กดส่งออก ยกยิ้มมุมปากเมื่อทุกอย่างเป็นดั่งใจ ค่อยยัดเครื่องมือสื่อสารใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้ามาในบ้านนัดแนะกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก่อนจะไปรอที่โรงแรมซึ่งจัดงานฉลองมงคลสมรสช่วงเย็น
ยังไม่ทันได้เดินไปไหนก็มีคนมาดักหน้าเอาไว้ เขาหยุดฝีเท้าก่อนจ้องมองผู้ชายที่เป็นพี่เขยแต่อายุน้อยกว่าตน กรวีร์ส่งยิ้มให้พร้อมเอามือล้วงกระเป๋า ท่าทียียวนจนน่าหมั่นไส้
“รูปด้านหน้าเนียนดีนะครับ ผมได้ข่าวว่าไม่ใช่รูปตัดต่อแต่พี่ถ่ายตอนไปลองชุดกับมินนี่...เตรียมการไว้พร้อมเลยนะ” พยักหน้ารู้ทันหลังพูดจบ
เขาไม่คิดว่าคนอย่างพริศจะเสนอตัวแต่งงานแทนหากไม่มีใจปฏิพัทธ์ ไหนจะรูปที่เสร็จอย่างรวดเร็วราวเตรียมเอาไว้ พอไปถามกับทางช่างภาพของสตูดิโอจึงทราบความจริงว่าพี่ชายคนนี้จัดการทุกอย่างไว้แต่แรก
เสือก็ยังเป็นเสือวันยังค่ำไม่มีวันเปลี่ยน...แม้จะเอาขนแกะมาหุ้มก็ตาม
“หึ ก่อนจะทำอะไรฉันวางแผนไว้เสมอ” ยอมรับทันทีไม่คิดจะโกหกให้ยุ่งยาก
“เพราะแบบนี้ผมถึงไม่อยากให้มินนี่อยู่กับพี่ น้องผมคงเสียเปรียบแย่” มินทิราอาจจะดูเอาแต่ใจและร้ายกาจ แต่ในความเป็นจริงสู้พริศไม่ได้ด้วยซ้ำ จนเขานึกห่วงน้องสาวอยู่ครามครันว่าจะรอดจากปากเหยี่ยวปากกาหรือเปล่า
“เอาเรื่องของนายให้รอดก่อนเถอะ ผู้หญิงที่เอาไปไว้คอนโด...เมื่อไหร่จะพามาแนะนำให้ที่บ้านรู้จักล่ะ” ขยับเข้าไปใกล้แล้วพูดเรื่องความลับของกรวีร์ที่ตนเองบังเอิญทราบ ยกยิ้มมุมปากอย่างถือไพ่เหนือกว่าเมื่อเจ้าตัวหันขวับมามองอย่างตกตะลึง
“พี่รู้...” ผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจมีปัญหาจึงมาขอร้องให้ช่วยเหลือ โอกาสดีเช่นนี้มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ เปิดห้องให้เธอพักอาศัยได้ตามสบายโดยคนที่บ้านไม่ทราบ แล้วคนที่รู้ดันเป็นชายหนุ่มผู้แสนร้ายกาจอีกต่างหาก
หมดกันจากที่คิดจะเอาพริศมาอยู่ในกำมือ...
“พอดีฉันไปหาเพื่อนที่คอนโดแล้วบังเอิญเห็น...ฉันเอาใจช่วยนะ” ตบบ่าพร้อมกับบีบเล็กน้อยค่อยเดินเข้าไปลาผู้ใหญ่
“...ครับ” เขาทำได้เพียงตอบรับเสียงเบาแล้วมองตาม ก้มหน้าลงมองพื้นพลางถอนหายใจคล้ายคนหมดแรง
“มินนี่ซวยหรือกูซวยกันแน่วะ”
ความลับของเขาอยู่ในกำมือของพริศ ก็เหมือนเขาที่กลายเป็นลูกไก่ในกำมือของอีกฝ่ายไปโดยปริยาย!
งานช่วงเย็นเต็มไปด้วยความชื่นมื่นของคู่บ่าวสาว ทุกคนแม้จะสงสัยแต่ก็เห็นว่าคนทั้งสองรักกันแนบแน่นจึงไม่ได้เอ่ยถาม สาวหลายคนโอดครวญด้วยความเสียดายเพราะชายผู้เป็นที่หมายปองสละโสดไม่ทันให้ตั้งตัว
พริศคือหนุ่มในฝันของบรรดาหญิงสาวในแวดวงสังคมระดับเดียวกัน ตำแหน่งหน้าที่การงาน หน้าตาหล่อเหลา ไม่เคยมีข่าวเสียหาย ทุกอย่างที่หลอมรวมเป็นเขาล้วนดึงดูดผู้คน ทว่าชายหนุ่มก็แสดงออกชัดเจนว่าสนใจงาน ไม่มีข่าวกับสาวใดเลยสักครั้ง
กระทั่งถึงวันนี้ที่เข้าพิธีวิวาห์กับลูกสาวนายธนาคารยักษ์ใหญ่ ซึ่งอายุห่างกันถึงสิบเอ็ดปี!
แต่เรื่องอายุก็ไม่เป็นปัญหาสักนิด ดูจากสายตาของเจ้าบ่าวที่มองเจ้าสาว ทุกคนก็เชื่อได้ไม่ยากว่าคนคู่นี้รักกัน
กว่างานฉลองช่วงเย็นจะเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม ถึงพิธีส่งบ่าวสาวเข้าหอโดยใช้ห้องพักสุดหรูของโรงแรมเพื่อความสะดวก เตียงกว้างมีกลีบกุหลาบโปรยเป็นรูปหัวใจ ติดคำอวยพรไว้ข้างฝาผนัง มีชุดสำหรับใส่พรุ่งนี้ในตู้เสื้อผ้า
พร้อมกลิ่นหอมประจำที่หญิงสาวชอบจะได้ผ่อนคลายเมื่ออยู่ในห้อง แต่ตอนนี้หล่อนไม่มีกระจิตกระใจจะสูดดมกลิ่นนั้น เมื่อทุกคนอวยพรจบทำพอเป็นพิธีก็เดินออกจากห้อง เล่นเอาเจ้าสาวกระวีกระวาดลุกยืนหมายจะรั้งทุกคนเอาไว้
“กะ กลับมาก่อน...” แต่ประตูห้องก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซีดเผือดพร้อมเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูจนเธอสะดุ้ง เหลือบมองร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เขาหล่อเหลาสะกดสายตาเธอยอมรับ
ทว่าการอยู่ในห้องกันแค่สองคนไม่ใช่เรื่องดีสักนิด...
“หือ ใครกลับมาเหรอ”
“เปล่าค่ะ” ถอยห่างพร้อมส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้วิธีที่จะรับมือกับเขา ลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนถอยร่นไปยืนชิดผนัง จ้องมองร่างหนาซึ่งเดินไปนั่งยังโซฟายาวด้วยท่วงท่าสง่างามอย่างไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่
“เธอไปอาบน้ำก่อนสิ เดี๋ยวพี่จะนั่งรอ” แขนแกร่งยกวางบนพนักโซฟาก่อนนั่งไขว้ห้าง มองเจ้าสาวนิ่งแล้วยกยิ้มมุมปากกับแววตาตื่นกลัวของหล่อน คล้ายกวางน้อยที่ระแวดระวังภัยแม้จะรู้ว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องถูกเสือจับกินอยู่ดี
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ พี่พริศอาบก่อนดีกว่า หนูยังอยากใส่ชุดนี้อีกหน่อย”
“ตามใจ” ยักไหล่ไม่สนใจ ปล่อยให้เธอผ่อนคลายหน่อยก็ดี
เขาลึกจากโซฟาแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หล่อนใช้โอกาสนั่นถอนหายใจแล้วทรุดกายลงบนพื้น กอดเข่าหมดหนทางไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ของตัวเอง ในใจก็ได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำอะไรตน
อย่างน้อยเขาก็ต้องมองตนเป็นน้องสาว...
“ตั้งสติ ตั้งสติไว้นะมินนี่” กล่อมตัวเองสักพักจนได้ยินเสียงเปิดประตู รีบลุกมามองร่างหนาขณะเบิกตากว้าง พริศเพิ่งเข้าไปในห้องน้ำไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงได้ออกมาเร็วนักล่ะ หล่อนยังไม่ทันได้เตรียมตัวสำหรับอาบน้ำด้วยซ้ำ
ชุดก็ยังไม่ได้ถอดเลย!
“ทำไมอาบเสร็จเร็วนักคะ”
“ไม่เห็นต้องช้าเลยนิ...เธอไปอาบเถอะ” พอเขาบอกก็รีบพยักหน้ารวดเร็ว หมายจะเดินเข้าห้องน้ำแต่กลับถูกอีกฝ่ายเดินมาดักหน้าเอาไว้ แถมยังเข้ามาใกล้จนหล่อนต้องรีบถอยกลับมายืนติดผนังอีกครั้ง เขาก็ยังขยับเข้ามาเหมือนเดิมจนต้องใช้มือยันแผงอกกว้างเอาไว้ ไม่ให้เข้าใกล้ตัวเองมากกว่านี้
“เอ่อ พี่ พี่พริศคะ หนูจะไปอาบน้ำค่ะ” แววตาของเขากรุ่มกริ่มจนเธอร้อนไปทั่วใบหน้าจนลามมาถึงคอ ยิ่งได้กลิ่นสบู่จากกายหนาที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำก็สติกระเจิง พยายามก้มมองไหล่กว้างที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดสีขาว กลัวว่าหากจ้องตาจะทำให้เธอละลายลงไปกองกับพื้น
“ครับ พี่ทราบ...” พูดไม่พอยังโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนเธอผินหน้าหลบแทบไม่ทัน
“พี่จะทำอะไร...” ว่าเสียงสั่นหมายจะหลบไปอีกทาง แต่เขาก็เอามือมากันเสียก่อนจนตนตกอยู่ในวงแขนแกร่ง ดวงหน้าหล่อขยับเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนเป่าลดต้นคอเธอจนร่างบางตัวแข็งทื่อ ไม่เคยใกล้ชิดกับชายใดขนาดนี้มาก่อนแม้แต่พุฒก็ตาม
หัวใจของหล่อนเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงมื่อหนาที่แตะแผ่นหลังของตน
“พี่แค่จะรูดซิปให้เท่านั้นเอง พี่กลัวว่าเธอจะรูดยาก” ซิปด้านหลังถูกรูดลงกว่าครึ่ง ก่อนเขาจะถอยออกห่างเธอแล้วสอดกายเข้าใต้ผ้าห่มจนกลีบกุหลาบร่วงหล่นลงพื้น ไม่ได้หันกลับมาสนใจหญิงสาวอีก
มินทิราใช้โอกาสนั้นรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที ปิดประตูพร้อมยืนพิงพลางหอบหายใจถี่...
แค่ตกใจกับความใกล้ชิดเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกอื่นมาปะปน...
