ตอนที่ 9 ออกจากจวน
เยี่ยอวิ๋นเดินไปเรื่อยๆและไปหยุดอยู่ตรงเตาหลอมอาวุธพลันคิ้วของนางก็ขมวด แต่ก่อนนี้หากจะหลอมอาวุธเทพสักชิ้นนางก็แค่เพียงหนีออกจากเผ่าโอสถไปยังเผ่าหลิงจินไปพบเซียนจินหวงให้เขาสอนหลอมอาวุธ
ในตอนนั้นอาวุธชิ้นแรกที่นางหลอมสำเร็จก็คือเตาหลอมคุนหยวน เตาหลอมแห่งธรณีต้นกำเนิดเป็นโล่ปกป้องระดับสูงและยังใช้เป็นเตาหลอมที่ใช้หลอมโอสถระดับสูงได้อีกด้วย จึงทำให้นางสามารถหลอมโอสถได้ทุกที่และตอนนี้เตาหลอมคุนหยวนก็ยังอยู่ในถุงเฉียนคุนของนาง
ต่อให้เตาหลอมคุนหยวนจะยังอยู่แต่หากแม้แต่สมุนไพรระดับต่ำที่ในสายตาของนางก็แทบจะไม่เคยมองเลยสักครั้งก็มีราคาถึงแปดจิน สิบจิน ไม่ต้องเอ่ยถึงสมุนไพรอื่นๆ ยิ่งแพงเกินไปไม่มีปัญญาจะซื้อ เตาหลอมคุนหยวนนั่นก็ไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย
อันที่จริงนางไม่ได้ตระหนักว่าอาชีพหลอมโอสถนั้นเป็นอาชีพที่ต้องใช้เงินสร้างขึ้นมา บนดินแดนชิงเสวียนนางเป็นผู้สืบทอดหลักที่มีเทียนฟู่โดดเด่น สมุนไพรล้ำค่า โอสถเซียนขั้นสี่ห้าหก และสมุนไพรระดับต่างๆ ก็สามารถหาได้อย่างง่ายดาย จึงไม่สนใจสมุนไพรเหล่านี้ แต่ในแคว้นหลงจวินแห่งนี้แม้แต่วัสดุระดับต่ำ ก็เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นที่จ่ายได้
ในขณะที่เยี่ยอวิ๋นกำลังคิดว่าจะหาเงินอย่างไร ก็ได้ยินเสียงคุ้นๆ ดังขึ้นข้างๆ
"อาวุธเร้นลับนี้ราคาเท่าไหร่?"
นางหันไปมอง ก็พบว่าเป็นเยี่ยหลินกำลังยืนอยู่ข้างหลังนาง เยี่ยหลินยิ้มทันที ดูเหมือนโชคของนางจะดีจริงๆ
เยี่ยอวิ๋นดึงผ้าปิดหน้าของตนเองออกจากนั้นนางก็ยิ้มจนตาหยีนางเพิ่งบ่นว่าขาดเงิน คนที่จะมอบเงินให้ก็มาถึงแล้ว เยี่ยหลินตอนนี้ก็เห็นนางแล้ว สีหน้าก็บิดเบี้ยวในทันที
"เยี่ยอวิ๋น! เจ้า! ทำไมมาอยู่ที่นี่??"
เยี่ยอวิ๋นยิ้มและพูดว่า "เป็นบ้าจนเลอะเลือนแล้วหรือไง? ยังต้องถามอีกเหรอ? มาที่ร้านค้าก็แน่นอนว่าต้องมาซื้อของสิ!"
เยี่ยหลินหัวเราะเยาะ "แค่เจ้าน่ะเหรอ? เจ้ามีปัญญาซื้อของในหอไป๋เฉาเหรอ? เจ้านี่มันคนจนแม้แต่สมุนไพรต้นเดียวก็ซื้อไม่ได้ใช่ ไหม?"
เยี่ยอวิ๋นยิ้ม "ฉันจะซื้อได้หรือไม่ได้ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยนะ? แต่ข้ารู้สึกแปลกใจ มากว่าว่า คนบางคน... เมื่อวานทำเรื่องน่าอายขนาดนั้น วันนี้ยังกล้าออกมาข้างนอก หน้านี่คงจะหนากว่ากำแพงเมืองเลย!"
เมื่อพูดถึงเรื่องเมื่อวาน เยี่ยหลินก็อยากจะกระโจนเข้าไปบีบคอเยี่ยอวิ๋นให้ตายตรงนั้นนางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทุกอย่างราวกับความฝันสาวใช้ในเรือนของนางเองก็หน้าบวมราวหัวหมูพวกเขาต่างก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางจำได้เลือนรางว่านางไปที่เรือนป่าไผ่ด้านหลังจวนอย่างแน่นอน แต่ว่า..กลับจำเรื่องราวหลังๆไม่ได้เลย
"เจ้ายังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก! เมื่อวาน... เรื่องเมื่อวาน เป็นฝีมือของแกใช่ไหม แกล้งข้าใช่ไหม? กล้าหลอกข้าแบบนี้ คอยดูวันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลย!"
พูดจบเยี่ยหลินก็ดึงแส้ที่พกติดตัวออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงยกมือฟาดแส้ใส่เยี่ยอวิ๋นทันที
เยี่ยอวิ๋นนั้นได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ก้าวหลบไปหนึ่งก้าวก็หลบพ้น เยี่ยหลินโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ ฟาดแส้หลายครั้งแต่กลับไม่สามารถแตะแม้แต่ชายเสื้อของเยี่ยอวิ๋นได้เลย
เยี่ยหลินยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆจนหายใจกระเพื่อม ยิ่งนึกถึงความอับอายเมื่อวานที่ถูก ผู้คนชี้นิ้วและซุบซิบนินทาบนถนนเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันนางก็ยิ่งแทบจะหายใจไม่ออก อยากจะฟาดเยี่ยอวิ๋นตรงหน้าให้ตาย เพื่อระบายความแค้นในใจ!
เวลานี้เยี่ยหลินสนใจแต่การทำร้ายคนเพื่อระบายอารมณ์ โดยไม่ทันสังเกตว่าแส้ของนางไม่ได้ฟาดโดนตัวเยี่ยอวิ๋นเลยแต่กลับทำให้ลูกค้าของหอไป๋เฉาตกใจหนีไปไม่น้อย
องครักษ์ของหอไป๋เฉารีบเข้ามาห้ามพวกนางอย่างรวดเร็ว
"คุณหนูทั้งสอง ที่หอไป๋เฉาของเรา ไม่อนุญาตให้มีการทะเลาะวิวาทกันหากพวกเจ้าไม่ได้มาซื้อของก็ขอให้ออกไปจากที่นี่!"
เจ้าของที่แท้จริงของหอไป๋เฉาเป็นบุคคลสำคัญในวังหลวง ดังนั้นกฎระเบียบจึงเข้มงวดมากไม่มีใครกล้าละเมิดหลังจากได้ฟังคำพูดขององครักษ์เยี่ยหลินแม้ จะไม่เต็มใจก็จำต้องเก็บแส้ของเธอ
"คราวนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน เยี่ยอวิ๋น! รอดูเถอะ!" พูดจบเยี่ยหลินก็หันไปหาผู้ดูแลหอไป๋เฉาที่กำลังก้าวเดินเข้ามาแล้วชี้ไปที่เยี่ยอวิ๋น "ผู้ดูแลซุนหอไป๋เฉาของพวกท่านไม่ใช่มีชื่อเสียงเรื่องความมั่งคั่งหรอกหรือ เหตุใดถึงได้ปล่อยให้นางคนนี้เข้ามาในร้านได้ ดูนางสิยากจนถึงเพียงนั้นไม่มีทางซื้อของในร้านได้หรอก ที่นางเข้ามาก็แค่มาก่อเรื่องเท่านั้น รีบไล่นางออกไปเร็วเข้า!"
ผู้ดูแลซุนจำได้ว่า นี่คือคุณหนูบ้านสามแห่งจวนติ้งอันโหว แม้ตอนนี้จวนติ้งอันโหวจะไม่รุ่งเรืองเหมือนสมัยที่ท่านโหวผู้เฒ่าและโหวน้อยเยี่ยหลงเทียนยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ยังเป็นตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียงในแคว้นหลงจวินคุณหนูของตระกูลเยี่ยจึงเป็นคนที่ไม่อาจล่วงเกินได้
เขาหันไปมองเยี่ยอวิ๋นพลันร่างชายชราก็ชะงัก เด็กสาวคนนี้แม้เสื้อผ้าจะดูธรรมดาไม่มีราคาแต่ทว่าใบหน้าของนางช่างงดงามจนยากจะหาผู้ใดในเมืองหลวงแห่งนี้มาเทียบ บุคลิกที่ดูสูงส่งและสง่งามทำให้ชายชราเองก็ไม่กล้าที่จะล่วงเกินจึงถามอย่างอ่อนน้อมว่า "คุณหนูท่านนี้วันนี้ท่าน..."
...
