ตอนที่ 4 ทำรายงาน 1
เสียงพระให้พรจบลง พร้อมกับลูกชายคนโตของท่านที่เสร็จจากการวิ่งออกกำลังกายในช่วงเช้ากลับมาถึงหน้าบ้านพอดี
เมษาประคองคุณย่าให้ค่อยๆ ลุกขึ้น หลังจากพระสงฆ์สามรูปเดินผ่านไปแล้ว
ส่วนกันย์ก็หยุดช่วยแม่ถือขันตักบาตรเดินตามเข้ามา เมื่อเห็นเขาช่วยถือของเธอจึงได้แต่ประคองคุณย่าให้เดินเข้าบ้านเท่านั้น และก็แยกย้ายกันก่อนจะถึงหน้าบ้านเมื่อแม่บ้านเข้ามารับของที่เขาช่วยถือมา
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ดูเหมือนครอบครัวจิรวัฒน์จินดาจะอยู่กันอย่างพร้อมหน้า ในช่วงอาหารเช้าของวันทุกคนดูจะพร้อมหน้ากันไม่เว้นแม้แต่น้องมาร์ชที่ตื่นแต่เช้าลงมาทานข้าวพร้อมคุณพ่อหน้านิ่ง
"แล้วจะกลับกี่โมงเรา"
น้องชายคนสุดท้องของบ้านอาธันย์ เอ่ยถามขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร เธอก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นและกว่าจะเข้าใจว่าธันย์หมายถึงอะไร เพราะเหตุผลที่เธออ้างขึ้นเมื่อคืนและก็เกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ
"เอ่อ...ยังไม่แน่ใจค่ะ อาธันย์ ไม่รู้รายงานจะเสร็จตอนไหน"
"มีอะไรกันหรือยายเมย์" คุณย่าที่ไม่เข้าใจจึงได้เอ่ยถามขึ้น
"อ๋อ พอดีวันนี้เมย์ต้องไปทำรายงานที่ห้องเพื่อนค่ะคุณย่า"
"อ้าว งั้นหรือ ไปมาลำบากหรือเปล่า วันหลังก็ให้เพื่อนมาที่นี่ก็ได้ลูก"
"ไม่ลำบากค่ะ หนูเกรงใจค่ะ"
"เกรงใจอะไรกัน ที่นี่ก็กว้างขวาง ถ้ากลัวจะรบกวนใครก็ไปทำกันที่เรือนในสวนก็ได้" เรือนในสวนเป็นเรือนรับรองสังสรรค์ของบรรดาลูกชายของท่าน เรือนหลังเล็กแต่ด้านในคล้ายห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่ หรือจะปรับแต่งให้เป็นโรงหนังขนาดย่อมๆ ก็ยังได้ เพื่อป้องกันเสียงดังรบกวนคนในบ้าน และยังมีห้องนอนไว้รับรองแขกที่ไม่สามารถกลับบ้านได้อีกสองห้อง
"ให้คนขับรถไปส่งไหมลูก"
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณย่า ห้องใบข้าวอยู่ใกล้ๆ นี่เองค่ะ"
"อาธันย์เขาจะสอนเราขับรถให้ ไว้วันไหนว่างๆ ก็บอกอาเขานะ"
"ค่ะ คุณย่า"
"แล้วเราล่ะ พ่อตัวดี วันนี้ตื่นแต่เช้าจะไปเที่ยวไหนหรือ" เมื่อบอกหลายสาวต่างไส้เสร็จ ก็หันมาถามหลานชายตัวน้อย
"คุณแม่จะมารับไปกินข้าวครับ"
"แล้วไม่ไปค้างกับแม่เราบ้างหรือไง"
"ไม่เอาครับ มาร์ชอยากนอนกับพ่อกับพี่เมย์มากกว่า"
ถ้าคนฟังไม่ใช่คนในครอบครัวคงจะคิดไปไกลกว่านั้น แต่เพราะทุกคนรู้ว่าในบางครั้งที่เด็กชายตัวน้อยงอแงไม่เอาใครทำให้พี่เมย์ต้องมานอนเป็นเพื่อนที่ห้องส่วนตัวอยู่บ่อยๆ
แต่คนเป็นพ่อฟังแล้วเหมือนจะไม่เข้าหู จึงได้เอ่ยเตือนลูกชาย
"พูดแบบนั้นไม่ได้ครับน้องมาร์ช คนฟังจะเข้าใจผิดคิดว่านอนกันสามคน"
"แกก็จะไปเอาอะไรกับเด็ก ไม่มีใครเขาคิดอกุศลขนาดนั้นหรอก" ผู้เป็นย่าเหมือนจะเข้าข้างหลานชาย แต่สายตาที่มองลูกชายคนโตอย่างผู้ชนะ ทำให้กันย์ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
"หรือกลัวลูกแกจะไปพูดให้เมียเก่าแกได้ยินหรือไง"
"คุณแม่ครับ เลิกพูดเรื่องนี้เถอะครับ"
"ฉันก็แค่ถามหลานจะไปเที่ยวไหน"
ฟังคุณย่ากับลูกชายท่านเถียงกันเบาๆ มาถึงตรงนี้ เมษาก็อดที่จะรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ กับคำพูดของน้องมาร์ช ทั้งที่ทีแรกไม่ทันได้คิดอะไรด้วยซ้ำ แอบเหลือบสายตามองไปที่ลูกชายของท่านอีกสองคน อาตุลย์ก็เพียงอ่านข่าวจากแท็บเล็ตเครื่องใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่วนอาธันย์เมื่อเห็นเธอหันไปมองหน้า เขาก็เพียงยักไหล่ขึ้นเบาๆ
หลังจากอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เด็กชายตัวน้อยก็ถูกผู้เป็นพ่อไล่ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับการออกไปเที่ยวกับมารดา
คุณย่าก็ย้ายร่างอวบของท่านจากห้องอาหารไปที่ห้องนั่งเล่นใหญ่ โดยมีเมษาเดินตามมาด้วย
"คุณย่าจะไปดูต้นไม้หรือเปล่าคะวันนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเมย์ไปเป็นเพื่อนดีกว่าค่ะ"
"ไปทำรายงานให้เสร็จก่อนเถอะ ต้นไม้วันไหนค่อยไปดูก็ได้"
เมื่อข้ออ้างที่เอ่ยออกไปแล้ว เหมือนจะกระทบกับคุณย่าจิตราที่มีแพลนว่าจะต้องไปดูซื้อต้นไม้ในวันนี้ เพราะปกติที่คุณย่าไปตลาดต้นไม้ เธอก็มักจะตามไปด้วยทุกครั้ง
"เดี๋ยวย่าไปกับอาตุลย์หรือไม่ก็อาธันย์ก็ได้หรอกน่า เราน่ะแหละห่วงตัวเองซะก่อน"
"คุณแม่จะไปไหนหรือครับ" เสียงถามของลูกชายคนเล็กเพราะเมื่อครู่ที่กำลังเดินมาคล้ายได้ยินว่าแม่จะไปไหนแต่ก็ฟังไม่ถนัด
"คุณย่าจะไปดูต้นไม้วันนี้ค่ะ แต่เมย์..." คนตอบแทนได้แต่ทำสีหน้ารู้สึกผิด เพราะลืมคิดไปว่าวันนี้คุณย่าต้องไปไหน
"เดี๋ยวไปกับผมก็ได้ วันนี้ผมหยุด ไม่ได้ไปไหน"
"งั้นเมย์ค่อยไปทำรายงานพรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ วันนี้ไปเป็นเพื่อนคุณย่าก่อน รายงานไม่ได้รีบเท่าไรค่ะ"
ธันย์มองหน้าหญิงสาว เห็นใบหน้าหวานที่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้เขาจึงรู้ในตอนนี้ว่าเจ้าตัวโกหกคำโต และเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้
"คุณแม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะครับ ไปเช้าๆ หน่อย จะได้ไม่ร้อน"
คุณจิตรายังทำท่าลังเล คล้ายเป็นห่วงเรื่องเรียนของเมษา แต่ธันย์ก็เร่งเร้าแม่อีกครั้ง ท่านจึงยอมเดินกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง
