ตอนที่ 1 เสาหินสลัก
ถ้าทุ่งหญ้าสะวันนาจะมีสิงโตเป็นเจ้าแห่งนักล่า ที่แห่งนี้ก็คงมี
กันย์ จิรวัฒน์จินดา เป็นเจ้าแห่งชีวิตของใครหลายๆ คนภายในห้องเรียนบรรยายนี้
บรรยากาศภายในคลาสเรียนเงียบสงบลงทันที เมื่อบุรุษร่างสูงสง่าภายในชุดสูทสีเข้มเดินเข้ามา
เสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนังแท้ราคาแพงกระทบพื้นเป็นจังหวะตามการก้าวเดิน ยิ่งทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ ดวงตาคมที่กวาดมองไปทั่วห้องราวพยัคฆ์ล่าเหยื่อ
กันย์ อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาบริหารธุรกิจ อาจารย์ที่นักศึกษาหลายคนอยากมาเรียนด้วย และหลายๆ คนที่ได้เรียนก็เรียนกันอย่างสมใจอยากถึงสองเทอม จนหลายคนถึงขั้นปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ขอลงวิชาของอาจารย์กันย์อีก
อาจารย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ และรายงานอันมหาโหด แม้แต่คนที่ส่งงานครบก็ใช่ว่าจะสามารถผ่านด่านไปได้อย่างง่ายๆ ผลสอบออกมาแต่ละครั้งก็ทำคนน้ำตาร่วงได้ทุกรอบ
ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่หลังโพเดียมใช้แขนทั้งสองข้างเท้าที่ขอบในท่าสบายๆ นักศึกษาในห้องตั้งแต่ท้ายห้องจนถึงหน้าห้อง ไม่มีใครลอดพ้นสายตาเขาไปได้ และแค่เพียงเท่านั้น หลายคนก็ต้องแอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก
ภายใต้อิริยาบถแสนสบายนั้น แต่ดวงตาคมที่กวาดมองราวกับเสือที่ซุ่มจะตะปบเหยื่อ
ดวงหน้าคมเข้มราวหินสลักจากประติมากรเอกของโลก ไม่ผิดนักที่ใครจะคิดเช่นนั้น
แต่สำหรับเมษา เขาก็แค่เสาหินแกะสลักนั่นแหละ หล่อ นิ่ง เงียบ และมันออกจะเย็นชาเสียด้วยซ้ำ
"ไอ้เมย์...ไอ้เมย์"
เสียงเรียกเบาๆ ของชวิน ทำให้เมษาหันหน้าไปมองก่อนจะนิ่วหน้าใส่ เมื่อหนุ่มหล่อตี๋หน้าตาดีที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่งเสียงเรียกขึ้นมา พร้อมทั้งขยิบตานิ่วหน้าใส่เธอเช่นกัน หวังจะให้เธอรีบส่งการบ้านในมือมาให้
"คุณเมษา คุณชวิน ถ้าคุณสองคนจะจีบกันผมจะเชิญพวกคุณออกจากห้องนะครับ มันรบกวนคนอื่นที่เขาตั้งใจเรียน"
เสียงพูดผ่านไมค์โครโฟนดังก้องให้คนทั้งห้องได้ยิน และสายตาของทุกคนในห้องตอนนี้ก็แอบหันมามองที่เธอกับหนุ่มหล่อคนข้างๆ ทันที
เมษารีบเงยหน้าขึ้นนั่งตัวตรงทันที และเมื่อยิ่งเห็นสายตาของทุกคนในห้องตอนนี้เธอก็แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้
"เร็ว" เสียงชวินยังเร่งเร้าให้เธอส่งการบ้านให้
"งานที่ผมเคยสั่งไปเมื่อครั้งที่แล้ว ถ้าใครยังไม่ส่งให้เอาออกมาวางที่โต๊ะด้านหน้าได้เลยครับ ผมให้เวลาแค่คาบเรียนนี้เท่านั้น"
เสียงอาจารย์กันย์ยิ่งเร่งเร้าให้ชวินตื่นตูมจนแทบจะกลายเป็นลนลาน และก็ยิ่งหันมาเร่งให้เธอส่งการบ้านนั้นให้
เพราะเห็นว่าไอ้เพื่อนตัวดีคงจะยังทำไม่เสร็จแน่นอน จังหวะที่เธอค่อยๆ เลื่อนรายงานบนโต๊ะส่งให้คนข้างๆ แต่เพราะไม่ทันระวังทำให้หล่นลงที่พื้น ทั้งเธอและชวินจึงก้มตัวลงไปพร้อมกัน
"คุณเมษา เชิญออกนอกห้องเรียนของผมด้วยครับ" เสียงเข้มผ่านไมค์โครโฟนดังก้อง ทั้งห้องเงียบกริบทันที
คนถูกไล่ขมวดคิ้วมุ่น รีบเก็บของตัวเองและคว้ากระเป๋าผ้าขึ้นสะพายไหล่เตรียมจะออกจากห้องเรียน
"ขอโทษครับอาจารย์ ผมเป็นคนชวนเมษาคุยเองครับ ถ้าจะไล่ก็ให้ผมเป็นคนออกเองครับ"
เสียงชวินดังขึ้นช่วยแก้ต่างเธออยู่ในที แต่คนหน้าห้องก็เหมือนไม่ได้สนใจฟัง
"ถ้าคุณออกจากห้องเรียนผม เทอมหน้าคุณก็มาลงเรียนใหม่ได้เลย" ชวินจำต้องนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม
"ไม่เป็นไร" เมษาหันไปบอกเพื่อนที่ทิ้งตัวลงนั่ง ใบหน้านั้นดูสำนึกผิดไม่น้อย ก่อนเธอจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันไปมองคนหน้าห้องสักนิด
เมษากระแทกแก้วเครื่องดื่มน้ำอัดลมสีดำลงที่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างคณะด้วยความโมโห ดูดน้ำก้นแก้วเสียงดังแล้วก็ต้องปล่อยลมจากกระเพาะพุ่งออกมาทางปากเสียงดังน่าเกลียด แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะสนใจใคร เพราะในเวลานี้ทุกคนคงจะได้นั่งสบายแอร์เย็นอยู่ในห้องเรียน
แต่กลับเป็นเธอที่ถูกไล่ตะเพิดออกมา ราวกับคนทำความผิดจนต้องถึงขั้นประหารชีวิตกันอย่างเลือดเย็นเช่นนี้
เมษานั่งเปิดหนังสือในวิชาของอาจารย์กันย์ในบทที่กำลังจะต้องเรียนวันนี้ และสุดท้ายเธอก็ต้องปิดมันลงเพราะไม่สามารถทำความเข้าใจเองได้ต่อจากนั้น มันเป็นวิชาที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถจากอาจารย์ผู้สอนไม่น้อย
เขาเก่ง เก่งเกินมนุษย์ ด้วยวัยเพียงสามสิบสี่ปี กันย์ก็สามารถเป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์มีชื่อเสียงได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยความสามารถของเขา และก็ใช้เวลาว่างอันน้อยนิดมาเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
แต่สำหรับเธอแค่หนึ่งในวิชาเรียนของชั้นปีที่สามคณะบริหารธุรกิจ ยังแทบจะต้องผ่าสมองออกมา
คงเพราะเมื่อชาติที่แล้วเธอไม่ได้ทำหน้าที่กู้ชาติเหมือนเขาล่ะมั้ง พระเจ้าจึงได้คอยแต่กลั่นแกล้งเธอเสมอมา
เด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งพิงอย่างเธอในวันนั้น เกือบจะมีชีวิตอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กสักแห่ง ถ้าวันนั้นไม่ได้คุณย่าจิตรา จิรวัฒน์จินดา เป็นผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและรับเธอไว้ในอุปการะ และถ้าคนอย่างอาจารย์กันย์ไม่ใช่ลูกชายคนโตของคุณย่าจิตรา เธอคงอยากจะกระโดดกัดหูเขาสักที อยากรู้ว่าไอ้ใบหน้านิ่งเป็นหินนั่นจะรู้สึกอะไรบ้างไหมเวลาที่ลงโทษคนอื่นอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้
เมษาหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงแค่นั้น เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ชวินรีบวิ่งหน้าตื่นเอารายงานฉบับนั้นมาคืนให้อย่างรวดเร็ว
"ไอ้เมย์ รีบเอาไปส่งเลย อาจารย์ให้เวลาไม่เกินบ่ายสาม"
เสียงกระหืดกระหอบของชวินทำให้เมษายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู จึงได้เห็นว่ามันเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงห้านาที
เธอคว้ารายงานฉบับนั้นได้ แล้วก็ต้องรีบใส่เกียร์หมาไปที่ห้องพักอาจารย์อย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจว่าในคาบต่อไปเธออาจจะต้องเข้าช้า
"ขะ..ขออนุญาตค่ะ หนูเอารายงานมาส่ง"
หลังจากเปิดประตูห้องพักอาจารย์ไปแล้ว เพราะคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่กำลังยิ้มแย้มคุยกับอาจารย์ผู้หญิงอีกท่านอยู่ผิดกับท่าทางตอนยืนหน้าตึงอยู่หน้าห้องเรียนจนน่าหมั่นไส้ จึงทำให้เธอต้องเอ่ยขออนุญาตเป็นเชิงบอกกล่าวทำลายบทสนทนาของคนทั้งคู่ลง
ไร้เสียงตอบจากเสาหินหลัก มีเพียงสายตาคมที่จ้องมอง เธอเดินไปถึงโต๊ะตัวใหญ่มองกองเอกสารตรงหน้าแล้วก็รีบวางรายงานฉบับนั้นลง
"เดี๋ยว คุณเมษา วันนี้ผมมีเมคอัพคลาสตอนห้าโมงเย็น วันนี้คุณไม่ได้เข้า ถ้าจะเรียนชดเชย ก็ให้คุณไปที่ห้องเรียน"
"ขอบคุณค่ะ"
"แต่ชั่วโมงเรียนของคุณจะถูกเช็กขาดเหมือนเดิมนะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
"อืม"
ก็ยังดี อย่างน้อยเธอก็คงต้องขออาศัยเรียนกับห้องอื่นที่ถูกยกคลาสมาเรียนชดเชยในตอนเย็นแทน อย่างน้อยในบทเรียนนี้เธอก็จะได้มีความรู้มาทดแทนเศษขี้เลื่อยในสมองบ้าง
ตอนที่เธอเดินกลับออกมา เสียงเรียบที่คุยกับเธอเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ เมื่ออาจารย์ศิณีที่ยังยืนอยู่หน้าโต๊ะรอเธอออกมาก่อน เรื่องที่คนทั้งสองคุยค้างกันไว้จึงได้พูดคุยกันต่อเมื่อคล้อยหลังเธอออกไป
