บท
ตั้งค่า

Episode-03 ความเป็นจริง

และแล้วฤดูกาลสอบปลายภาคก็มาถึง เป็นการสอบแบบวันเว้นวัน

“อ่านหนังสือมาบ้างปะ” ไอ้จูนเอ่ยถาม

“จำมาผ่าน ๆ”

“ดูมึงชิวเนอะ”

“ตกก็แก้ มันจะยากอะไร” ฉันตอบกลับอย่างไม่จริงจังมากนัก

“ยากตรงที่แม่ด่าว่ากูโง่นี่แหละ”

“ฮ่า ๆ ดีนะที่แม่กูไม่เคยคาดหวัง”

เช้าสอบสามวิชาค่ะบ่ายอีกสองวิชา หลังจากสอบเสร็จช่วงเช้าก็มานั่งเล่นกันที่หลังโรงเรียน มันเป็นทางเดินค่ะด้านข้างเป็นสนามฟุตบอล ถามว่าที่เงียบ ๆ แบบนี้มาหาอ่านหนังสือกันเหรอไม่ใช่เลย มานั่งคุยโทรศัพท์กันทั้งนั้น

“น้ำตาลกูถามอะไรหน่อยดิ” คนนี้ชื่อน้องค่ะ บ้านอยู่ใกล้กัน

“ว่า?”

“กีฬาสีวันสุดท้าย พี่ทิวไปส่งมึงเหรอ”

“กูกลับวินบ้างเหอะ มึงรู้มาจากไหน”

“...”

“รู้ไม่จริงแล้วเสือกอยากจะพูดต่อ”

“อ้าว แล้วมึงจะมาด่ากูทำไม กูแค่ถาม”

“กูไม่ได้ด่ามึงกูด่าคนที่มันพูดต่อ ก็ถามอยู่ว่ามึงรู้มาจากใครเพราะถ้ามึงเห็นกับตามึงจะไม่ถามกูแบบนี้”

“จะเถียงกันทำไม” ไอ้ป๊อปแย้งขึ้นก่อนจะมองเราสองคนสลับกัน “มึงก็บอกมันไปดิอีน้องว่ามึงรู้มาจากไหน” เป็นคำถามที่ฉันก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องจริงและไม่ใกล้เคียงความเป็นไปได้เลยสักนิด

“กูรู้มาจากไหนไม่สำคัญหรอก มันไม่ใช่เรื่องจริงก็แล้วไป” พูดจบมันก็นั่งเล่นเกมส์ในมือถือต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ทำไมเหรอ แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมาใครจะขาดใจตายเหรอ” ไอ้จูนว่าขึ้น คำถามของมันทำเอาฉันนิ่งไปนั่นเป็นสิ่งที่อยู่ในจินตนาการของฉัน มันเกินความจริงไปมาก แต่ก็นั่นแหละพื้นที่ของความสุขค่ะ

“ฮ่า ๆ มึงคิดก่อนพูดก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย” น้องมันตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะ

“...”

“สภาพแทบจะไม่เหมือนคนยังจะหวังสูงอีก”

“หวังสูงยังไงวะ กูเห็นพี่ทิวมันก็เป็นคนเหมือนกัน มึงนั่นแหละเลิกว่าคนอื่นเขาได้แล้ว” ไอ้จูนยังคงเถียงต่อ ดูท่าทางแล้วจะยาวค่ะฉันเลยรีบปรามขึ้นก่อนที่มันจะเลยเถิดมากเกินไป

“เออ พอ...จบ ๆ ไม่ต้องเถียงกัน”

หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง ในใจก็แอบเคืองแหละทำไมต้องมาว่ากันด้วย เป็นไปได้ฉันอยากย้อนเวลากลับไปและจะไม่หลุดพูดให้ใครรู้เป็นอันขาดว่าแอบปลื้มพี่ทิวอยู่

หลังจากสอบเสร็จช่วงบ่ายตั้งใจว่าจะกลับบ้านเลยแต่อีต้นมันดันชวนไปกินก๋วยเตี๋ยวปลาหน้าโรงเรียน อีนี่ก็ใจง่ายไปค่ะ ไม่ปฏิเสธ

“ชะนีมึงเอาเหมือนเดิมใช่ปะ”

“เออ”

อีต้นมันเดินไปสั่งฉันก็เลยอาสาไปตักน้ำเอง แต่ว่าดันสายตาดีเห็นพี่ทิวอยู่ฝั่งตรงข้ามของร้าน จำไม่ได้ว่ามองนานแค่ไหน มันนานพอที่แม่ค้าทำก๋วยเตี๋ยวเสร็จนั่นแหละ

“เลิกมองก่อนค่ะมึง มาแดกได้แล้ว”

“มองอะไร มึงมั่วแล้ว”

“อย่ามาเฉไฉ สรุปเรื่องจริงใช่ไหมที่มึงชอบพี่ทิว” คำถามตรง ๆ ของมันทำเอาฉันเงียบไปหลายวินาที “ไม่ได้จะว่าอะไรแต่แอบชอบก็คือแอบชอบนะ พี่ทิวหล่อขนาดนั้นเขาต้องมีคนคุยอยู่แล้วแหละ”

“เรื่องของเขาสิ ข้าไม่เคยคาดหวังอยู่แล้ว”

“ทำได้จริงอย่างที่พูดก็ดี”

“...” ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรเลือกที่จะนั่งกินเงียบ ๆ แทน จนกลุ่มเพื่อนพี่ทิวเดินเข้ามาในร้าน

“มึง...”

“รีบกินเถอะจะได้กลับ”

“มึง...” ไม่พูดเปล่ามันยังยื่นเท้ามาเขี่ยขาฉันอีกด้วยจนต้องเงยหน้าไปมองมัน “พี่ทิวเดินมาทางนี้” เสียงโคตรเบาแต่ก็พอจับใจความได้อยู่

พรึบ!

แซนวิชไส้กรอกชีสถูกวางลงตรงหน้าฉันพร้อมกับร่างสูงเจ้าของมันที่กำลังทำหน้านิ่งใส่อยู่

“ให้” พูดจบเขาก็เดินออกจากร้านไปท่ามกลางความงุนงงของทุกคน

“เขาให้ใครวะ”

“อยู่ตรงหน้ามึงเขาคงให้กูมั้ง” อีต้นมันว่ายิ้ม ๆ

“ให้กูเหรอ? ให้กูเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าคนอื่นให้เขามาแล้วเขาไม่กินเลยเอามาโยนให้กูหรอกนะ”

“อีบ้า! ใครจะทำแบบนั้น ถ้าไม่กินก็โยนลงถังขยะไปค่ะ มึงคิดมากไปนะเนี่ย”

“เหรอวะ” ตั้งคำถามกับตัวเองพลางจ้องมองมันไปด้วย เปิดถุงดูมันมีสองชิ้นค่ะ แบ่งกันคนละชิ้นกับอีต้น หลังจากนั้นก็แยกย้ายกัน

ช่วงปิดเทอมใหญ่เป็นอะไรที่เหงามาก อยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหนเลย พ่อกับแม่ก็ทำงานทุกวัน ตื่นมาก็เจอแค่เงินกับสำรับข้าววางไว้ให้เห็นต่างหน้า บางวันงานไม่เสร็จกลับตีสองตีสามก็มี

แอบกระซิบหน่อยว่าฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยเลยค่ะ พ่อกับแม่เป็นผู้รับเหมาทำถนน ส่วนตากับยายก็ขายขนมไทยค่ะ

วกกลับมาเรื่องของฉันต่อดีกว่า ตอนโรงเรียนเปิดก็ภาวนาว่าเมื่อไหร่จะปิดเทอมสักที แต่พอโรงเรียนปิดก็ดันเป็นพวกขี้เหงาอยากเจอเพื่อน อยากไปโรงเรียนขึ้นมาซะงั้น

และวันเวลาก็ผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ... จากน้องมอหนึ่งในวันนั้น ตอนนี้กลายเป็นพี่มอสองแล้วนะคะ

มัธยมศึกษาปีที่สอง

“แลดูมีความสุขขึ้นเยอะ” คำทักทายแรกถูกเอ่ยออกมาจากเพื่อนเลิฟของฉัน ไอ้จูนนั่นเอง

“ปกตินะ ว่าแต่มึงเหอะเปิดเทอมแล้วทำไมไม่ย้อมสีผมกลับอีก เดี๋ยวก็โดนอาจารย์เล่นหรอก”

“เอาตามความจริงไหม”

“เออ”

“ยังห้าวอยู่”

“อีสัส!”

“เพื่อนด่าแปลว่าเพื่อนรัก”

“เพื่อนด่าก็คือเพื่อนด่า มึงอย่าเปลี่ยนความหมาย”

“ฮ่า ๆ”

พอถึงเวลาเข้าแถวก็มีการแอบมองไปทางพี่มอห้าเล็กน้อยค่ะ ไม่เจอกันแค่สองเดือน พี่ทิวสูงขึ้นเยอะเลย สังเกตได้จากระดับสายตา ถ้าเทียบกันตอนนี้หัวฉันไม่ถึงไหล่เขาเลยด้วยซ้ำ

“อะแฮ่ม! เก็บอาการหน่อย”

“ไรมึง”

“กูเห็น” ขี้เสือกจริงเชียว ได้แต่แอบด่ามันในใจ คิกคิก

บรรยากาศการมาเรียนในวันแรกของมอสองตื่นเต้นแปลก ๆ อาจเป็นเพราะการรอคอยที่จะได้เจอใครคนนั้นก็ได้

วันแรกไม่ได้เรียนเลยค่ะ ส่วนใหญ่อาจารย์จะให้ตารางเรียนกับแจกหนังสือซะมากกว่า เป็นแบบนี้อยู่ครึ่งวันจนถึงเวลาพักเที่ยง

“เชี่ย...”

“อะไรของมึงวะ”

“ป้าร้านข้าวมันไก่หายไปไหน” ไอ้จูนว่าขึ้นพร้อมกับทอดสายตาสุดจะน่าสงสารไปทางด้านในโรงอาหาร

“เขาหมดสัญญาเช่าเขาก็ไปขายที่อื่นดิ”

“ไม่นะ!! นั่นร้านโปรดกูเลยนะโว้ย”

“โอ๋... ไม่งอแงนะลองร้านใหม่ก็ได้ บางทีอาจจะถูกปากมากกว่าร้านเดิมไรงี้”

“ไม่มีทาง! ขนาดปิดเทอมตั้งสองเดือนมึงยังไม่เลิกชอบเขาเลย”

“มึงก็สรรหาเปรียบเทียบเหลือเกินนะ”

เสียเวลาอยู่หลายนาทีเลยค่ะกว่ามันจะเลิกงอแง พอจองโต๊ะเสร็จก็ฝากให้ไอ้จูนไปซื้อข้าว ส่วนฉันอาสามาซื้อน้ำเอง

“น้ำตาล เอ็งเห็นปะ”

“เห็นไรวะหมู”

“พี่ริวไง คิกคิก ใจละลาย”

“เก็บอาการเล็กน้อยถึงปานกลางด้วยค่ะ”

“ก็เขาน่ารัก!”

เลิกสนใจมันก่อนจะเดินไปต่อแถวซื้อน้ำ เปิดเทอมวันแรกมีแต่น้ำเปล่าค่ะ ปกติจะมีน้ำผลไม้ด้วย

“น้ำเปล่าสิบขวดค่ะ”

“หกสิบบาทลูก”

กำลังจะจ่ายเงินแต่ใครบางคนกลับจ่ายแทนซะก่อน

“นี่ครับ”

คนข้างหลังเยอะพอสมควร เกรงใจคนอื่นเขาฉันจึงหยิบน้ำออกมาก่อนแล้วให้หมูช่วยถือไว้ห้าขวด หลังจากนั้นฉันก็หยิบเงินให้พี่ทิวไปแต่ว่าเจ้าตัวเขาไม่รับค่ะ

“ค่าน้ำค่ะ”

“พี่เลี้ยงเอง”

“แต่มันหลายขวด”

“ไม่เป็นไร ... ผอมลงนะเนี่ย” เขินแหละ ไม่รู้เขินอะไร

“เอ่อ ... ขอบคุณนะคะสำหรับค่าน้ำ”

พี่ทิวไม่ได้ตอบกลับอะไรแค่ยิ้มให้เฉย ๆ พอกลับมาถึงโต๊ะทุกสายตาก็พุ่งเป้ามาทางฉันทันที

พลอย : หืม... อะไรยังไงซิ

แอม : เล่ามา

เอม : ให้ไว!

กิ๊บ : มีความลับอะไรหรือเปล่า

“ใจเย็นพวกมึง เขาแค่ซื้อน้ำให้ เนี่ยสิบขวดครบแก๊งพอดี”

น้อง : และมึงคุยอะไรกัน

“เปล่า แค่ขอบคุณเขา”

มุข : ใช่เหรอกูเห็นยิ้มอยู่

“เออ! มึงอย่าจับผิดดิ”

ป๊อป : พวกกูไม่ได้จับผิดเลยคนอื่นเขาเห็นกันเยอะแยะบอกมาซะดี ๆ น้ำตาลอย่าให้กูสืบเองนะ

“เขาแค่ทักว่าผอมลง ก็แค่นี้”

“ผอมลงไม่ได้แปลว่าผอมแล้ว” ไอ้น้องมันพูดขึ้น ฉันไม่ได้ตอบอะไร แค่สบตากับไอ้หมูเท่านั้นเพราะมันเองก็อยู่ด้วยและรู้ว่าฉันพูดความจริง

“เออ แต่มึงก็ผอมลงจริง ๆ นั่นแหละ” ไอ้พลอยเสริมขึ้นมาอีกคน

“เหรอวะ ข้าก็ไม่ได้ลดน้ำหนักนะแดกกระจาย”

เลิกสนใจเรื่องนี้แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวกัน บนโต๊ะอาหารก็จะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่หยิบยกมาพูดระหว่างปิดเทอม

หลังจากกินข้าวเสร็จก็มาสิงอยู่หน้าห้องน้ำต่อ ไม่รู้เป็นอะไรต้องมาเข้าห้องน้ำตอนพักเที่ยงทุกวันเลย

“ช่วยด้วย ไปมินิมาร์ทเป็นเพื่อนหน่อยสิ” ไอ้มุขโผล่หัวออกมาจากในห้องน้ำ

“อย่าบอกนะว่าเป็นวันแดงเดือด”

“ถูกต้อง! มุขไม่ได้เตรียมผ้าอนามัยมา”

“เอาเงินมา เดี๋ยวไปซื้อให้ก็ได้”

“เอาแบบมีปีกนะ”

“เออ” พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในโรงอาหารอีกครั้ง มินิมาร์ทมันอยู่หน้าโรงอาหารน่ะ

ระหว่างรอจ่ายเงินกลุ่มพี่ทิวก็เดินเข้ามาซื้อขนมเช่นกันค่ะ

“ทิวกินไร เดี๋ยวเราซื้อให้”

“ไม่อะ”

“อ้าว ไม่อยากกินขนมแล้วเข้ามาทำไม”

“ไม่ต้องยุ่ง!” โอ้โห ปากร้ายใช่ย่อยค่ะ พี่ผู้หญิงคนนั้นถึงกับเบะปากใส่เลยทีเดียว

พอจ่ายเงินเสร็จจังหวะที่จะออกคือคนเยอะพอสมควร มันก็เบียดกันบ้างค่ะ พี่ทิวเอาขนมใส่กระเป๋าเสื้อฉันแล้วเขาก็เดินนำออกไปเลยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หยิบขึ้นมาดูมันเป็นคุกกี้ค่ะ แบบเดียวกับที่ให้ฉันเมื่อวันกีฬาสีเลย เห็นแบบนั้นฉันจึงหันไปดูที่ชั้นขนมว่ามีแบบนี้ขายไหม ปรากฏว่าไม่มีค่ะ

“อยู่กับความเป็นจริงหน่อยนะ สภาพแบบนี้ทิวมันไม่มองหรอก”

“ทำตัวเองให้เหมือนคนก่อนดีกว่า ฮ่า ๆ”

“...” เสียงหัวเราะค่อย ๆ ห่างออกไปพร้อมกับความรู้สึกมากมายในใจฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ถูกต่อว่าแบบนี้จากคนอื่น นึกว่าตัวเองสวยมากหรือไงถึงได้เอาแต่ด่าคนอื่นอยู่ได้

“ช่างแม่งมันเหอะ อย่าไปสนใจ” ไม่รู้ว่าไอ้จูนตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มันคงเห็นและได้ยินหมดแล้ว

“พี่เขาก็พูดถูกแหละ สภาพกูอย่างกับครึ่งผีใครจะมามอง”

“ดูถูกตัวเองเกินไปแล้วมั้ง เดี๋ยวโตไปก็สวยเองแหละ”

“แต่เราต้องอยู่กับความเป็นจริงไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่! มึงจะคิดมากกับคำพูดคนอื่นไปเพื่ออะไร ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าพี่ทิวเอามาให้เอง มึงไม่ได้ไปตามวอแวเขาสักหน่อย มีแต่พวกอิจฉาเท่านั้นแหละที่เป็นเดือดเป็นร้อนน่ะ”

ฉันพยายามที่จะไม่สนใจคำพูดของใคร แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้จริง ๆ อ้วนก็รู้ตัวค่ะ ดูไม่ได้เลยก็รู้ตัวเหมือนกัน ก็แค่แอบชอบมันจะเดือดร้อนชีวิตใครนักหนา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel