เจ้าสาวผู้ถูกทอดทิ้ง
ร่างบางในชุดแต่งงานสีมงคลนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในเรือนหอ รอคอยให้บุรุษผู้เป็นสามีมาถอดผ้าคลุมหน้าออก ทว่าเวลาผ่านไปหลายชั่วยามกลับไร้ร่องรอยของชายหนุ่ม
“ฮูหยิน เข้านอนเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้นหน้าห้อง เมื่อเวลาล่วงเลยเกินครึ่งค่อนคืนไปแล้ว ทว่าเจ้าบ่าวยังไม่ได้มาปรากฏตัวทั้งที่งานเลี้ยงได้จบลงนานแล้ว
“เหวินเยว่ เจ้าไปพักผ่อนเถิด ข้าจะรอท่านพี่อีกเดี๋ยวเดียว หากเขาไม่มาข้าก็จะเข้านอนแล้วเช่นกัน” แม้ปากเอ่ยบอกสาวใช้เช่นนั้น แต่น้ำตากลับไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่อาจห้ามปราม
สามเดือนก่อนหน้าเฉียนหลงเว่ยให้แม่สื่อมาสู่ขอนางที่จวนสกุลอวี้ เขากล่าวว่ายินดีรับนางเป็นภรรยาเอก หากหญิงสาวไม่รังเกียจ อวี้จวินหรงรู้สึกปิติยิ่งนักที่บุรุษที่ตนแอบรักมาหลายปีมาสู่ขอ นางตอบรับคำขอแต่งงานทันที เพราะคนในสกุลอวี้เหลือเพียงนางผู้เดียวแล้ว ทั้งมารดา บิดา และพี่ชายเพียงคนเดียว พวกเขาต่างเสียชีวิตไปจนหมด ทิ้งให้สตรีตัวเล็ก ๆ เช่นนางอยู่ในจวนอย่างโดดเดี่ยวแรมปี ในอดีตตระกูลอวี้เคยรุ่งโรจน์สูงสุดเท่าที่ตระกูลใดจะสามารถทำได้ แต่ทว่าหลังจากที่บิดาและพี่ชายของนางสิ้นชีพกลางสนามรบ ตระกูลอวี้ทั้งตระกูลได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ทั้งญาติพี่น้อง สหาย พวกเขาเหล่านั้นต่างเบือนหน้าหนีไปคนละทิศละทาง
ข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงถูกขายเพื่อนำไปใช้จ่ายภายในจวน จากที่เคยเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ที่บุรุษทุกคนต่างหมายปองกลับกลายเป็นว่าไม่มีผู้ใดคิดแต่งนางเข้าไปเป็นฮูหยินเอก อย่างมากคงได้เป็นเพียงอนุเท่านั้น ทำให้อวี้จวินหรงยังไม่ได้ออกเรือนเสียที
“คุณชายกู้ ชอบพอท่านถึงได้คิดหยิบยื่นโอกาสเช่นนี้ให้ แต่ท่านกลับจะทำลายโอกาสดี ๆ เช่นนี้หรือ” เสียงแม่สื่อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“หากโอกาสดี ๆ ที่เจ้าว่าคือการที่ข้าต้องแต่งเป็นอนุของผู้อื่น ข้าขอไม่รับไว้ ฝากเจ้ากลับไปบอกคุณชายกู้ด้วย หากคิดว่าข้าสิ้นไร้ทุกสิ่งอย่างจนถึงกับต้องยอมเป็นอนุของเขา สู้ข้าตายเสียดีกว่า”
“นี่เจ้า!”
“หลีกไป!” เสียงหญิงวัยกลางคนอีกคนแทรกขึ้น
“เจ้าเป็นใครกัน”
“ข้าเป็นแม่สื่อที่ใต้เท้าเฉียนส่งมา เพื่อสู่ขอแม่นางอวี้เป็น ฮูหยินเอก”
“ท่านพี่เฉียนหลงเยว่ใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ หากท่านยินยอม ใต้เท้าเหยียนยินดีแต่งท่านเข้าจวนเป็นนายหญิงของสกุลเฉียน”
“...”
“ว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“ข้ายินดี” นางตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้ม
เดิมทีนางคิดว่าท่านพี่หลงเยว่ต้องชอบพอนางถึงได้ทำเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางกลับไม่แน่ใจเสียแล้ว คืนเข้าหอคืนแรกนับว่าเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของสตรี หากเรื่องถูกแพร่ออกไปว่านางถูกทิ้งให้อยู่ในเรือนหออย่างโดดเดี่ยว นางคงไม่อาจสู้หน้าผู้ใดได้ เพราะอาจทำให้บ่าวไพร่ในจวนรวมทั้งคนภายนอกติฉินนินทากันสนุกปากแน่
ทางฝั่งของเฉียนหลงเยว่เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่นานจนเวลาล่วงเลยฤกษ์มงคลไปเสียแล้ว แต่กลับไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนอันใดสักนิดราวกับว่าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
“คุณชาย เลยฤกษ์เข้าห้องหอแล้วนะขอรับ” หยุนซือบอกเจ้านาย
“…”
“คุณชาย”
“มีอะไร”
“ท่านไม่ไปเปิดผ้าคลุมหน้าให้ฮูหยินหรือขอรับ ไม่จำเป็นต้องร่วมหอกันก็ได้นี่ขอรับ”
“ไม่ล่ะ ข้ายังมีงานมากมายที่ต้องทำ” เอ่ยจบก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองทันที ไม่ได้สนใจสักนิดว่าสตรีที่รอเขาอยู่จะรู้สึกเช่นไร
ท้ายที่สุดแล้วคนที่นางรอก็ไม่ได้เข้าห้องมาจวบจนฟ้าสาง เช้าวันนี้อวี้จวินหรงตั้งใจไปพบหน้าสามีเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่นางเปลี่ยนสถานะเป็นฮูหยินของเขา
"ฮูหยิน น้ำชาที่ท่านให้เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" สาวใช่เอ่ยบอก
"เหวินเยว่ เจ้ายกถาดน้ำชาเดินตามข้ามา ข้าจะไปหาท่านพี่ที่เรือนใหญ่" นางหันไปสั่งสาวใช้คนสนิท แม้นางได้ชื่อว่าเป็นนายหญิงของจวน ทว่าไม่ได้อยู่เรือนเดียวกันกับเขา เรือนที่นางอาศัยอยู่คือเรือนรองตั้งห่างจากเรือนใหญ่ของผู้เป็นสามีพอสมควร
