บท
ตั้งค่า

5 ความกดดัน

เพราะมัวแต่พะวักพะวนกับเจ้านาย ทำให้มือขวาที่เข้ามาพักผ่อนไม่ได้นอนหลับดีๆ จึงคอยแต่สะดุ้งตื่น

“ตายห่า กี่โมงแล้ววะ” มือขวาลนลานยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูเวลาหลังจากสะดุ้งตื่น

“อืม...เพิ่งจะตีหนึ่งเอง” ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนต่ออย่างง่วงงุน

ว่าไม่ได้หรอก เมื่อคืนวิ่งวุ่นทั้งคืนกว่าจะได้นอน ดังนั้นตอนนี้จึงรู้สึกง่วงมาก

หลังจากยิ่งนอน ยิ่งเพลีย คนก็ยิ่งไม่อยากจะตื่น ด้วยนานๆ ทีจะได้หลับยาวๆ โดยไม่มีสิ่งใดมารบกวน จนกระทั่งความหิวมาเยือนอย่างรุนแรง กัวหวาฉีจึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งยกนาฬิกาขึ้นมาดูอีกหน ด้วยอาการงัวเงีย

“อืม เพิ่งจะหกโมงเช้าเองนี่นา แต่ทำไมมันหิวจนแสบไส้อย่างนี้ล่ะ” พลางยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบออกจากตัวด้วย “เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปตั้งตี…”

หลังจากสมองประมวลผลได้ ก็ตื่นเต็มตา จึงร้องฉิบหายออกมา แล้วรีบวิ่งออกจากห้องที่ใช้พักผ่อนมายังด้านนอกทันที

มิน่า! หิวจนแสบไส้ ด้านนอกฟ้ามืดลงมาอีกครั้งแล้ว...

เนื่องจากห้องที่ใช้พักผ่อนทั้งมืดและเงียบมาก ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดเข้าไปได้ จึงไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย

“คุณเกา ออกมาหรือยัง” กัวหวาฉีถามคนเดิมที่นั่งอยู่หน้าห้อง

“ยังเลยครับ” ทั้งตอบ ทั้งหาวนอนไปด้วย ดวงตาแดงก่ำไปหมด ตัวเขาอยู่หน้าห้องนี้ ตั้งแต่ตีหนึ่งยันหกโมงเย็นแล้วยังไม่ได้นอนเลยสักงีบ จึงอดที่จะหาวออกมาต่อหน้ามือขวาของเจ้านายไม่ได้

“ยังอีกเหรอ?” มือขวาอุทานอย่างอึ้งๆ ก็พอจะรู้อยู่หรอก ว่าเจ้านายทั้งอึดและทนขนาดไหน แต่นี่ ทำตั้งแต่ตีหนึ่งยันหกโมงเย็นมันไม่เกินไปหน่อยหรือ ปกติอยู่กับใครก็ไม่เคยเกินสามชั่วโมงเลยนี่นา

ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่มีอะไรเร่งด่วนหรอก ปานนี้แล้ว รอดูอีกสักหน่อยก็ได้ อาจจะกำลังนอนพักอยู่

มือขวาคิดอย่างไม่อยากขัด ก่อนจะสั่งคนมาเปลี่ยนเวรกับคนที่อยู่หน้าห้องตั้งแต่เมื่อคืน และสั่งกำชับว่าถ้าเจ้านายออกมาให้ตามตนด้วย สั่งจบก็ไปจัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเอง

“ ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งแต่เมื่อวานเหม็นชะมัด...”

.................

ส่วนด้านในห้องที่ลูกน้องยืนเฝ้า

เกาเจี้ยนหานและเฉินซินที่พัวพันกันอยู่ ก็ยังไม่ได้แยกออกจากกันเลย ตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ทุกครั้งที่ปลดปล่อยออกมาแล้ว แต่คนยังไม่ยอมถอดถอน สักพักส่วนนั้นก็จะคึกคักขึ้นมา จึงต้องเริ่มกิจกรรมกันต่อ หรือเพียงแค่ได้กลิ่นยาสมปรารถนา จากตัวเฉินซิน แม้เพียงน้อยนิด ส่วนนั้นของเกาเจี้ยนหานก็จะคึกคักขึ้นมาเช่นกัน ทำให้กิจกรรมนี้ ดำเนินเรื่อยมา จนถึงตอนนี้

กระทั่งความรู้สึกหน้ามืดเริ่มมาเยือน เกาเจี้ยนหานถึงได้สังเกตตัวเอง สภาพของเขาในตอนนี้ อ่อนล้าถึงขีดสุด แทบไม่มีแรงเหลือพอให้ขยับเขยื้อนตัวแล้ว แต่ส่วนนั้นยังคึกคักอยู่ ทั้งช่องทางที่เข้าๆ ออกๆ อยู่นี้ ก็ยังคงเย็นสบาย จนไม่อยากจะถอดถอน มีแต่อยากจะตามใจตัวเองต่อไปเท่านั้น ส่วนอีกคนที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆกันนั้น คาดว่าคงจะสลบไปอีกรอบแล้วเป็นแน่

หลังจากปลดปล่อยในรอบนี้แล้ว เกาเจี้ยนหานจึงได้หักห้ามใจ ถอยห่างออกจากเฉินซินไปอย่างอ่อนแรง แล้วควานหามือถือของตัวเอง ขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาหกโมงเย็นของวันใหม่ จึงอดที่จะตกตะลึงพรึงเพริดไปไม่ได้

เขามีอะไรกับคนคนนี้มาได้ยังไง ตั้งสิบเจ็ดชั่วโมง แล้วคนที่นอนข้างๆ นี่ล่ะ จะไม่กลายเป็นศพไปแล้วหรือ

ก่อนจะเอื้อมมือไปกดชีพจรบนข้อมือของอีกฝ่าย

ยังดีที่ยังเต้นอยู่ แม้จะสัมผัสได้อย่างเบาบางมากก็ตามที

จึงรีบโทรตามคนสนิท ให้เข้ามาจัดการกับเฉินซินที่นอนหมดแรงอยู่ข้างๆ นี้ ส่วนตัวเองก็หลับตานอนพักด้วยความเหนื่อยล้าด้วยเช่นกัน

รออยู่พักใหญ่ กัวหวาฉีถึงได้พาหมอและพนักงานส่วนหนึ่ง เข้ามาในห้อง เพื่อมาทำความสะอาดทั้งคนและสถานที่

“ผมว่าเจ้านายน่าจะให้น้ำเกลือด้วยนะครับ” กัวหวาฉีบอกเจ้านายอย่างหวังดี เพราะสภาพของเจ้านายตอนนี้นั้น หน้าซีดตัวเหลืองไปหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่อนาถเท่ากับอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆ

สภาพของเฉินซินในตอนนี้ เรียกได้ว่าอนาถมาก ถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ไหนจะรอยจากมือเท้าที่เกิดจากการทะเลาะวิวาท และร่องรอยเหมือนโดนไม้ฟาดเป็นทางยาว ที่กลางหลัง อีกสามสี่รอย ทั้งยังมีรอยจากการเคล้นคลึงของ เกาเจี้ยนหานอีกด้วย แล้วยังมาหมดสติไปด้วยความอ่อนเพลีย ตามที่หมอบอกอีกต่างหาก

“อืม” เกาเจี้ยนหานที่ได้ยินคำแนะนำทั้งของหมอ และมือขวา จึงตอบรับเสียงเบาอย่างนิ่งขรึม และอ่อนแรง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีสภาพอนาถขนาดนี้ ตีรันฟันแทงมาหลายสิบครั้ง ก็ยังไม่เคยหมดสภาพอย่างนี้มาก่อนเลยสักครั้ง

"เอ่อ...ท่านผู้เฒ่าที่บ้านโทรมาตามเจ้านายให้กลับไปกินข้าวด้วยครับ เย็นนี้" กัวหวาฉีรายงานอย่างลังเล ด้วยสภาพของเจ้านายในตอนนี้ แค่ลงจากเตียงยังไม่ไหวเลย

"อืม บอกไปว่างานมีปัญหาพรุ่งนี้ฉันจะกลับไปแต่เช้า"

“ครับ” กัวหวาฉีรับคำและจะออกจากห้องไป เพื่อให้เจ้านายได้พักผ่อน แต่เกาเจี้ยนหานกลับเรียกไว้

“นายสั่งให้คนไปตามสืบเรื่องของเจ้าเด็กนี้มาด้วยนะ” พยักพเยิดมายังคนที่นอนอยู่ข้างๆ

“ครับ” ผู้ถูกสั่งตอบรับ แล้วออกจากห้องไป ส่วนคนสั่ง สั่งจบ ก็ผล็อยหลับตามคนข้างๆ ไปด้วยความอ่อนเพลีย

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ไปถึงหกชั่วโมงเต็มๆเกาเจี้ยนหานก็เห็นว่า เฉินซินที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆนี้มีสีหน้าดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว หลังจากได้รับการรักษาจากหมอ แต่ร่างกายที่มีรอยเขียวช้ำไปทั้งตัวนี้เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้ อยากจะรู้ยิ่งนักว่าครอบครัวแบบไหนกัน ถึงได้ปฏิบัติต่อลูกไม่เท่ากันอย่างนี้ เนื่องจากตัวเขา เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล จึงไม่เข้าใจถึงปัญหาที่อีกฝ่ายต้องเผชิญ

ความจริง เขารู้สึกสนใจเจ้าหนุ่มน้อยปากกล้าคนนี้ตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัว โดนควบคุมตัว เข้ามาในห้องทำงานของเขาแล้ว ทุกคนที่เจอเขา ถ้าไม่หวาดกลัวจนตัวสั่น ก็จะประจบประแจงจนน่ารำคาญ มีแค่คนมารนหาที่ตายคนนี้เท่านั้น ที่กล้าด่าและต่อปากต่อคำด้วยอย่างท้าทาย นั่นจึงทำให้เขารู้สึกสนุก ทั้งยังอยากจะลองยาพันปีนั่นดูด้วย ว่าจะได้ผลจริงไหม

อย่างที่บอก ว่าเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล จึงโดนกดดันเรื่องทายาทมาตลอด เขาไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา มีแต่พวกต้องการผลประโยชน์ จนน่าสะอิดสะเอียน

เมื่อคิดถึงเรื่องทายาท ก็นึกถึงยาสมปรารถนาที่อีกฝ่ายกินเข้าไป ฤทธิ์ช่างร้ายแรงยิ่งนัก ถึงขนาดทำให้เขา หลงลืมวันเวลาไปอย่างสิ้นเชิง มีแต่ความรู้สึกที่อยากจะตามใจตนเองเท่านั้น ถ้าไม่เพราะสังเกตตัวเอง มีหวังได้ตายคาเตียงแน่ๆ

คนครุ่นคิด คิดอย่างหวาดหวั่น ทั้งภาวนาในใจไปด้วยหวังว่ายานี้จะได้ผลนะ เพราะลงแรงไปตั้งเยอะ

หลังจากครุ่นคิดจนพอใจแล้ว เกาเจี้ยนหานจึงลุกขึ้นมาทำธุระส่วนตัว และออกจากห้องนี้ ไปยังห้องทำงานของตัวเองอีกที

ภายในห้องทำงาน มีกัวหวาฉีมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ผมจัดการเรื่องที่ให้สืบเรียบร้อยแล้วครับ เจ้านายวางใจได้ แต่ตัวคนเจ้านายจะจัดการอย่างไรดีครับ” กัวหวาฉีถามอย่างต้องการจะจัดการ ให้ตรงตามความต้องการของผู้เป็นนาย

“รอให้ฟื้นขึ้นมาก่อนก็แล้วกัน อย่าลืมให้หมอมาตรวจดูอาการทุกวันด้วย" เกาเจี้ยนหานบอกและถามถึงเรื่องงานในวันนี้ว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือเปล่า

"ไม่มีครับ" กัวหวาฉีรายงาน เพราะงานทุกที่ มีระบบที่ดีอยู่แล้ว จึงไม่มีเรื่องราวอะไรให้ต้องกังวล หรือใส่ใจมากนัก นอกจากจะเป็นเรื่องสำคัญเท่านั้น ที่จำเป็นจะต้องให้เจ้านายตัดสินใจ ส่วนเรื่องสำคัญเมื่อวานก็ไม่ทันแล้ว รอให้อีกฝ่ายไปแก้ตัวกับท่านผู้เฒ่าเอาเองก็แล้วกัน

“อืม นายกลับไปพักผ่อนเถอะ ” ตอบรับและสั่งให้ลูกน้องคนสนิทกลับไปพักได้

วันนี้ตาแก่ที่บ้านโทรมาตามให้กลับไปกินข้าวด้วย คงหนีไม่พ้นเรื่องทายาทอีกแน่นอน ช่างน่าเบื่อจริงๆ

เกาเจี้ยนหานคิดอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ลุกออกจากเก้าอี้ แล้วเดินออกจากห้อง เพื่อจะกลับไปบ้านของผู้เป็นพ่อแต่โดยดี เพราะ ไหนๆ ก็บอกว่าจะกลับไปแต่เช้าแล้ว ก็กลับไปเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน

และก็เป็นไปตามที่คิดไว้ เมื่อเขาเดินเข้าไปที่โต๊ะอาหารในตอนเช้า พ่อของเขาก็โวยวายขึ้นมาทันที

“แกมัวแต่เล่นอยู่กับพวกไม่ได้เรื่องพวกนั้น แล้วเมื่อไรจะมีทายาทมาให้ฉัน” ท่านผู้เฒ่าวัยเกือบเจ็ดสิบปี โวยวายที่ลูกชายของตัวเองไม่คิดเรื่องมีทายาทสักที ผู้หญิงที่หาให้ก็ควงๆ ไปอย่างนั้น แต่ไม่เคยขึ้นเตียงด้วยเลยสักครั้ง สนใจแต่พวกเด็กหนุ่มหน้าขาวนั่น ทั้งนึกอย่างตัดพ้อว่า ตัวเองทำบาปหนักอะไรไว้ ถึงได้มีลูกชายที่ไม่สนใจผู้หญิงอย่างนี้

“มีตอนไหนก็ตอนนั้นล่ะครับ” คนเป็นลูกตอบเสียงเรียบ พลางคิดว่าให้ผู้เป็นพ่อด้วยอย่างเบื่อหน่าย ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักนิสัยลูกชายตัวเองสักหน่อย

“แกจะทำให้ตระกูลของฉันไม่มีผู้สืบทอดไม่ได้ แกหลับหูหลับตาเลือกมาสักคนไม่ได้หรือไง ที่ฉันเลือกให้มีแต่ดีๆ ทั้งนั้น” ท่านผู้เฒ่าต่อว่าให้ลูกชายอย่างกรุ่นโกรธ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันนัดลูกสาวตระกูลเม่ยไว้ให้แกแล้ว ไม่ว่ายังไงแกก็ต้องไปตามที่ฉันบอก ห้ามผิดนัดอีก”

ผู้เป็นพ่อย้ำเสียงเข้ม ทั้งพยักพเยิดให้คนสนิทนำข้อมูลของหญิงสาวคนนี้มาให้ลูกชายได้ดูด้วย

“หลับหูหลับตาเลือกมาสักคน พ่อพูดง่ายจังเลยนะครับ” เกาเจี้ยนหานว่าให้พ่อของตัวเอง

ในบริบทของสังคมในสมัยก่อน ที่ผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงส่วนมากจึงถูกบังคับจากครอบครัว ให้แต่งงานเพื่อผลประโยชน์กันแทบจะทั้งนั้น พ่อและแม่ของเขาเองก็เช่นกันทั้งสองถูกจับแต่งงานกันด้วยผลประโยชน์ทางธุรกิจ แม่จึงต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำ แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และพอหมดประโยชน์ ครอบครัวของแม่ก็มาทอดทิ้งอีก จนแม่ต้องตรอมใจตาย เขาจึงรู้สึกสงสาร และไม่อยากให้ใครต้องมาเจออย่างแม่ของเขา

“อย่ามาหาข้ออ้าง ถ้าแกไม่ต้องการอำนาจ แกก็ออกจากตระกูลฉันไป อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกทำอะไรอยู่เมื่อวาน แกมัวแต่เล่นอยู่กับไอ้พวกไม่ได้เรื่องพวกนั้น จนผิดนัดตระกูลหม่า ถ้าเกิดว่าครั้งนี้แกไม่ยอมมีทายาทมาให้ฉันอีก ฉันจะถอดแกออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลจริงๆ ” ท่านผู้เฒ่ายื่นคำขาด

“พ่อต้องการแค่ทายาทใช่ไหม” เกาเจี้ยนหานเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิดเช่นกัน เพราะตั้งแต่ขึ้นรับตำแหน่งนี้มา เขาก็ถูกพ่อของตัวเองกดดันมาตลอด และข่มขู่ทุกครั้ง จนเริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“ใช่!” ท่านผู้เฒ่าตอบรับเสียงหนัก

“ผมจะหาทายาทมาให้ แต่คนที่จะมาอุ้มท้องลูกของผม ผมจะหาเอง!” เอ่ยเงื่อนไขออกมาให้ผู้เป็นพ่อรับรู้ เขาไม่ชอบการคลุมถุงชน ที่ยึดโยงแต่ผลประโยชน์ ที่ผู้เป็นพ่อหามาให้ แต่เขาก็จะเสียอำนาจผู้นำนี้ไปไม่ได้เช่นกัน เพราะเขารู้ดีว่าอำนาจ มันสามารถทำให้เขาอยู่เหนือคนอื่นได้

ฝ่ายท่านผู้เฒ่า ที่ทำทุกวิถีทางแล้ว แต่ลูกชายตัวดีก็ยังไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม จึงต้องตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้ ทว่า ก็ได้กำหนดระยะเวลาให้ลูกชายแค่สองเดือนเท่านั้น ภายในสองเดือนนี้ ต้องมีคำตอบที่ชัดเจน เกี่ยวกับเรื่องทายาท

“ตกลง!” เกาเจี้ยนหานตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกัน พลางนึกไปถึงเฉินซินที่นอนอยู่ พร้อมภาวนาในใจ หวังว่ายานั่นจะได้ผลนะ เขาไม่อยากแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้เลือก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel