2
“เวลางานเราก็ทำตัวเหมือนเดิมนะคะ สรรพนามที่เรียกก็เหมือนเดิม พิมพ์ไม่อยากให้คนในบริษัทมองว่าพิมพ์สนิทกับพี่น่ะค่ะ”
“ทำไม” เขาเอ่ยถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก รู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่าสำหรับเธอ
“พิมพ์ไม่อยากโดนเขม่นหาว่าเส้นใหญ่สนิทกับเจ้าของบริษัทค่ะ” เธอพูดจบก็เดินออกไปไม่เหลียวหลัง ทำเอาปรมินทร์กัดกรามกรอดอย่างโมโห
เธอทำเหมือนจะฟันเขาแล้วทิ้ง มันต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอที่เป็นฝ่ายขอร้องอย่าให้เธอมาเรียกร้องอะไร
ปรมินทร์เดินลงจากเตียงด้วยความหงุดหงิด ตอนที่มารดาให้พิมพ์ลภัสมาทำงานกับเขา แรกเริ่มเดิมทีเขาก็คิดว่ามารดาอยากให้เขาสานความสัมพันธ์กับลูกสาวเพื่อนรักที่ลาลับโลกนี้ไปแล้ว แต่จริงๆ เขาคิดผิดมหันต์ เธอตั้งใจทำงานมากๆ ทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่สนใจเขาในเชิงชู้สาวเลยสักนิด เป็นเขาเองนี่แหละที่กำลังคิดถึงความสัมพันธ์ในครั้งเก่าก่อน น้องสาวตัวน้อยน่ารักกับพี่ชายข้างบ้านที่คอยปกป้องน้องน้อยคนนี้ไม่ให้ใครมารังแก ก่อนที่เขากับเธอจะย้ายบ้านไปอยู่อีกที่และไม่ได้เจอกันหลายปี จนมารดาของเขาเจอเธอกับน้องชายอีกครั้ง ก็พบว่าเธอกับน้องชายออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก ไม่ได้พักอาศัยอยู่กับบิดาและมารดาเลี้ยงอีก
2
ปรมินทร์อาบน้ำด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า จดจำได้ดีว่าเมื่อค่ำคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง นึกไปถึงหญิงสาวที่เพิ่งออกจากห้องของเขาไป เธอไม่ได้มีท่าทีอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเหมือนเขาบ้างเลยหรือ
ในขณะที่พิมพ์ลภัสถึงห้องก็นอนหลับเป็นตาย ยอมรับว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร แต่เธอตั้งสติได้เร็ว เพราะในชีวิตเจอความโหดร้ายมากมายมาแล้ว ทุกวันนี้ต้องต่อสู้ดิ้นรนให้ตัวเองรอดพ้นจากปัญหาและอุปสรรคทุกอย่าง
ทันทีที่ได้สติว่าตกเป็นของปรมินทร์แล้ว เธอก็คิดทบทวนหลายอย่าง การเรียกร้องโวยวายให้เขารับผิดชอบเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ แต่การทำตัวให้เขาสนใจเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่า
ปรมินทร์เป็นลูกชายของคุณป้าอรอุมาเพื่อนรักของมารดา ซึ่งเธอเองก็รู้จักปรมินทร์มาตั้งแต่เด็ก เขาเป็นผู้ชายที่น่าสนใจมาก แต่การตามตื้อเขาไม่ใช่เรื่องที่สมควรมากนัก ถ้าหากว่ามีผู้ชายมาตามตื้อเธอ เธอเองก็คงไม่ชอบเช่นเดียวกัน
พิมพ์ลภัสนอนหลับสนิท ก่อนจะตื่นขึ้นมาอาบน้ำอาบท่า เพราะหลังจากที่เจ้านายประชุมเสร็จ สามวันถัดมาเป็นวันเที่ยวพักผ่อนที่ปรมินทร์อนุญาตให้เธอกับธนกรได้เที่ยวกันอย่างเต็มที่ ไหน ๆ ก็เดินทางมาเจรจาธุรกิจที่ทะเลทางใต้ฝั่งอันดามัน
เขาให้คนย้ายของของเธอไปยังบ้านพักแทนที่จะเข้าพักโรงแรมเหมือนวันแรก ๆ ที่มาทำงาน
พิมพ์ลดภัสเดินทอดน่องไปตามชายหาดสีขาวสะอาดตา ท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องลงมายังผืนน้ำท้องทะเลสีครามที่สะท้อนแสงทองอ่อน ๆ ของพระอาทิตย์ยามเย็น คลื่นทะเลกระทบชายหาดเบา ๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย เธอสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวที่พลิ้วไหวไปตามสายลมที่พัดโชยเบา ๆ เหมือนดอกไม้ที่ร่วงหล่นไปตามพื้นทราย
พิมพ์ลภัสยกมือขึ้นสัมผัสลมทะเลที่เย็นสดชื่น รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอขณะมองไปยังท้องทะเลที่กว้างที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เธอเดินไปเรื่อย ๆ ปล่อยใจไปกับทิวทัศน์รอบตัว เส้นขอบฟ้ากับทะเลดูราวกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว สีของฟ้าและน้ำทะเลตัดกันอย่างงดงาม
การเดินไปตามชายหาดทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความสงบภายในใจ เสียงคลื่นที่ซัดมากระทบฝั่งผสมกับเสียงลมทะเลรอบตัวทำให้ทุกอย่างรอบกายดูผ่อนคลาย เธอรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งอยู่กับความงามของธรรมชาติ ทุกสิ่งรอบตัวงดงามน่ามอง
ในชีวิตของเธอนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือน้องชายที่รักที่นอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล แม้คุณป้าอรอุมาจะคอยช่วยเหลือ แต่เธอก็เกรงใจเกินกว่าจะรบกวนท่านในทุกเรื่อง
“ชอบมองพระอาทิตย์ตกดินเหมือนกันเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มหูที่คุ้นเคยของปรมินทร์ทำให้เธอหันไปมอง รู้สึกแก้มร้อนผ่าวเล็กน้อยเมื่อคิดถึงค่ำคืนที่ผ่านมา แต่เธอก็พยายามสงวนท่าทีเอาไว้
“พี่ก็ชอบดูพระอาทิตย์ตกดินเหรอคะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยถามปรมินทร์ สีหน้าของเธอยิ้มละไมส่งให้เขา
“ชอบนะ ชอบดูดาวด้วย คืนนี้จะชวนไปดูดาวน่ะ”
“คิดยังไงถึงจะชวนไปดูดาวค่ะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“พี่คิดว่าจะจีบเธอ” เขายื่นหน้าเข้าไปหา
“คะ” เธอหลุดอุทานออกมา
ปรมินทร์มองไปเบื้องหน้า ในเวลานี้แสงพระอาทิตย์กำลังจะเริ่มลาลับขอบฟ้า ท้องฟ้าสีครามค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีทองอมส้ม น้ำทะเลสะท้อนแสงทองงดงาม พิมพ์ลภัสยืนฟังเสียงคลื่นที่สาดซัดมากระทบฝั่ง ปรมินทร์ที่นั่งอยู่เคียงข้าง มองไปยังท้องทะเลกว้าง ฟังเสียงคลื่นไปพร้อมกันกับเธอ
"สวยจังเลยนะคะ" พิมพ์ลภัสพูดเบา ๆ หันไปมองปรมินทร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซีกหน้าของเขาหล่อเหลาสะดุดตา ผู้ชายที่เป็นที่หมายปองของสาว ๆ กำลังบอกว่าจะจีบเธออย่างนั้นเหรอ
ปรมินทร์หันไปสบตากับพิมพ์ลภัสก่อนพูดว่า
"ทะเลที่นี่สวย แต่พิมพ์สวยกว่า"
พิมพ์ลภัสหันไปมองหน้าเขา เหมือนจะประหลาดใจกับคำพูดนั้น แต่ก็แอบยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก
"พี่ปอนด์นี่ปากหวานจังเลยนะคะ"
