บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ทะลุมิติเข้ามาในหนังสือ

ณ ลานกว้างรวมบ้านในตรอกซื่ออู่ วันนี้เสียงดังจอแจวุ่นวายเป็นพิเศษ คึกคักอย่างยิ่ง

เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี หลายคนกำลังนั่งยองๆ ถือชามข้าวใบเขื่องอยู่ตรงขั้นบันได เฝ้าดูเรื่องสนุก

"เจียงเฉิง เราเข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ"

เจียงเฉิงที่ก้มหน้าอยู่ส่ายหัว ตอบอย่างดื้อรั้น: "ไม่! ตรงนี้แหละคนเยอะดี"

มุมปากของหลินเฉิงหย่วนกระตุกเล็กน้อย เขารู้ดีว่าคนเยอะ เขาถึงอยากจะเลี่ยงไงล่ะ คนตรงหน้านี่มันทึ่มเป็นตอไม้ หรือตั้งใจใช้ฝูงชนมาขัดขวางเขากันแน่? ไม่นึกเลยว่าเจียงเฉิงจะเจ้าแผนการขนาดนี้! แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเฉิงหย่วนไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด จะพูดก็พูด

"เจียงเฉิง ผมกับเหอตาน ได้รับอนุญาติจากที่ทำงานแล้ว และจดทะเบียนสมรสกันแล้วด้วย เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย"

"คุณกับผมเจอกันแค่ครั้งเดียวผมก็กลับกรมกอง เรายังไม่ได้จัดงานแต่งงานด้วยซ้ำ ถึงคุณจะอยู่ที่บ้านหลินมาสามปี แต่คุณก็ไม่ใช่ภรรยาของผม"

เจียงเฉิงยืนขาชิด หลังงุ้มเล็กน้อย มองหลินเฉิงหย่วนตรงหน้าผ่านปอยผมหน้าม้าหนาเตอะ

สูงราวๆ หนึ่งเมตรแปดสิบ หน้าตาหล่อเหลาแบบคุณชายสำอาง ผิวขาว ริมฝีปากแดง

นี่สินะพระเอกในหนังสือที่ว่า! หน้าตาหล่อสำอางแบบพวกแมงดา แถมยังพ่วงดีกรีความเฮงซวยยกกำลังสองชัดๆ

"เจียงเฉิง คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม?" แววตาของหลินเฉิงหย่วนฉายแววขุ่นเคืองและไม่สบอารมณ์ ผู้หญิงที่ยืนทื่อเป็นท่อนไม้อยู่ตรงหน้า อ่านหนังสือไม่ออกสักตัว แถมยังเชยสะบัด ช่างไม่คู่ควรกับการเป็นภรรยาของเขาเอาเสียเลย

"คุณไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับฉัน แล้วเมื่อสามปีก่อนคุณจะให้ฉันรอคุณทำไม? ทำไมเมื่อสามปีก่อนคุณไม่ห้ามฉันไม่ให้เข้ามาอยู่ที่บ้านหลินล่ะ?" เจียงเฉิงก้มหน้า มือสองข้างขยำชายเสื้อที่ซีดขาวของตัวเอง เสียงของเธออู้อี้และแหบพร่า

เฮ้อ! ดันซดน้ำร้อนลวกคอ เจ็บคอชะมัด

หลินเฉิงหย่วนถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่เคยคิดว่าเจียงเฉิงที่ปกติเอาแต่เงียบขรึมจะกล้าโต้เถียง ในความคิดของเขา พอเขาพูดจบ เจียงเฉิงก็ควรจะตอบตกลงทันที ดูเหมือนว่าเรื่องที่เขาแต่งงานจะส่งผลกระทบต่อเธออย่างหนัก ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงที่ชอบเขา หลินเฉิงหย่วนจึงใจอ่อนอธิบายเพิ่มอีกประโยค

"เจียงเฉิง ผมแค่สงสารคุณ ไม่ได้มีความหมายอื่น ไม่ว่าเราจะมองจากแง่มุมไหน ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ผมหวังว่าคุณจะไม่ตอแย"

เจียงเฉิงที่ก้มหน้าอยู่เบ้ปาก

ตอแยกับผีน่ะสิ!

เธออยากจะหนีไปให้ไกลจากครอบครัวนี้จะตายอยู่แล้ว!

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เจียงเฉิง (ที่เป็นนักแปลผู้เชี่ยวชาญ 5 ภาษา) หลังจากทำงานล่ามแปลอันฉุกละหุกในการประชุมสุดยอดระดับประเทศเสร็จ เธอก็ขับรถไปซื้อของตุนที่ซูเปอร์มาร์เก็ต กะว่าจะเก็บตัวอยู่ในบ้านสักครึ่งเดือนเพื่อฟื้นฟูเซลล์สมองที่ถูกเผาผลาญไป

ผลลัพธ์คือ เธอถูกรถบรรทุกที่ฝ่าไฟแดงชนเข้าอย่างจัง และทะลุมิติเข้ามาในนิยายเสียงที่เธอกำลังฟังระหว่างขับรถอยู่ เป็นนิยายที่น่าขยะแขยงจนเธอหวังว่าตัวเองไม่เคยเปิดมันขึ้นมาเลย พระเอกคือหลินเฉิงหย่วน นางเอกคือเหอตาน ทั้งเล่มเล่าถึงเรื่องราวความรัก การแต่งงาน และการสร้างตัวของคนทั้งคู่ เป็นนิยายที่อ้างตัวว่าเป็นแนวหวานชื่น

บทบาทของเจียงเฉิงคือภรรยาจากค่านิยมศักดินาคร่ำครึที่ครอบครัวหลินแต่งเข้ามาให้ หลังจากที่ทั้งคู่เจอกันเพียงครั้งเดียว หลินเฉิงหย่วนก็รีบกลับกรมกอง ส่วนเจียงเฉิงก็เข้ามาอยู่ในบ้านหลินในฐานะภรรยาของเขา อยู่มานานถึงสามปี

ตลอดสามปี เธอคอยดูแลทุกคนในครอบครัวหลิน ทำงานหนักดั่งวัวดั่งม้า ไม่เคยปริปากบ่น ขณะที่หลินเฉิงหย่วนไม่เคยกลับมาเลยตลอดสามปี พอกลับมาอีกที เขาก็พาเหอตาน ที่จดทะเบียนสมรสกันแล้วกลับมาด้วย อ้างว่าเป็นการแต่งงานด้วยความรัก

เนื้อเรื่องสุดสะอิดสะเอียนเริ่มต้นจากตรงนี้ ทั้งครอบครัวหลินเริ่มปั่นหัวเจียงเฉิง ทำให้เจียงเฉิงยอมสมัครใจที่จะอยู่ที่บ้านหลินต่อไป เพื่อเป็นคนรับใช้ของพวกเขาเหมือนเดิม โดยที่พ่อแม่ของหลินเฉิงหย่วนรับเจียงเฉิงเป็นลูกสาวบุญธรรมอย่างน่ารังเกียจ และท้ายที่สุดในตอนที่หลินเฉิงหย่วนประสบปัญหาในการทำธุรกิจ พวกเขาก็ส่งเจียงเฉิงไปให้ชายแก่วัยหกสิบคนหนึ่ง!

แน่นอนว่าในหนังสือมีการปรุงแต่งเนื้อหาให้สวยหรู โดยบอกว่าเจียงเฉิง 'เต็มใจ' ไปเอง

ตอนที่เธอกำลังฟังนิยายเรื่องนี้ เธอคอมเมนต์ด่าว่า "ถุ้ย!" ไปเป็นร้อยครั้งก็ยังไม่พอระบายความอัดอั้นตันใจ

เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เจ้าของร่างเดิมทำงานหนักจนล้มป่วย แถมยังตากฝนจนไข้ขึ้นสูง แล้วก็จากไปอย่างเงียบๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรถที่เธอขับตอนเกิดอุบัติเหตุกลายเป็น 'มิติ' ส่วนตัวของเธอ และในรถมียาลดไข้อยู่พอดี เธอก็คงจะทะลุมิติมาโดนไข้เผาตายไปแล้ว

เจียงเฉิงที่ยืนอยู่กลางลานบ้านรวมยังคงก้มหน้าก้มตา ท่าทางขี้ขลาดอ่อนแอ ผมเผ้ายาวรุงรังปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ทั้งตัวเธอดูอับเฉาและแก่เกินวัย เสื้อผ้าที่ซีดขาวและเต็มไปด้วยรอยปะบนตัวเธอ ทำให้หลินเฉิงหย่วนยิ่งมองยิ่งรังเกียจ

เป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่กลับปล่อยตัวได้ซอมซ่อขนาดนี้ ช่างเทียบไม่ได้เลยแม้แต่ปลายนิ้วของเหอตาน

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลินเฉิงหย่วนก็หันไปมองเหอตาน ที่ยืนยิ้มอ่อนโยนอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้พูดอะไรเลย ทำเพียงส่งสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นมาให้เขา ทั้งสองสบตากันแล้วยิ้ม ช่างเป็นภาพที่งดงามและหอมหวาน เมื่อเทียบกันแล้ว หลินเฉิงหย่วนก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจเจียงเฉิงที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น

ไม่พูด? แกล้งทำตัวน่าสงสาร? นี่คงกำลังเรียกคะแนนความสงสารสินะ? ช่างเป็นวิธีที่ไร้ระดับจริงๆ

"ฉันไม่ได้คิดจะตอแย แค่อยากจะถามประโยคหนึ่ง..."

เจียงเฉิงที่เงียบอยู่นานพลันเงยหน้าขึ้น รวบรวมความกล้าถามออกไป: "แล้วสามปีที่ผ่านมาของฉันมันคืออะไร? ถือว่าฉันซวยเองงั้นเหรอ?"

"พรวด!"

"แค่กๆๆ!"

บรรดาเพื่อนบ้านที่มุงดูเรื่องสนุกอยู่ ต่างมีทั้งคนที่พ่นข้าวออกมาและคนที่สำลักน้ำ

คำพูดนี้มันช่าง... น่าสนใจจริงๆ!

ก็ต้องถือว่าซวยนั่นแหละ

หลินเฉิงหย่วนที่ถูกย้อนถามจนหน้าชา ตะคอกเสียงเข้มด้วยความไม่พอใจ: "นี่คุณจงใจจะทำให้มันเป็นเรื่องอื้อฉาวน่าเกลียดใช่ไหม?"

"อื้อฉาว?"

"การถามคำถามที่คุณไม่มีปัญญาตอบ มันคือการทำเรื่องอื้อฉาวเหรอ?" เจียงเฉิงหันไปมองสมาชิกคนอื่นๆ ของบ้านหลิน "พวกคุณก็คิดว่าฉันกำลังก่อเรื่องเหรอคะ?"

แม่หลินรีบเดินเข้ามาก่อน ตีหลินเฉิงหย่วนไปทีหนึ่งพอเป็นพิธี "อาหย่วน² แม่ไม่ยอมให้แกพูดกับเจียงเฉิงแบบนี้นะ!"

"เฉิงเฉิง³ แม่น่ะมองลูกเป็นลูกสาวแท้ๆ ของแม่มาตลอด แม่ทนไม่ได้หรอกถ้าต้องเสียลูกไป…" พอแม่หลินเปิดปาก คนในลานบ้านที่กำลังดูถูกการกระทำของหลินเฉิงหย่วนอยู่ก็เริ่มเปลี่ยนความคิดไปบ้าง ดูเหมือนว่าคนบ้านหลินก็ยังพอมีเหตุผลอยู่

เจียงเฉิงเองก็หันไปมองแม่หลินด้วยใบหน้าซาบซึ้งใจเช่นกัน (ส่วนในใจก็กำลังพ่นคำด่า: หน้าไม่อายสิ้นดี!)

"เฉิงเฉิง ตอนนี้มันเป็นสังคมใหม่แล้ว พวกเขารักกันด้วยใจจริงมันก็ไม่ผิด ลูกเองก็ไม่ผิด ผิดที่แม่เองทั้งหมด ถ้าจะโทษ ก็โทษแม่เถอะนะ!"

"ก็ได้ค่ะ! งั้นก็โทษแม่นั่นแหละ ที่เป็นแบบอย่างไม่ดี ลูกไม้ถึงได้หล่นไม่ไกลต้น"

แม่หลิน: ????

เจียงเฉิงยังคงทำหน้าซื่อๆ มองแม่หลินที่กำลังตะลึงงัน แล้วพูดอย่างใจเย็น:

"ก็แม่บอกเองนี่คะว่าให้โทษแม่"

หางตาของแม่หลินกระตุก แววตารังเกียจฉายวาบผ่านไป ช่างเป็นยัยทึ่มจริงๆ

"เฉิงเฉิงเอ๊ย... ย่าก็ทนไม่ได้เหมือนกันที่จะเสียหลานไป เอาอย่างนี้สิ หนูก็อยู่ที่นี่ต่อเถอะนะ มาเป็นลูกสาว เป็นหลานสาวของพวกเรา เราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิม" ย่าหลินผู้มีผมสีเงินขาวหวีเรียบแปล้ ถือไม้เท้าอยู่ในมือ เอ่ยปากขึ้น

เจียงเฉิงคิดในใจ: สุดยอดดอกบัวขาวเฒ่า⁴ ปรากฏตัวแล้ว!

"คุณย่าคะ... คุณย่าช่างใจดีกับหนูเหลือเกิน แล้วคุณย่าจะเตรียมสินเดิม⁵ ให้หนูเท่าไหร่เหรอ?"

ย่าหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย "สินเดิมอะไร?"

เจียงเฉิงขยำชายเสื้อ ทำหน้าไม่เข้าใจ "ก็คุณย่าบอกว่ารับหนูเป็นลูกสาวเป็นหลานสาวไม่ใช่เหรอ? หนูเสียเวลาไปสามปี ตอนนี้ก็อายุยี่สิบแล้วก็ถึงวัยต้องออกเรือนสักที ในเมื่อคุณย่าเป็นบ้านเดิมของหนูก็ต้องให้สินเดิมหลานสาวออกเรือนด้วยสิคะ?"

ย่าหลินหน้าเสีย

เธอไม่เคยคิดที่จะให้เจียงเฉิงแต่งงานออกไป ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสินเดิมเลย ลูกสาวแท้ๆ หลานสาวแท้ๆ ก็เป็นแค่คำพูดกล่อมเด็กที่ใช้หลอกเจียงเฉิงเท่านั้น "เฉิงเฉิง นี่หลานกำลังทำให้ย่าเสียใจนะ! ย่าจริงใจกับหลานขนาดนี้ แต่หลานกลับคิดถึงแต่เรื่องเงินเหรอ!?"

เจียงเฉิงยังคงทำท่าทำทางอะไรไม่ถูกเหมือนเดิม พูดด้วยน้ำเสียงซื่อๆ ว่า: "พูดเรื่องเงินมันเจ็บปวดความรู้สึก แต่ถ้าไม่พูดเรื่องเงิน หนูจะรู้ได้ยังไงว่าคุณย่าจริงใจกับหนูจริงๆ! หรือว่า... เมื่อกี้ที่พูดไปแค่หลอกหนูเหรอคะ?"

ย่าหลินราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ใบหน้าเหี่ยวย่นสั่นระริก ให้แม่หลินรีบก้าวเข้ามาจับแขนเจียงเฉิงไว้ ทำหน้าเศร้าสลด "เฉิงเฉิง ถ้าแม่มีเงินนะ แม่จะจัดงานแต่งให้ลูกอย่างสมหน้าสมตาเลย แต่สภาพบ้านเราลูกก็รู้ดี รออีกสักสองปีนะ รออีกสองปี แม่จะเก็บเงินเป็นสินเดิมให้ลูก ดีไหม?"

"แม่ทนไม่ได้จริงๆ ที่จะให้ลูกออกไปลำบากข้างนอก ลูกเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว บ้านเดิมก็ไม่มีใครเหลือแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนได้? มาเป็นลูกสาวของแม่เถอะนะ เรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน ใช้ชีวิตดีๆ เหมือนเดิมได้"

เจียงเฉิงดึงแขนตัวเองออกมาเงียบๆ ให้หัวใจของแม่หลินเต้นระรัว รู้สึกว่าคนตรงหน้าเริ่มจะควบคุมไม่อยู่

แต่คงไม่เป็นไรหรอก

เจียงเฉิงชอบหลินเฉิงหย่วนมากแค่ไหน เธอรู้ดี หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของแม่หลินค่อยๆ คลายลง

"น้าหลิน เงินชดเชยหกร้อยหยวนที่น้าเอาไปจากฉันตอนพาฉันมาบ้านหลิน คืนให้ฉันด้วยค่ะ"

"ก่อนหน้านี้บอกว่าฉันเป็นพี่สะใภ้ เลยเอาเงินนั่นไปเป็นสินเดิมให้หลินเจียวเจียวนี่คะ"

"ตอนนี้พี่สะใภ้ตัวจริงเข้าบ้านแล้วก็ไปทวงจากเธอเอาเลย!"

หัวใจของแม่หลินหล่นวูบพอได้ยิน ตกตะลึงจนตาเหลือก เจียงเฉิงกล้าพูดเรื่องเงินชดเชยออกมา!

"กล้าเอาแม้กระทั่งเงินชดเชยของบ้านเจียง ไม่มียางอายกันจริงๆ"

"เห็นไหมล่ะ นั่นแหละลูกสาวแท้ๆ ขนาดเงินคนอื่นยังต้องเอาไปเป็นสินเดิมให้!"

"คำพูดเมื่อกี้ก็คงมีไว้หลอกยัยทึ่มนั่นแหละ!"

"ยัยทึ่ม"

เจียงเฉิง: (ถึงพี่ชายจะด่าฉัน แต่พี่ก็พูดถูก! ฉันแม่งเป็นยัยทึ่มจริงๆ เลย)

(จบตอน)

เชิงอรรถจากผู้แปล:

ในยุค 70s ของจีน หน่วยงานที่สังกัด การแต่งงานต้องได้รับอนุญาตจากองค์กรหรือที่ทำงานก่อน

² อาหย่วน (阿远): เป็นชื่อเรียกแบบสนิทสนมของ 'หลินเฉิงหย่วน'

³ เฉิงเฉิง (澄澄): เป็นชื่อเรียกแบบสนิทสนมของ 'เจียงเฉิง'

⁴ ดอกบัวขาวเฒ่า (老白莲): 'ดอกบัวขาว' เป็นศัพท์สแลง หมายถึง คนที่ภายนอกดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา แต่ภายในเสแสร้งและร้ายกาจ

⁵ สินเดิม (嫁妆): คือ ทรัพย์สินที่ฝ่ายหญิงเตรียมไปให้ฝ่ายชายเมื่อแต่งงาน

⁶ บ้านเดิม (姜家): หมายถึง ครอบครัวเจียง หรือบ้านเดิมฝั่งพ่อแม่ของเจียงเฉิง ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว

⁷ น้าหลิน (林婶儿): เจียงเฉิงเปลี่ยนคำเรียกขานจาก "แม่" กลับไปเป็น "น้า" เพื่อแสดงการตัดขาด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel