นางร้าย : 7
“เจ้ามียานั่นหรือไม่”
รั่วอิงเหยารีบส่ายหน้าไปมาช้า ๆ พร้อมเอ่ย
“ยานั่น…หม่อมฉันไม่มีเพคะ”
หลัวอี้เฟิงถึงกับเข่าอ่อน เขาถูกนางหลอกให้เสวนาตั้งนานสองนานแต่กลับไร้ประโยชน์ใด ๆ ริมฝีปากหนาเตรียมเรียกองค์รักษ์ข้างกายมานำนางไปสำเร็จโทษ หากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นต่อ
“แต่หม่อมฉันรู้ว่าต้องหายานั้นมาจากที่ใดเพคะ”
ดวงตาคมเข้มตวัดมองรั่วอิงเหยาราวจะฉีกนางเป็นชิ้น ๆ หากยังกล้าโกหกเขาต่อ
“ที่ใด”
เสียงถามแสนห้วนไม่สะทกสะท้านวิญญาณของนักเขียนมือทองที่ใส่รายละเอียดยานี้เอาไว้ตั้งนานแล้วหรอก
“ยานี้อยู่ที่ตลาดมืดหนานเหอเพคะ”
ที่ชื่อตลาดมืดหนานเหอเพราะว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างเขตเมืองหนานโจว กับ เมืองเหอโจว เขตของสถานที่เสรีที่อำนาจทหารเข้าไม่ถึง
“ข้าจะส่งคนไปที่นั่นเดี๋ยวนี้!”
“ช้าก่อนเพคะ”
หลัวอี้เฟิงกำลังจะเรียกองครักษ์ตู้ชิงหลางเข้ามาสั่งการกลับถูกรั่วอิงเหยาขัดไว้
“เหตุใดเจ้าถึงรั้งข้าไว้”
“ยานี้มีทั้งจริงและปลอม หากให้คนอื่นไปเกรงว่าอาจถูกหลอกได้”
“เจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร”
หลัวอี้เฟิงเริ่มหงุดหงิด นั่นก็ทำไม่ได้ นี่ก็ถูกรั้งเอาไว้อีก
“หม่อมฉันจะเดินทางไปที่นั่นเองเพคะ”
“เจ้าเนี่ยนะ?”
หลัวอี้เฟิงมองรั่วอิงเหยาอย่างสบประมาท นางขี่ม้าไม่เป็น เหินกระบี่ก็ไม่ได้ จะไปสถานที่ไกลหลายร้อยลี้นั้นในเวลาจำกัดได้เช่นไร
“หม่อมฉันมีองครักษ์เหยียนอยู่ทั้งคน เหตุใดจะไม่ได้เพคะ”
องครักษ์เหยียน เหยียนตู้ เป็นองรักษ์ของมารดานาง เหยียนตู้สนิทกับรั่วอิงเหยามาตั้งแต่เด็กเพราะทั้งคู่ห่างกันแค่สามหนาวและถูกเลี้ยงดูมาจากเรือนท่านตาของนาง ปีนี้เหยียนตู้อายุยี่สิบเอ็ดหากแต่ยังไม่ออกเรือน ส่วนรั่วอิงเหยาจะสิบแปดหนาวในอีกสองเดือนข้างหน้า หากรั่วอิงเหยาอยากเรียกใช้เขามีหรือองครักษ์หนุ่มผู้นี้จะไม่ยินดีเป็นมือเป็นเท้าให้นาง
“เจ้าจะเดินทางเมื่อใด”
ช่างใจดำไม่ห่วงไม่ว่า อย่างน้อยก็ควรถามไถ่เรื่องความปลอดภัยของนางสักหน่อย
“พวกเราจะออกเดินทางยามฉื่อเพคะ”
การเดินทางจากเมืองหลวงเฟิงโจวไปยังตลาดมืดนั้นใช้เวลาเดินทางด้วยม้าเร็วอย่างหยุดพักน้อยที่สุดก็หนึ่งวันครึ่ง รั่วอิงเหยาจึงต้องเร่งเดินทางตั้งแต่กลางดึกเพื่อจะได้ไปกลับทันงานอภิเสกสมรสในอีกห้าวันข้างหน้า
“ข้าจะเขียนจดหมายผ่านทางให้เจ้าและเงินจำนวนหนึ่งในการเดินทางทางรวมถึงม้าเร็วที่ดีที่สุดที่พวกเจ้าเลือกใช้ได้ทุกโรงพักม้า”
‘ป๋าจริง ๆ นางอยากลองใช้เงินในยุคโบราณมานานแล้วเหมือนกัน’
“ขอบพระทัยเพคะ”
ตอนนี้รั่วอิงเหยาสามารถเก็บชีวิตนเองไว้ได้แล้วครึ่งหนึ่ง รอเพียงนางได้ยานั้นมาช่วยรั่วเชียนชิงให้ฟื้นและเข้าพิธีอภิเษกสมรสได้สำเร็จ
ไม่แน่...
นางอาจจะกลับโลกที่นางจากมาได้
============
ตอนที่ 4 : จวนราชครู
จวนราชครู
“ฮูหยินคุณหนูใหญ่กลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
สาวใช้นางหนึ่งของจวนราชครูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องของรั่วฮูหยินกลางดึกเพื่อรายงานเรื่องสำคัญ
รั่วฮูหยินปิงเซียวหลันตาเบิกโต มือไม้สั่นด้วยความดีใจเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ยังดีที่มีทิงโยสาวใช้คนสนิทช่วยเตือนสติให้ออกไปต้อนรับรั่วอิงเหยา
“ฮูหยินรีบไปหาคุณหนูใหญ่เถิดเจ้าค่ะ”
รั่วฮูหยินได้สติว่าต้องทำอะไรจึงรีบปรี่ออกไปยังเรือนด้านหน้าเพื่อพบบุตรสาวที่เกิดจากสายเลือดตน
“เหยาเอ๋อร์ เหยาเอ๋อร์กลับมาแล้ว”
รั่วฮูหยินเห็นบุตรสาวก้าวผ่านประตูเรือนเข้ามายังไม่ถึงห้าก้าวน้ำตานางก็ไหลพรากด้วยความดีใจ
ตั้งแต่ได้ข่าวว่ารั่วอิงเหยาทำอะไรลงไปจนถูกขังคุก รั่วฮูหยินแถบจะกินนอนไม่ได้ ยิ่งเวลาผ่านมาเกือบสามชั่วยามรั่วอิงเหยายังไม่ถูกปล่อยตัว หัวอกคนเป็นมารดาแทบแตกสลาย
ตุบ!
ทันทีที่เห็นมารดาเดินเข้ามาพร้อมนัยน์ตาเอ่อนองด้วยม่านใส รั่วอิงเหยายิ่งรู้สึกผิดรีบทิ้งตัวคุกเข่าหน้าผากโขกกับพื้นเย็นเยียบพร้อมกล่าว
“เหยาเอ๋อร์เลอะเลือนเผลอทำร้ายน้องหญิง เป็นลูกอกตัญญูทำให้บุพกรีหลั่งน้ำตา ท่านแม่โปรดลงโทษลูกด้วยเจ้าค่ะ”
รั่วฮูหยินได้ยินคำสารภาพผิดของบุตรสาว ม่านน้ำตาที่เอ่อนองในนัยน์ตาคู่นั้นอยู่แล้วกลิ้งหล่นบนแก้มทั่งสองข้างราวธารน้ำหลาก นางรีบถลาย่อลงเพื่อพยุงรั่วอิงเหยาขึ้นจากพื้นที่เปียกปอนจากหิมะที่เริ่มละลาย
