นางร้าย : 4
“ราชครูแจ้งว่าเจ้ามียาถอนพิษ”
องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงไม่รีรอ เขารีบนำคำที่ว่าที่พ่อตาทูลถวายถามความจริงจากรั่วอิงเหยาทันที
“กราบทูลองค์ชายใหญ่ หม่อมฉันไม่มียาถอนพิษเพคะ”
“บังอาจ! เจ้ากล้ากราบทูลความเท็จต่อข้าเชียวรึ”
องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงบันดาลโทสะทันทีที่ได้ยินรั่วอิงเหยาบอกความจริงว่าไม่มียาถอนพิษ
ราชครูรั่วหนานเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับตกใจมองบุตรีคนโตที่เกิดจากฮูหยินเอกด้วยแววตาดุกร้าว
“อิงเหยา เจ้ากล้าให้ทหารมาแจ้งความเท็จกับข้าเพื่อหลอกลวงเบื้องสูงหรือ!”
“ท่านพ่อโปรดใจเย็น องค์ชายใหญ่โปรดระงับโทสะ”
รั่วอิงเหยารีบบอกทั้งสองให้สงบสติอารมณ์ จากนั้นนางจึงก้าวไปด้านหน้าสองก้าวก่อนเอ่ย
“น้องหญิงรั่วมิได้ถูกพิษอันใดเพคะ”
“เจ้าเล่นตลกอะไร ชิงเอ๋อร์สลบไปสองชั่วยามยังไม่ฟื้น หมอหลวงตรวจอาการแล้วต่างบอกว่านางถูกพิษที่เจ้าใส่ไว้ในอาหาร”
องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงอธิบายรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยสุ้มเสียงเจ็บปวดและเคียดแค้นสตรีตรงหน้า
“เรื่องนี้หม่อมฉันอธิบายได้ หากแต่องค์ชายอนุญาตให้หม่อมฉันเข้าเฝ้าส่วนพระองค์”
รั่วอิงเหยาใข้สายตาท้าทายสบมองพระเนตรขององค์ชายใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว
“บังอาจ! คุณหนูใหญ่กล้าหมิ่นเบื้องสูงสมควรเพิ่มโทษ”
องครักษ์ตู้ชิงหลางรีบออกหน้าแทนองค์ชายตน
“องครักษ์ตู้โปรดใจเย็น เรื่องนี้อิงเหยาต้องกราบทูลองค์ชายใหญ่เป็นการส่วนพระองค์จริง ๆ”
อิงอิงในร่างรั่วอิงเหยาเริ่มใจคอไม่ดีที่หลัวอี้เฟิงนิ่งมากจนนางเดาตัวละครตัวเองไม่ออก
“ให้นางเข้ามา”
สิ้นคำสั่งนั้น องค์ชายใหญ่หลัวอี้เฟิงก็สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้างแล้วไพร่หลังไว้เดินเข้าไปในห้องส่วนพระองค์พร้อมกับรั่วอิงเหยาที่เดินตามเข้าไปช้า ๆ
พรึ่บ!
รั่วอิงเหยานั่งลงบนพื้นโดยมีหลัวอี้เฟิงนั่งสูงกว่าหนึ่งระดับ
“เจ้ารีบบอกวิธีถอนพิษให้ชิงเอ๋อร์ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”
ทันทีที่ได้ยินคนที่แอบรักเอ่ยอย่างไร้เยื้อใย รั่วอิงเหยาถึงกับเจ็บแค้นในอก
“องค์ชายใหญ่ทรงเย็นชากับเหยาเอ๋อร์เกินควรกระมังเพคะ
หลัวอี้เฟิงได้ยินคำถากถางของสตรีตรงหน้าถึงกับขบฟันแน่น
“หากไม่มีเหยาเอ๋อร์คอยเป็นสะพานรักให้องค์ชายใหญ่กับน้องหญิงเกรงว่าคงไม่มีพระราชทานสมรสระหว่างทั้งสองคนเกิดขึ้น”
“เจ้าต้องการทวงบุญคุณ?”
“อิงเหยาหรือจะกล้าเพคะ”
รั่วอิงเหยารีบเปลี่ยนสรรพนามของตนเองเมื่อเห็นท่าทีเกรี้ยวกราดของหลัวอี้เฟิง
“เช่นนั้นก็เลิกเล่นลิ้นรีบบอกวิธีช่วยชิงเอ๋อร์มา”
คำก็ห่วงชิงเอ๋อร์ สองคำก็มีแต่เยื่อใยให้รั่วเชียนชิง เหตุใดพระองค์ถึงได้ทำร้ายจิตใจของสตรีที่หลงรักพระองค์เช่นนี้
หากรู้ว่าจะข้ามมิติมาอยู่ในนิยายที่ตนเองแต่งนางคงไม่ปูเรื่องมาให้รั่วอิงเหยาไร้คนรักและจริงใจเช่นนี้
“ก่อนจะบอกวิธีช่วยเชียนเชียน หม่อมฉันขอบังอาจถามพระองค์หนึ่งคำถามได้หรือไม่เพคะ”
รั่วอิงเหยาลอบมองปฏิกิริยาของหลัวอี้เฟิง ดูว่าเขาจะมีความทนรอให้นางถามคำถามเพื่อแลกกับชีวิตของคนรักเขได้มากน้อยเพียงใด
“ข้าให้เจ้าแค่หนึ่งคำถาม”
นางก็บอกอยู่ว่าเพียงหนึ่งคำถาม เหตุใดต้องย้ำอยู่ได้
“ขอบพระทัยองค์ชายใหญ่ อิงเหยารู้แล้วว่าพระองค์เองก็เมตตาหม่อมฉันอยู่บ้าง…”
“คำถามล่ะ”
คล้ายรำคาญที่รั่วอิงเหยายื้อเวลาไม่รีบถามสักที หลัวอี้เฟิงจึงชักสีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่าความอดทนเขามีขีดจำกัด
“อิงเหยาเข้าเรื่องแล้วเพคะ”
รั่วอิงเหยาคนใหม่ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อมก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาหลัวอี้เฟิงที่ไม่แม้จะใยดีมองนาง
ช่างเย็นชายิ่งนัก สมแล้วที่นางวางบทให้องค์ชายใหญ่ผู้นี้แกล้งหลอกใช้ความรักของรั่วอิงเหยาที่มีต่อตนบีบให้นางกลายเป็นนางร้ายที่น่ารังเกลียด
