บทที่ 5 [2/2]
หลังจากวันนั้นเวลาก็ล่วงเลยไปหลายวัน เซเรน่าเริ่มมีตารางชีวิตที่แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง ตอนเช้าเธอออกมาอยู่ในสวน ดื่มกาแฟดำอ่านหนังสือศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนและธุรกิจของตระกูล ตอนบ่ายเธอปลูกดอกไม้ หรือไม่ก็เดินออกกำลังกายในสวน และตอนเย็นเธอมักจะนั่งฟังเพลงคลาสสิกในห้องอ่านหนังสือ
เซเรน่าไม่โทรตามภาคินอีก
ไม่ร้องไห้ ไม่ฟูมฟาย หรือตามอาละหวาด ไม่เฝ้ารอเขากลับบ้านเหมือนเดิม
นั่นจึงเป็นหัวข้อหลักในการสนทนาของเหล่าสาวใช้ที่พูดกันหนาหูขึ้นทุกวัน
‘ฉันว่าคุณเซเรน่าเสียสติไปแล้วแน่ ๆ’
‘แต่ฉันว่าไม่ใช่นะ ดูสิ เธอสงบขึ้นแปลก ๆ เหมือนคนที่กำลังโตขึ้น’
‘ฮึ! สงบอะไรล่ะ สงบก่อนจะระเบิดอีกมากกว่า’
‘แต่คุณภาคินเอง ก็ดูเหมือนจะ...แปลก ๆ ไปด้วยนะช่วงนี้’
เสียงนินทาเหล่านั้นดังวนอยู่ทุกมุมของคฤหาสน์ และทุกครั้งที่ได้ยิน เซเรน่าก็เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ เธอไม่ได้ต้องการให้ใครเชื่อในทันที เพราะระเบิดเวลาที่แท้จริง มันหลังจากนี้ตั้งหาก
บ่ายวันหนึ่ง ในขณะที่เซเรน่ากำลังนั่งคุกเข่าปลูกดอกไม้ตรงมุมสวนที่ร่มรื่น เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นจากด้านหลังของหญิงสาว พร้อมเสียงทุ้มแสนคุ้นเคยพลันดังขึ้น
“เซเรน่า” เสียงทุ้มเย็นเรียบดังขึ้น
“มีอะไร?”
เธอตอบเรียบ ๆ เงยหน้าขึ้นมองภาคินที่ยืนอยู่ตรงหน้าในชุดสูทดำขลับ เขามองเธอด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ขณะที่มือเรียวยังไม่ละจากต้นไม้ในมือ
“กำลังทำอะไร?”
“ปลูกต้นไม้ค่ะ คุณเห็นว่าฉันกำลังทำอะไรล่ะ”
“เห็นแล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าเธอควรมาทำเรื่องแบบนี้”
“เรื่องแบบนี้?” เธอเลิกคิ้วเล็กน้อย “หมายถึงอะไรคะ?”
“สภาพแบบนั้น มันไม่เหมาะกับเธอ” เขากวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
“ไม่เหมาะกับเซเรน่าคนเดิม...แต่เหมาะกับฉันในตอนนี้ค่ะ”
“เซเรน่า เธอคิดจะทำอะรกันแน่”
ภาคินกล่าวเสียงเรียบ ทว่าในใจกลับเคลือบแคลงกับการกระทำของเธอไม่น้อย
“แน่นอนว่าความปรารถนาของฉัน แค่ต้องการอยู่เฉย ๆ โดยไม่ต้องตามใคร ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร”
คำตอบนั้นทำให้ภาคินนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาเขาวูบไหวด้วยความรู้สึกบางอย่าง ทว่าไม่นานก็กลับมาเย็นชาเหมือนดังเดิม
“เธอคงคิดว่าจะทำให้ฉันสนใจด้วยวิธีนี้เหรอ?”
“ถ้าฉันอยากให้คุณสนใจ คงไม่ใช้วิธีนี้หรอกค่ะ เพราะมันคงไม่ได้ผล”
“เซเรน่า เธอกำลังเล่นสงครามประสาทกับฉันงั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่พูดความจริง ฉันเหนื่อยกับการพยายามทำให้คุณมองเห็นค่าแล้วค่ะ และตอนนี้ก็ไม่สนใจแล้ว ฉันจะใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง” เธอเช็ดมือกับผ้าขนหนูที่พาดไว้ข้างตัว ก่อนลุกขึ้นยืน
โดยไม่รู้ว่าคำพูดนั้นเหมือนมีบางอย่างกระแทกใจของภาคินเข้าอย่างจัง เขามองเธออยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคมนิ่งแต่มีประกายบางอย่าง หงุดหงิด? หรือไม่พอใจ? หรือเพราะเขารู้สึกแปลกใจที่เธอดูไม่ทุกข์อีกต่อไป
“ทำอะไรก็ทำ แต่จำไว้นะเซเรน่า อย่าลืมว่ายังมีนามสกุลของฉันอยู่ข้างหลังชื่อเธอ” เขาหันหลังทันที
“ค่ะ แต่วันหนึ่ง ฉันจะทำให้ชื่อของฉันมีค่าด้วยตัวเอง...ไม่ใช่เพราะชื่อคุณ” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ
การที่เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจ ทำเอาภาคินหยุดเท้าเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก และเมื่อเสียงฝีเท้าเขาลับไป เธอก็ยกมือแตะอกตัวเองเบา ๆ หัวใจเธอเต้นแรง...ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะเธอรู้สึกว่ากำลังยืนอยู่ได้ด้วยขาของตัวเองจริง ๆ
“คุณผู้หญิงไม่เป็นไรนะครับ?” ต้นเดินเข้ามาข้าง ๆ
“ฉันไม่เป็นไร แค่รู้สึกดีที่ได้พูดในสิ่งที่อยากพูดมานาน”
“คุณเปลี่ยนไปจริง ๆ ครับ” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ
“ฉันก็คิดแบบนั้น” เธอตอบพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
ในขณะเดียวกันที่ชั้นสองของคฤหาสน์หลังนั้น
ภาคินที่เดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน กลับไปยืนนิ่งตรงหน้ากระจกมองลงไปยังสวนอีกครั้ง มองใบหน้าของเธอที่กำลังหัวเราะกับคนสวน รอยยิ้มแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มือที่ถือแฟ้มอยู่บีบแน่นโดยไม่รู้ตัว
“หัวเราะกับคนอื่นได้...แต่กับฉัน เธอกลับเย็นชา” เขาพึมพำกับตัวเองในเสียงต่ำ
“ผู้หญิงคนนี้ จะทำอะไรกันแน่”
