เมื่อฉันมองไม่เห็นอะไร มีเขาที่คอยดามใจอยู่ข้างๆ

9.0K · จบแล้ว
-
10
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลังจากที่ฉันตาบอด ฉันได้ยินเฉินเยว่กับเพื่อนรักวัยเด็กจูบกันในห้อง โจวอี้เหิงถอนหายใจเบาๆ :"เธอมันก็แค่คนตาบอด คู่ควรกับฉันซะที่ไหน" หัวใจของฉันรู้สึกเหน็บหนาวไร้เรี่ยวแรง นำยันต์ป้องกันตัวทีทำเองกับมือมอบให้กับคนอื่นไป ต่อมา ฟู่หยุนเชิน ผู้มีฐานะอำนาจชื่อเสียงโด่งดังทั่วเป่ยเฉิง แค่อยากเอาใจภรรยาคุณหนูลูกผู้ดีตีนแดง ใช้โดรนกว่าแสนลำแสดงความรัก ร้อนผ่าวไปในเสิร์ชค้นหายอดนิยม โจวอี้เหิงโทรศัพท์มา น้ำเสียงรีบๆ:"เจี่ยวเจี่ยว เธอกลับมาได้ไหม ตอนนั้นฉัน----" ฉันมองชายสีหน้าไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะ รีบปฏิเสธไป:"ตอนนั้นฉันก็แค่หนีให้ไกลจากขยะเท่านั้นเอง!"

นิยายปัจจุบันนิยายรักโตมาด้วยจีบเมียเก่าพิการนอกใจ

บทที่ 1

ฉันถือของขวัญยืนอยู่นอกประตู เมื่อจะเคาะประตู

เสียงออดอ้อนดังผ่านช่องประตูออกมา

“พี่อาเหิงจะอยู่กับซ่งเจี่ยวเจี่ยวจริงเหรอ”

ผู้หญิงหัวเราะด้วยน้ำเสียงดูหมิ่น

เธอคือเฉินเยว่ เพื่อนร่วมชั้นของฉันกับโจวอี้เหิง

โจวอี้เหิงถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย “เธอเป็นแค่คนตาบอด เหมาะสมกับฉันตรงไหน”

“เธอยังมีอารมณ์คิดเรื่องอื่นอีกนะ ดูเหมือนฉันยังทำไม่พอ”

เหมือนมีอะไรในห้องโดนชนจนล้ม เกิดเสียงวุ่นวายดังขึ้น

ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง

ฉันกำของในมือแน่น รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะลงไปข้างล่างยังไง

คุณป้าแม่บ้านเห็นฉันสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงรีบเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง

“คุณหนูเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเปล่า”

ฉันฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา เอายันต์ป้องกันตัวออกมาวางไว้ในมือเธอ

“อันนี้ฉันให้ป้าหลี่”

“อันนี้คุณทำให้คุณชายไม่ใช่เหรอ”

พอคิดถึงเรื่องเมื่อกี้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก

ทุกคนรู้ว่าฉันชอบโจวอี้เหิง ยกเว้นเขา

หลายปีมานี้ ท่าทางทีเล่นทีจริงของเขา ทำให้ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในใจเขา

ตอนเด็กๆ พอฉันลืมเอาหนังสือเรียนมา โจวอี้เหิงจะเอาหนังสือเรียนของตัวเองให้ฉัน

หลังจากนั้นก็โดนครูทำโทษด้วยการยืนแล้วก็ทำความสะอาด

ฉันรู้สึกผิดจึงไปขอโทษ เขายิ้มแล้วลูบหัวฉัน

“เจี่ยวเจี่ยวคือเจ้าหญิงของฉัน เธอสนใจแต่สิ่งที่มีความสุขก็พอแล้ว”

ความเขินอายและใจสั่นตอนวัยรุ่น หญิงสาวที่เพิ่งรู้จักความรัก สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือความอับอาย

ฉันพูดอย่างยากลำบาก พยายามยิ้มสุดความสามารถ

“ไม่ล่ะ เขาคงไม่จำเป็นต้องใช้”

เหมือนโต้วโต้วที่อยู่ในสวนดอกไม้รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง

มันมาคลอเคลียมือฉันอย่างเชื่อฟัง แล้วนอนบนขาฉัน

โต้วโต้วเห่า “โฮ่งๆ” เหมือนได้ยินเสียงอะไร

พอได้กลิ่นอันคุ้นเคย ฉันรู้ว่าโจวอี้เหิงมาแล้ว

ตอนนี้ฉันยังรู้สึกถึงสายตาเขาที่มองมาทางฉันด้วย คงเป็นสายตาที่ดูหมิ่นและรังเกียจสินะ

ฉันไม่ได้เดินไปข้างเขาเหมือนอย่างเคย เป็นเฉินเยว่ที่มานั่งยองข้างๆ ฉันอย่างเป็นกันเอง

“เจี่ยวเจี่ยว นี่คือสุนัขนำทางของเธอเหรอ น่ารักมาก ฉันขอลูบหน่อยได้ไหม”

“โฮ่งๆๆ!”

ฉันอุ้มโต้วโต้วแล้วอธิบายว่า “โต้วโต้วไม่ชอบให้คนแปลกหน้าจับน่ะ คงจะไม่ได้”

“ไม่เป็นไร ฉันชอบลูกสุนัขมาก ที่บ้านฉันมีหนึ่งตัว โต้วโต้วต้องชอบฉันแน่ๆ”

เฉินเยว่ไม่ยอมแพ้ ขณะที่กำลังจะจับ ฉันรู้สึกว่าลูกสุนัขที่อุ้มอยู่กระโดดออกไป

เสียงกรีดร้องของผู้หญิงปะปนกับเสียงของโต้วโต้ว เกิดความโกลาหลขึ้นทันที

เมื่อเหตุการณ์สงบลง ฉันได้ยินเสียงร้องหงิงๆ ของโต้วโต้ว เหมือนโดนใครเตะ

โจวอี้เหิงพูดด้วยความโมโหว่า “ซ่งเจี่ยวเจี่ยว ครั้งหน้าถ้าเธอยังปล่อยให้หมากัดคนอื่นอีก ฉันจะเอามันไปทิ้ง”

ฉันชะงักไป นี่เป็นครั้งแรกที่โจวอี้เหิงโมโหใส่ฉัน

ฉันพยายามกลั้นน้ำตา รู้สึกจุกในคอจนพูดอะไรไม่ออก

เฉินเยว่น่าจะร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของโจวอี้เหิง “พี่อาเหิงอย่าไปโทษเจี่ยวเจี่ยวเลย”

เสียงร้องหงิงๆ ของโต้วโต้วยังไม่หยุด ฉันเดินตามเสียงไปหามัน จากนั้นอุ้มมันขึ้นมาด้วยความปวดใจแล้วลุกขึ้นเดินออกไป

มีแรงหนึ่งรั้งฉันไว้

“ซ่งเจี่ยวเจี่ยว ทำผิดไม่รู้จักขอโทษเหรอ ขอโทษเสี่ยวเยว่เดี๋ยวนี้”

แรงที่แขนหนักมาก ฉันตกใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่

“ฉันบอกเธอไปแล้ว แต่เธอจะจับเอง ฉันไม่ผิด”

“ตั้งแต่ลุงเสียไป เธอดื้อดึงขึ้นทุกวันจริงๆ”

น้ำเสียงของโจวอี้เหิงมีความผิดหวัง ตอนเขาเดินโอบเฉินเยว่เดินผ่านฉัน เขาชนฉันด้วย

ฉันเสียการทรงตัวจนฝ่ามือไปโดนกับของแหลมคม

แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บที่มือ ใจของฉันเจ็บยิ่งกว่า