6.เริ่มต้น
ความกระอักกระอ่วนใจมันเริ่มต้นขึ้นมาจากตรงนี้แหละ ตรงที่ท่านป้าสั่งให้ท่านคาดินันอีริคที่ไม่ชอบขี้หน้าของฉันอยู่แล้วมาอยู่ดูแลฉัน
ป้าคะ..คือว่าหนูอาจจะไม่ได้เหงามากขนาดนั้นในตอนที่อยู่คนเดียวก็ได้ ท่านป้าอย่างพึ่งด่วนตัดสินใจอะไรแบบนั้นสิคะ..
“ที่นี่คือห้องรับรองพ่ะย่ะค่ะ และที่ด้านในมีหนังสือมากมายที่อาจจะทำให้องค์หญิงทรงเพลิดเพลินไปกับมัน วางเรียงรายเอาไว้ แต่..กระหม่อมคงลืมไปว่าไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้พระองค์ทรงเพลิดเพลินได้เท่ากับร่างกายบุรุษ..ขออภัยอย่างสุดซึ้งที่วิหารไม่มีผู้ใดอาจหาญทำเรื่องเช่นนั้นกับองค์หญิงหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
อีริคกล่าวออกมาโดยไม่ขยับฝ่ามือหรือว่าเปลี่ยนสีหน้า เขาตรึงสายตาที่เย็นชาเอาไว้ที่เธอและนัยน์ตานั้นไม่สั่นคลอนแม้แต่นิดเดียวถึงแม้ว่าเจเนวีจะพยายามส่งยิ้มแสนงดงามให้เขาก็ตามที
คาดินันอีริคเองก็ค่อนแคะกันไม่เลิกเลยแฮะ ฉันไม่ค่อยแน่ใจเรื่องที่ทำให้เขาเกลียดฉัน ว่าเรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไรกันแน่ เพราะในช่วงเวลาที่ NPCยังคงทำงาน ฉันไม่สามารถผ่านด่านของเขาได้เลยสักครั้งเดียว เพราะตัวละครอีริคนั้นมีอารมณ์ที่ซับซ้อนยากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ แต่สิ่งที่เย้ายวนใจคือในหน้าแนะนำตัวละครนั้นบรรยายเอาไว้ถึงความสามารถที่มากมายของท่านคาดินันในการร่วมรักที่ดุเด็ดเผ็ดมันและขนาดจูดี้ที่มีขนาดหกสิบห้า ซึ่งมันค่อนไปทางมหึมามากๆ หากได้เห็นสักครั้งก็คงจะดี แต่ดูท่าว่าฉันจะไม่ได้เห็นมันง่ายๆ อย่างแน่นอน..ก็อีกฝ่ายเกลียดฉันเข้ากระดูกดำปานนั้น
“อ่า..มันแย่นิดหน่อยตรงที่คาดินันรู้จักความชอบและความต้องการของฉันเป็นอย่างดีแต่ทว่าเป็นฉันเองต่างหากที่ไม่รู้เรื่องความชอบของท่านเลย..จะเป็นอะไรไหมหากฉันร้องขอให้ท่านเปิดเผยความชอบของตัวเองออกมาสักหน่อย..อย่างน้อยก็เพื่อให้เราเท่าเทียมกัน”
เธอเดินเข้าไปหาเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายราวกับแสงของดวงดาวในยามราตรีและรอยยิ้มที่มีรอยบุ๋มเล็กๆตรงข้ามแก้มยิ่งทำให้สตรีเบื้องหน้าดูงดงามเจิดจ้าและตราตรึงสายตาของเขา
ทว่าเขาคือคาดินันอีริค และเขาไม่คิดสนใจองค์หญิงผู้อื้อฉาวอย่างองค์หญิงเจเนวีแน่ๆ
“เรื่องที่กระหม่อมชอบนั้นมีอยู่น้อยนิด แต่เรื่องที่กระหม่อมเกลียดชังนั้นมีมากมายยิ่งนัก ยกตัวอย่างเช่นกระหม่อมไม่ชอบที่พระองค์เดินเข้ามาใกล้กระหม่อมเช่นนี้”
เจเนวียกมือขึ้นมาเพื่อวางเอาไว้บนหนังสือที่วางเรียงรายอยู่ในตู้ เธอเก็บกักอีริคเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร อาจเป็นเพราะว่าเธอรู้อยู่แล้ว ว่าต่อให้พยายามมากแค่ไหน ชายเบื้องหน้าก็ยังคงเกลียดชังเธออยู่ดี เพราะฉะนั้นแล้ว..ไม่ต้องพยายามอะไรเลย เธอแค่เป็นตัวของตัวเองในร่างของ เจเนวีก็พอ..
“น่าเสียดายที่ข้าชอบนะ..”
เขามองหน้าเธอลอดใต้กรอบแว่นราวกับกำลังเมินเฉยต่อความพยายามที่จะสนิทสนมของเธอ
“กรุณาถอยออกไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เจเนวีหัวเราะออกมาเบาๆ และเสียงหัวเราะนั้นมันใสกังวานราวกับเสียงของระฆังแก้ว
“ถอยห่างข้าไม่ถนัดเท่าไหร่ ถนัดแต่ถ่าง..ขามากกว่า หนังสือพวกนี้ทำให้ข้าเพลิดเพลินไม่ได้หรอกอีริค หากเป็นนิยายที่เกี่ยวกับค่ำคืนอันร้อนแรงขององค์หญิงและคาดินัน..แบบนั้นค่อยว่าไปอย่าง”
สตรีผู้นี้กล้ากล่าวถึงเรื่องต่ำช้าออกมาได้เต็มปากเช่นนั้นได้อย่างไรกัน สายตาของอีริคเริ่มแข็งกระด้างมากยิ่งขึ้น
“ไม่มีหนังสือต่ำช้าเช่นนั้นในวิหารของเราหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“ต่ำช้างั้นหรือ? ตรงไหนกันที่เรียกว่าต่ำช้า หากว่าทั้งสองฝ่ายต่างเต็มใจน่ะ”
เจเนวียื่นมือไปแตะลงบนใบหูของอีริคเบาๆ เพราะว่ามันกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงไป มีแค่ใบหูนี่เท่านั้นที่แดงระเรื่อ..มันบอกกล่าวได้เป็นอย่างดีว่าการรุกเข้าหาท่านคาดินันเช่นนี้ก็ทำให้เขาสั่นไหวกับเธอได้เหมือนกัน
อีริคเบือนหน้าหนี เขายังคงนิ่งเพื่อรักษามาดเย่อหยิ่งของคาดินัน ทว่าในสายตาของเจเนวี เธอชอบนะ..ผู้ชายเย็นชานี่ตรงสเป็คเลย..
ทว่าวันนี้เธอล้ำเส้นเขามามากแล้ว อะไรที่มากเกินไปย่อมไม่ถูกใจแน่ๆ เจเนวีจึงถอยหลังออกมาเพื่อเว้นระยะห่างจากท่านคาดินัน ตามที่เขาต้องการ
กลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบกำลังจางหายไปเรื่อยๆ เมื่อเธอถอยหลังออกไป หากเขาเป็นบุรุษธรรมดาๆ ที่ไม่ได้รับการฝึกให้จัดการกับความรู้สึกหรือว่าความต้องการของตัวเองตั้งแต่เด็กๆ เขาคงจะไม่ต่างจากผึ้งที่บินไปหากลิ่นหอมหวานของดอกไม้จากร่างกายเธอแน่ๆ
การปฏิเสธความงดงามขององค์หญิงเจเนวีคือเรื่องที่เขาไม่คิดทำ เขายอมรับในใจว่าสตรีผู้นี้งดงามมาก ภาพลักษณ์ที่แสนมั่นใจนั่นยิ่งทำให้วันนี้นางดูเปล่งประกายจนละสายตาไปไม่ได้เลย แต่ทว่านี่คือองค์หญิงเจเนวีผู้อื้อฉาว นางเปรียบเสมือนกองไฟที่เลือกจะเผาไหม้ทุกความรู้สึกที่เข้ามาหา..แล้วเขาจะเอาตัวเองเข้าไปใกล้เธอทำไมกัน ในเมื่อเขารู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าการคาดหวังให้สตรีผู้นั้นมาสนใจมันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ
“ข้าจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยมาที่นี่บ่อยๆ มีแต่ท่านคาดินันที่เดินทางไปที่เมืองหลวง ด้วยเหตุนั้นแล้ว..ทำไมท่านถึงแสดงออกอย่างชัดเจนมาขนาดนั้นว่าท่านเกลียดข้าล่ะคะ”
อีริคยังคงสงบนิ่งเมื่อเขาได้ยินคำถามนั้นของเธอ
“กระหม่อมจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามของพระองค์ด้วยอย่างนั้นหรือ”
เจเนวีทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“จำเป็นค่ะ เพราะข้าอยากรู้ และเพราะข้าสามารถทำให้ท่านป้ายกเลิกการเป็นผู้สนับสนุนวิหารได้”
ไหนๆ ก็เกลียดเธออยู่แล้ว เขาก็จงเกลียดเธอให้สุดๆ ไปเลยสิ เจเนวีคิดว่าเธอไม่ต้องการทำตามภารกิจอะไรพวกนั้นแล้ว เธออยากอยู่ที่นี่อยากเป็นเจเนวีที่มีครอบครัวที่รักนาง..เพราะแบบนั้นเธอไม่เห็นต้องกังวลกับพวกตัวละครในเกมนี้เลยนี่..
เธอเชื่อว่าในเกมฮาเร็มนี่จะต้องมีบุรุษหล่อเหลาที่ไม่มีอคติแบบเบรเดน ไม่เกลียดเธอแบบท่านอีริคและไม่โหดร้ายเหมือนแกรนด์ดยุคโรแลนด์อยู่
อีริคพ่นลมหายใจออกมาผ่านทางปลายจมูก
“เพราะพระองค์ทำให้สหายของกระหม่อมเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง..ทรงเล่นสนุกกับหัวใจของบุรุษซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อสนองตัณหาของตนเอง โดยที่ไม่สนใจหรือว่าไม่แยแสว่าบุรุษพวกนั้นต้องการความรักจากพระองค์มากแค่ไหน..หากไม่คิดว่าจะจริงจัง..เช่นนั้นพระองค์ก็ไม่ควรเริ่มต้นความสัมพันธ์ขึ้นมาสิพ่ะย่ะค่ะ”
“....”
ฉันพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่นิดเดียว จะเถียงออกไปก็ทำไม่ได้ จะยอมรับ..ก็ยอมรับไม่เต็มปากเพราะว่านั่นมันไม่ใช่ตอนที่ฉันเข้ามาเล่นเกมนี่..
“เช่นนั้นหากว่าข้าคิดจะจริงจัง ข้าก็เริ่มต้นมันขึ้นมาได้ใช่ไหมคะท่านอีริค”
