บทที่ 4 เงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต 2
“เดินผ่านมาหลายร้านแล้ว จะซื้ออะไรหรือไม่”
“ซื้อเนื้อหมูก็ได้เจ้าค่ะ น้องสามชอบ” ลู้จื้อที่เดินตามมาเงียบ ๆ ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ยังเป็นพี่รองที่รู้ใจเขา
“พ่อค้า ข้าเอาเนื้อหมู 1 จิน เจ้าค่ะ “
“ท่านลุง เพิ่มเป็น 5 จินเลยเจ้าค่ะ ขอตรงสามชั้นเพิ่มอีก 1 จิน ด้วยนะเจ้าคะ”
“ซือซือไม่เยอะไปหรือลูก”
“ท่านแม่บ้านเราคนเยอะ ซื้อไว้เถอะ ไม่เสียหรอก” นางมีมิติซะอย่างใส่ไว้ในนั้นก็ไม่เน่าแล้ว
“เนื้อสัน ข้าคิด จินละ 30 อีแปะ ส่วนสามขั้นข้าคิด จินละ 34 อีแปะ ทั้งหมดเป็นเงิน 184 อีแปะ”
“นี่เจ้าค่ะ” ลู่ซือยื่นเงินให้ท่านลุงเจ้าของร้าน
“ท่านแม่ข้าเห็นตรงทางเดินด้านนั้นมีร้านขายขายพวกแป้งอยู่ น้องสี่ชอบกินซาลาเปา พวกเราไปที่นั่นกันเถอะเจ้าค่ะ”
ลู่ชิงที่แอบน้อยใจมาตลอดว่าพี่รองจำของที่เขาชอบกินไม่ได้ ถึงครายิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ
ร้านแห่งนี้นอกจากจะขายจำพวกข้าวและแป้งต่าง ๆ แล้วยังมีเครื่องปรุงนานาชนิดอีกด้วย ลู่ซื้อจึงให้มารดาเป็นคนจัดการซื้อสิ่งของเหล่านี้ เพราะนางทำอาหารไม่เป็น ทำได้เพียงแต่กำชับท่านแม่ของตนให้ซื้อทุกอย่างมากหน่อยเท่านั้น ลู่ซือจึงเสียเงินให้กับร้านค้าแห่งนี้ไป 1 ตำลึงเงิน 82 อีแปะ
หลังจากซื้อของได้เพียง 2 ร้าน ข้าวของก็เยอะเกินกว่าที่ผู้ใหญ่และเด็กโต 2 คนและเด็กเล็กอีก 2 คนจะถือไหว คนทั้งหมดจึงได้แต่นำของมากองไว้ข้างทางเสียก่อน
“เอาแบบนี้ก็ได้เจ้าค่ะ ข้ากับพี่ใหญ่จะทยอยถือของไปในที่ลับตาคน ข้าจะได้แอบนำใส่ไว้ในมิติ”
เมื่อไม่มีผู้ใดโต้แย้งทั้งหมดจึงทำตามแผนการณ์ที่วางไว้ ไม่นานของทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ท่านแม่ตรงนั้นมีร้านผ้าไปกันเถอะเจ้าค่ะ” ลู่ซือชี้ให้แม่ดู ทั้งหมดจึงได้ข้ามถนนไปยังร้านผ้าที่ว่า
“รับอะไรดีเจ้าคะ” ลูกจ้างในร้านแม้ปากจะพูดต้อนรับอย่างดีแต่สายกลับมองครอบครัวแซ่ลู่อย่างอย่างดูถูก
“ข้ามาซื้อผ้า”
“นี่เป็นผ้าเนื้อหยาบระดับล่างสุดที่ร้านเรามี พับละ 220 อีแปะ ร้านเราไม่มีแบ่งขายนะ ถ้าหากต้องการซื้อต้องซื้อยกพับเท่านั้น” ลูกจ้างสาวนางนี้กล่าว สายตาเต็มด้วยความดูแคลนโดยไม่ปิดบัง
ลู่ฟางเห็นแบบนั้นก็แทบจะจูงมือลูกสาวลูกชายออกจากร้านไปด้วยความอับอาย
“พวกข้าไม่ได้ต้องการผ้าระดับนี้” ลู่ซือมองผ้าตรงหน้าแล้วส่ายหัว เนื้อผ้าหยาบขนาดนี้หากนางใส่คงได้บาดเนื้อจนแดงแน่ ๆ
“ผ้าถูกกว่านี้ไม่มีแล้วเจ้าค่ะ พวกท่านลองไปดูที่ร้านอื่นเถิด”
ลู่ซือเมินคำพูดของหญิงตรงหน้าแล้วเดินไปดูผ้าผืนงามที่อยู่ไม่ไกล
“ผืนนี้ราคาเท่าใด”
“ผ้าพับนึงราคาแพงมาก”
หญิงคนนี้มองลู่ซือราวกับตัวน่ารำคาญ คำพูดจึงกลายเป็นกึ่งตะคอกและห้วนสั้น นางหันไปมองหน้าลู่ฟางอย่างตำหนิเป็นทำนองให้ดูแลบุตรของตนให้ดีอย่าได้มาก่อกวนเวลาทำงานของนาง
“ข้าไม่ได้อยากรู้ว่าแพงหรือไม่แพงข้าอยากรู้ว่าราคาเท่าใด”
ลู่ซือเองก็เริ่มจะหมดความอดทนกับคนแบบนี้แล้วเช่นกัน
“มีอะไรกันหรือป่าวเจ้าคะ” เจ้าของร้านที่อยู่บริเวณนั้นพอดี รีบเดินเข้าถาม พลางส่งสายตาดุร้ายมองไปทางลูกจ้างนางนั้น
“เถ้าแก่เนี้ยคือว่า...”
“เจ้าไม่ต้องอยู่ตรงนี้แล้ว ตรงนี้ข้าดูแลเอง จะไปไหนก็ไป ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะอบรมนางทีหลังให้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” เจ้าของร้านค่อมกายขอโทษแทนด้วยความรู้สึกผิด
“ผ้าพับนี้เท่าไรเจ้าคะ” ลูซือเลิกสนใจคนนิสัยไม่ดีแล้วหันมาสนใจผ้าตรงหน้าต่อ
“นี่เป็นผ้าชั้นดีเจ้าค่ะ เนื้อผ้านิ่มกำลังดี พับละ 2 ตำลึงเงิน 220 อีแปะ” ลู่ซือพยักหน้าพอใจ เนื้อผ้าดีเช่นนี้ไม่นับว่าแพงจนเกินไป
“ท่านแม่ลองจับดูเจ้าค่ะ”
“นิ่มจริง ๆ แต่มันจะแพงไม่ไปหรือ”
“ไม่แพงไปหรอกเจ้าค่ะฮูหยิน ผ้า 1 พับตัดได้ทั้งชุดคลุมด้านนอกและชุดใส่ด้านในเลยนะเจ้าคะ”
“แล้วถ้าเป็นชุดสำเร็จเนื้อผ้าแบบนี้มีหรือไม่เจ้าคะ”
“มีแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเอาชุดสำเร็จรูปสำหรับตัวข้า ท่านแม่ น้องชายข้า 2 คนนี้ พี่ชายข้าตรงนั้นด้วย คนละ 1 ชุด อ่อข้าเกือบลืม พี่ชายข้าเพิ่มเป็น 2 ชุดเจ้าค่ะ” หากรอท่านแม่ตัดชุดใช้ลู่ซือคงต้องรออีกหลายวัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีกับผิวของตัวเอง
“อาเหมย เจ้ามาวัดขนาดคุณชายน้อย 3 ท่านนี้ให้ข้าเร็ว” เถ้าแก่เนี้ยหันไปตะโกนเรียกลูกจ้างที่อยู่ไม่ไกล
“ของผู้ชายข้าขอสีเข้ม ๆ หน่อยนะเจ้าคะ คละ ๆ สีมาได้เลย ท่านแม่ ท่านมีสีที่ถูกใจอยากได้เป็นพิเศษหรือไม่”
“สีอะไรก็ได้ลูก ที่ไม่เอาที่สีสันสดใสมาก”
“เอาตามนี้เลยนะเจ้าคะ ส่วนข้าสีอะไรก็ได้ท่านสุ่มเลือกให้ข้าได้เลย”
“ได้เจ้าค่ะ”
“แล้วชุดสำเร็จที่ตัดจากผ้าชั้นรองจากนี้ล่ะเจ้าคะ”
“มีเช่นกันเจ้าค่ะ”
“ข้าขอแบบเดิมเลย” เถ้าแก่เนี้ยยิ้มอย่างมีความสุข ลูกค้าของนางครอบครัวนี้กระเป๋าหนักและไม่เรื่องมากเลยสักนิด
“ข้ายังอยากได้ผ้าอีก ท่านแม่ เลือกผ้าชั้นดีกับชั้นรองไปอย่างละ 6 พับนะเจ้าคะ เผื่อตัดชุดใหม่ให้พวกข้า” ลู่ซือหันไปบอกแม่ของตน
“เถ้าแก่เนี้ย ร้านท่านมีหมอนที่นอนผ้าห่มขายหรือไม่”
“มีสิ มีแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ข้าเอาอย่างละ 6 ชุด”
เถ้าแก่เนี้ยเจ้าของร้านทำงานอย่างรวดเร็วนางไม่นานของทุกอย่างก็มากองอยู่ตรงหน้าลู่ซือ
“พี่รองมีของ ๆ ของข้าหรือไม่ขอรับ” ลู่จื้อมองของใหม่ตรงด้วยความตื่นเต้นไม่ต่างจากลู่ชิง
“มีของทุก ๆ คนเลย”
“เย้ ข้าจะมีชุดใหม่แล้ว” ลู่ชิงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ลู่ฟางและลู่เสียนก็มองข้าวของตรงหน้าด้วยแววตายินดี
“ทั้งหมดเท่าไหร่เจ้าคะ”
“4 ตำลึงทอง 2 ตำลึงเงิน 800 อีแปะเจ้าค่ะ แต่ข้าลดให้เหลือ 4 ตำลึงทอง 2 ตำลึงเงิน”
เป็นลู่ซืออีกเช่นเคยที่ยื่นเงินตำลึงส่งให้เจ้าของร้าน ลู่ฟางได้แต่มองเงินไหลออกจากกระเป๋าลูกสาวราวกับสายน้ำด้วยความเศร้าโศก ใยลูกสาวของนางถึงได้ใช้เงินเก่งนัก
ด้วยข้าวของที่เยอะเกินไป ลู่ซือจึงใช้วิธีการเดียวกับตอนร้านแป้ง ไม่นานของทั้งหมดก็ลงไปนอนอยู่ในก้นมิติ
“ท่านแม่ น้องรองข้าขอแยกเดินตรงนี้ แล้วอีกครึ่งชั่วยามไปเจอกันที่โรงหมอได้หรือไม่” ลู่เสียนเอ่ยถามมารดาและน้องสาว
“พี่ใหญ่จะไปที่ใดหรือเจ้าคะ” ลู่ซือถามกลับอย่างสงสัย
“ข้าอยากไปที่ร้านตำรากับร้านเครื่องเขียนสักหน่อย” ลู่เสียนเห็นว่าร้านตำราอยู่ไม่ไกลจากโรงหมอจึงอยากจะลองไปดู
“ได้สิลูก” ลู่ฟางเอ่ยอนุญาต
“ข้ากับน้องขอไปกับพี่ใหญ่ด้วยได้หรือไม่ขอรับ” ลู่จื้อกับลู่ชิงเองก็อยากไปเดินดูที่ร้านขายเครื่องเขียน พวกเขาอยากเห็นแท่นฝนหมึกและพู่กันของจริงกับตาสักครั้ง
“ได้สิ” ลู่เสียนยินดีนักหากน้อง ๆ จะตามเขาไปด้วย
“พี่ใหญ่ นี่ 5 ตำลึงเงิน หากน้องสามกับน้องสี่อยากได้อะไร ก็ซื้อให้เถิด” ลู่ซือเชื่อว่าของที่เด็กชายทั้งอยากได้ต้องเป็นของที่มีประโยชน์อย่างแน่นอน
“ดูแลน้องดี ๆ ล่ะอาเสียน”
“ขอรับท่านแม่”
“ท่านแม่มีสิ่งใดอยากได้อีกหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่มีแล้วล่ะแค่นี้ก็เยอะแล้ว” ลู่ซือพยักหน้า จากนั้นทั้งคู่จึงพากันเดินลัดเลาะไปทั่ว จนลู่ซือไปสะดุดตาเข้ากับร้านขายเมล็ดพันธุ์พืชที่ค่อนข้างเงียบเหงาในตรอกข้างหน้า
“ท่านแม่ข้าอยากไปที่ร้านนั้น” ลูซือชี้และออกเดินนำมารดา
“ท่านแม่นั่งพักตรงนี้ได้เลยนะเจ้าคะ ข้าขอเข้าไปสักครู่”
ลู่ซือให้มารดานั่งรอที่เก้าอี้หน้าร้านแล้วตัวเองเข้าไปด้านใน
“คุณหนูรับอะไรดีขอรับ”
“ที่นี่มีเมล็ดพันธุ์พืชแบบใดขายบ้างเจ้าคะ”
“มีหลายอย่างเลยล่ะ ไม่ว่าจะเมล็ดผัก ผลไม้ สมุนไพร สมุนไพรธาตุร้านข้าก็มีนะ”
ลู่ซือรู้สึกสนใจสมุนไพรธาตุ ในโลกก่อนที่นางจากมาก็มีสมุนไพรธาตุเช่นกัน
“สมุนไพรธาตุหรือ มีต้นอะไรบ้างเจ้าคะ”
“แต่มีไม่เยอะหรอกแม่หนู ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้พลังก็ปลูกไม่ขึ้น หากปลูกแล้วต้นไม้เปลี่ยนสี ก็ไม่คุ้มค่าอีก พอปลูกยาก ราคาก็เลยแพงมากเช่นเดียวกัน”
เถ้าแก่อธิบาย ลู่ซือเอง ก็เข้าใจดีการปลูกสมุนไพรธาตุนั้น ต้องใช้ความพิธีพิถีนเป็นพิเศษ เพราะสมุนไพรเหล่านี้กินพลังธาตุเป็นอาหาร ผู้ปลูกจะต้องแผ่พลังธาตุให้สมุนไพรดูดซึมอยู่ตลอดระยะเวลาในการปลูกตั้งแต่ยังเป็นเมล็ดจนถึงต้นโตเต็มวัยพร้อมเก็บเกี่ยว
แต่หากเลี้ยงด้วยน้ำและปุ๋ยธรรมดาสีของต้นจะไม่เปลี่ยน ความบริสุทธิ์ของสมุนไพรก็จะลดลงเหลือเพียง 4/10 ส่วนเท่านั้น
“ที่ร้านข้ามีเพียง หยาดโลหิต ทรัพย์ปฐพี จ้าววายุ”
สมุนไพรที่เถ้าแก่เอ่ยออกมา ลู่ซือรู้จักสมุนไพรเหล่านี้ทั้งหมด เพราะชื่อที่ใช้เรียกเหมือนกับสมุนไพรในโลกของเดิมไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่ต้นเดียว
“ไม่มีสมุนไพรธาตุน้ำหรือเจ้าคะ”
“อ่า เหมือนจะมีอยู่ ขอข้าดูสักครู่ เจอแล้วล่ะ เป็น ลมหายใจมัจฉา!”
ลมหายใจมัจฉางั้นหรือ สมุนไพรระดับสูงเสียด้วย
“ทั้งหมดมีเยอะหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้ามี อย่างละ 2 เหลี่ยง เท่านั้น”
“ข้าเอาทั้งหมดเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่เมื่อได้ยินก็ดีใจ สมุนไพรธาตุเหล่านี้ตั้งแต่รับมายังไม่เคยขายออกไปได้ ที่เมืองชายแดนห่างไกลเช่นนี้จะมีผู้ฝึกพลัง ขั้นแรกสร้าง ที่ปลูกพืชได้สักกี่คนเชียวล่ะ
“เจ้าจะไม่ถามราคาก่อนหรือแม่หนู”
“ไม่เจ้าค่ะ เถ้าแก่ขายให้เท่าไหร่ข้าก็จ่ายเท่านั้น”
“ได้ ๆ ข้าจะห่อให้ทั้งหมด”
“เถ้าแก่ ข้าขอเมล็ด คะน้า ผักบุ้ง แตงกวา กวางตุ้ง ด้วยนะเจ้าคะ เอามาอย่างละ 2 จิน แค่นี้แหละเจ้าค่ะ คิดเงินได้เลย”
ลู่ซือตั้งใจไว้แล้วนางจะปลูกผักขาย ที่ชายแดนแห่งนี้ผักแพงพอ ๆ กับเนื้อ หากปลูกผักขายได้คงมีเงินเข้าบ้านเป็นกอบเป็นกำแน่นอน
ส่วนสมุนไพรที่ซื้อไพรขอกลับไปคิดก่อนว่าจะปลูกอย่างไรให้ไม่เสียความบริสุทธ์แม้แต่ส่วนเดียว
“หยาดโลหิตเหลี่ยงละ 1 ตำลึงเงิน จ้าววายุ เหลี่ยงละ 2 ตำลึงเงิน 450 อีแปะ ทรัพย์ปฐพี เหลี่ยงละ 1 ตำลึงเงิน 200 อีแปะ ลมหายใจมัจฉา เหลี่ยงละ 5 ตำลึงเงิน ส่วนผักธรรมดา คะน้า กับ กวางตุ้ง จินละ 15 อีแปะ ผักบุ้ง จินละ 13 อีแปะ แตงกวา จินละ 18 อีแปะ รวมทั้งหมดเป็นเงิน 1 ตำลึงทอง 9 ตำลึงเงิน 422 อีแปะ”
“นี่เจ้าค่ะ” ลู่ซือยื่นเงินให้
