บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 วางแผนซื้อบ้าน

จางซิ่วอิงเดินออกมาจากร้านขายผ้าด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ภายในกระเป๋าผ้ามีสัญญาการค้าที่พึ่งเซ็นไป โดยหลังจากนี้เธอจำต้องนำกิ๊บติดผมในมิติออกมารอไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมส่งให้กับพี่สาวเยว่ทุกเจ็ดวัน

ระหว่างทางเดินไปขึ้นเกวียนหญิงสาวเดินผ่านสำนักงานขายที่ดินพอดีพอคำนวนเวลาที่เหลือแล้วคิดว่าพอมีเวลาอยู่นิดหน่อยกว่าเกวียนรอบหน้าจะออก จึงตัดสินใจเข้าไปติดต่อสอบถามเพื่อจะได้รู้ว่าหากต้องการบ้านดี ๆ สักหลังเธอจำต้องทำงานเก็บเงินอีกเท่าไหร่

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการซื้อที่ดิน บ้าน หรือร้านค้าคะ?”พนักงานสาวที่ยืนรอต้อนรับอยู่ประตูเอ่ยทักทันทีที่จางซิ่วอิงเดินเข้ามา โดยไม่ลืมสอบถามความต้องการของลูกค้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ฉันต้องการดูราคาบ้านพร้อมที่ดินค่ะ ขอสอบถามราคาก่อนได้ไหมคะ?”เธอตั้งใจบอกเจตนาของการมาในครั้งนี้ให้กับพนักงานได้ทราบต้งแต่เนิ่น ๆ เพราะวันนี้เธอยังไม่พร้อมจะซื้อจริง ๆ เพียงแค่ต้องการสอบถามราคาไว้ก่อนเพื่อประกอบการตัดสินใจ

“แน่นอนค่ะ ทางสำนักงานของเรามีบ้านหลากหลายขนาด ไม่ทราบว่าสนใจแบบไหนคะ?”

พนักงานสาวตรงหน้ายังคงโต้ตอบกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม นั่นจึงทำให้จางซิ่วอิงรู้สึกเบาใจขึ้นมาว่าจะไม่โดนขับไล่หรือดูแคลนอย่างที่ผ่านมา

หญิงสาวนิ่งคิดถึงภาพที่วาดไว้ในอนาคต และตกลงกับตัวเองแล้วว่าที่บ้านควรมีสักสามห้องนอนกำลังดี ส่วนห้องน้ำสักสองห้องจะได้ไม่แย่งกัน หากว่าในอนาคตเธอกับสามีมีเจ้าตัวน้อยเกิดขึ้นมาจะได้ไม่ต้องต่อเติมหรือย้ายบ้านให้ยุ่งยาก หรืออีกทางหากเธอกับสามีไม่อาจไปด้วยกันได้ บ้านหลังนี้ก็ยังคงเป็นทรัพย์สินของเธอที่สามารถปล่อยให้เช่าได้ในอนาคต

“ฉันต้องการบ้านขนาดสามห้องนอนค่ะ ห้องน้ำหากมีสักสองห้องด้วยก็จะดีมาก แล้วก็ขอพื้นที่รอบบ้านสักหน่อยแบบนี้พอมีไหมคะ?”

“บ้านขนาดสามห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องรับแขกพร้อมที่เปล่าหน้าบ้านอีกเล็กน้อย ตั้งอยู่ภายในตรอกเดียวกันกับสำนักงานนี่เองค่ะ เดินเข้าไปราวห้าสิบเมตรก็ถึง ราคาจะอยู่ที่หนึ่งพันเจ็ดร้อยหยวนค่ะ”

พนักงานสาวบอกราคาและที่ตั้งของบ้านหลังแรกเสร็จสรรพในประโยคเดียว ก่อนจะเอ่ยถึงตัวเลือกที่สองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ส่วนบ้านอีกหลังมีสามห้องนอนเช่นกัน แต่มีหนึ่งห้องน้ำ พื้นที่รอบบ้านกว้างกว่าหลังแรก อยู่ใกล้กับโรงเรียน ราคาอยู่ที่สองพันหยวนค่ะ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวฉันไปหยิบแผนที่บ้านทั้งสองหลังมาให้คุณ”

พูดจบก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน ก่อนจะเปิดแฟ้มที่สันค่อนข้างหนา พนักงานสาวพลิกหาแผนที่อยู่เพียงไม่นานก็เดินกลับมาหาหญิงสาวพร้อมกับแผนที่บ้านทั้งสองหลัง

จางซิ่วอิงยอมรับว่าเธอเองสนใจบ้านทั้งสองหลังนี้เป็นอย่างมาก เพราะตั้งใจแต่แรกว่าอยากได้บ้านในย่านนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าบ้านจะอยู่ในทำเลที่ดีมากทีเดียว ในอนาคตหากเธอมีลูกกับสามีบ้านหลังที่สองก็ไม่ใช่ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรอกหรือ พลันหญิงสาวคิดขึ้นได้ว่าเธอนึกถึงการมีลูกเป็นครั้งที่สองของวันก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะกระแอมครั้งหนึ่งแล้วกันมาพูดคุยกับพนักงานตรงหน้าต่อ

“ฉันสนใจขนาดสามห้องนอนหนึ่งห้องน้ำนะคะ แต่คงต้องปรึกษาคนที่บ้านก่อน อย่างไรฉันจะรีบกลับมาซื้อบ้านหลังนี้ให้ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

จางซิ่วอิงตอบกลับยิ้ม ๆ โดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณพนักงานคนนี้ที่ให้ข้อมูลเธอได้เป็นอย่างดีโดยไม่มีท่าทีรำคาญแม้แต่น้อย

“ไม่เป็นไรค่ะ เอาตามที่คุณลูกค้าสะดวกได้เลย”พนักงานสาวยังคงตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ถึงอย่างไรเงินมากมายขนาดนี้คงไม่มีใครที่พกติดตัวไปไหนมาไหนอยู่แล้วเธอเข้าใจดี และส่วนใหญ่เมื่อมาถามแล้วก็เงียบหายไป เธอจึงตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดแม้สุดท้ายแล้วเธอจะยังขายไม่ได้ก็ตามที

เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนพร้อมแผนที่บ้านในมือเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาจากสำนักงาน จากนั้นจึงตรงไปยังจุดที่จอดเกวียนซึ่งเป็นเวลาที่กะไว้พอดิบพอดี เพราะเมื่อจางซิ่วอิงเดินไปถึงเพียงไม่นานก็ได้เวลาออกจากจุดจอด

ระหว่างทางหญิงสาวสังเกตเห็นสายตาเคลือบแคลงใจจากเพื่อนร่วมทางได้อย่างชัดเจน ก็แน่ล่ะสิจะมีหญิงสาวที่ไหนขยันเข้าตัวอำเภอได้ทุกวี่ทุกวันอย่างเธอกัน นี่คงไม่ใช่ไปปล่อยข่าวลือให้เธอเสียหายหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะจัดการขั้นเด็ดขาดกับคนพวกนี้อย่างแน่นอน

เมื่อเกวียนเข้ามาในหมู่บ้าน หญิงสาวจึงจ่ายเงินค่าโดยสารทันทีแล้วเดินออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจคนรอบข้าง จางซิ่วอิงยังคงเดินเท้ากลับบ้านอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในบ้านเสียงน้ำย่อยในกระเพาะนั้นก็เริ่มทำงานในทันที นี่ก็เลยมื้อเที่ยงมาสักพักแล้ว คิดได้ดังนั้นจึงเดินเข้าไปทำอาหารสองอย่างในครัวและอุ่นข้าวขาวที่หุงไว้เมื่อเช้าและนั่งทานเงียบ ๆ

เธอรู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อยหลังจากทะลุมิติเข้ามาก็ทำนั่นนี่ไม่หยุดหย่อน พลันเมื่อทานอาหารเที่ยงจนอิ่มแล้วจึงล้างจานและเก็บเข้าที่ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อนอนกลางวันสักหน่อย ไหน ๆ วันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรต้องทำต่อแล้ว

หญิงสาวตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายคล้อย จึงคิดว่าจะทำความสะอาดห้องครัวอีกสักหน่อยค่อยทานมื้อเย็น แต่ทว่ายังไม่ทันก้าวขาเข้ามาในห้องครัวก็มีเสียงเรียกที่หน้าบ้านดังขึ้น

“จางซิ่วอิง จางซิ่วอิง! เธออยู่บ้านหรือเปล่า?”

จางซิ่วอิงแอบมองผ่านรูตรงขอบประตูก็พบเข้ากับร่างของชายหญิงคู่หนึ่ง เมื่อค้นในความทรงจำก็รู้ว่าเขาคือลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยา ทั้งสองมีสีหน้าไม่สู้ดี พลันลางสังหรณ์ของจางซิ่วอิงก็ทำงานทันที เธอรู้สึกว่ากำลังมีเรื่องไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธออย่างแน่นอน

หญิงสาวเปิดประตูออกไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง แม้ในใจจะวูบโหวงอย่างไม่ทราบสาเหตุก็ตามที จางซิ่วอิงยังคงรักษาสีหน้าไม่ให้ตื่นตระหนกไปตามทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี

“พี่ชายโจว พี่สะไภ้ มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”หญิงสาวพยักหน้าทำความเคารพคนทั้งสอง ก่อนจะถามออกไปด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อมไม่น้อย เนื่องด้วยคนบ้านนี้ไม่เคยทำเรื่องลำบากใจให้เธอสักครั้ง แม้จะไม่ได้สุงสิงกันแต่ก็นับว่าเป็นคนดีอยู่บ้าง

“สามีเธอกลับมาแล้วนะ ตอนนี้อยู่ที่บ้านใหญ่ แต่ว่า…”เป็นว่านเจียหลินที่พูดขึ้นทันที่เจ้าของบ้านเดินออกมา เพราะสามีอย่างโจวเหยียนนั้นชักช้าจนเกินไป เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้นั้นรอไม่ได้อีกแล้วจึงต้องรีบพาหญิงตรงหน้าไปให้เร็วที่สุด

ท่าทางร้อนใจของสองสามีภรรยาทำเอาคิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันปม ก่อนจะถามกลับไปอย่างนึกแปลกใจ

“สามีเหรอคะ? ทำไมถึง…”ล่าสุดก่อนที่เขาจะกลับเข้าค่าย จางซิ่วอิงจำได้ดีว่าเขาจะกลับมาอีกครั้งในสามเดือนข้างหน้า ซึ่งจากความทรงจำคิดว่าเธอไม่น่าจะจำคำพูดสามีผิดไปอย่างแน่นอน แต่หากเขากลับมาตอนนี้แปลว่ามีบางอย่างผิดปกติ คิดมาถึงตรงนี้พลันในใจก็รู้สึกหวั่นเกรงบางอย่างขึ้นมา

“อย่าพึ่งถามเลย ไปกับฉันก่อนเถอะเดี๋ยวก็รู้”โจวเหวินพูดขึ้นบ้าง ตอนนี้พ่อของเขาอยู่จัดการเรื่องที่บ้านใหญ่หยาง เขาเองก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ยืดเยื้อไปกว่านี้อีกจึงกล่าวตัดบท

“ได้ค่ะ”หญิงสาวตอบรับเพียงเท่านั้น ก่อนจะหันมาปิดประตูและรั้วบ้านเก่า ๆ ในทีแรกคิดว่าจะไม่ตื่นตระหนก แต่เรื่องนี้มันผิดปกติเกินไปจนเธอไม่อาจวางเฉยได้อีกแล้ว

ทันทีที่จางซิ่วอิงเดินมาถึงบริเวณหน้าบ้านหยางซึ่งตอนนี้มีชาวบ้านหลายสิบคนกำลังมุงดูบางอย่าง ในขณะนั้นก็มีเสียงเอะอะโวยวายคละเคล้ากับเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจของใครบางคนที่เธอก็เดาไม่ออก

โจวเหยียนใช้ความได้เปรียบเรื่องรูปร่างที่สูงใหญ่แหวกกำแพงผู้คนเข้าไปในวงล้อมโดยมือหนาก็จับจูงข้อมือของภรรยาเอาไว้ และว่านเจียหลินเองก็จูงมือจางซิ่วอิงต่ออีกทอดหนึ่ง

และหลังจากที่ฝ่าเข้ามากลางวงล้อมได้สำเร็จดวงตาคู่เรียวพลันหยุดชะงักอยู่ที่ขายาวที่พันผ้าพันแผลสีขาวไว้หนาแน่นจากข้อเท้าจนเลยขึ้นมาเหนือหัวเข่า สายตาเลื่อนขึ้นไปอีกนิดจนปะทะเข้ากับนัยน์ตาคมกริบที่คุ้นเคย

ร่างบางพลันทรุดลงในทันที ดวงตาคู่สวยร้อนผ่าวก่อนจะมีม่านน้ำตาเอ่อคลอจนไหลอาบแก้มในที่สุด “คุณ ฮึก! ซีห่าว”

นอกจากเขาจะชื่อแซ่เดียวกับคนรักของเธอในชาติที่แล้ว หน้าตาหรือแม้แต่รูปร่างก็ราวกับคน ๆ เดียวกันไม่มีผิด ฉะนั้นสายตาที่เธอมองสามีจึงเต็มไปด้วยความคิดถึงผสมปนเปกับความรู้สึกผิดที่กัดกินอยู่ในใจมาตลอดที่ติดตัวมาจากชาติที่แล้ว เธอรู้สึกผิดต่อเขาเหลือเกิน

“ภรรยา คือ…ผม”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel