บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 พรข้อที่สอง

ระหว่างที่ลมหนาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนเก่าผุพัง ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอในทีแรกเริ่มติดขัดรุนแรงขึ้นเพราะความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นภายใต้ความฝันอันยาวนาน

เปลือกตาบางปิดแน่น คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามกรอบหน้ารูปไข่ ภาพในความฝันที่ยาวนานราวกับกำลังถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของใครบางคนให้เธอได้รับรู้…

ในความฝันลมหนาวเห็นวิถีชีวิตของเด็กสาวที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับแกะ แม้ในตอนเด็กเธอจะยังคงรูปลักษณ์ของเด็กชาย แต่ผิวพรรณและใบหน้าหวานที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีนั้นไม่ได้ทำให้เธอแตกต่างจากเด็กผู้หญิงมากนัก

ภาพในฝันการแต่งกายย้อนยุคและสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่คุ้นตา ราวกับว่านั่นเป็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของตนเองอย่างไรอย่างนั้น

หญิงสาวเฝ้ามองเหตุการณ์ต่าง ๆ ในความฝันอย่างตั้งใจ ภาพตรงหน้าฉายชัดเป็นฉาก ๆ ราวกับกำลังอยู่ในโรงภาพยนตร์ มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายถูกถ่ายทอดออกมา มันชัดเจนเสียจนเธออดคิดไม่ได้ว่านี่อาจจะเป็นตัวเธอเอง แต่จะเป็นไปได้อย่างไร ความรู้สึกนึกคิดในฝันนั้นขัดแย้งกันไปมาจนยุ่งเหยิง

ร่างบางกระสับกระส่ายอยู่นานในที่สุดเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหนื่อยหอบ ภายในหัวใจบีบรัดเข้าหากันจนปวดหนึบ เสียงของเด็กสาวคนนั้นที่พูดขึ้นก่อนเธอจะตื่นทำให้เธอพอจะเข้าใจเรื่องราวบางอย่างได้บ้างแล้ว

‘ฉันฝากชีวิตที่เหลือไว้กับเธอนะ ลาก่อน…’

นั่นคือเสียงสุดท้ายของ จางซิ่วอิง ซึ่งก็คือชื่อเจ้าของร่างนี้ ซึ่งก่อนที่เธอจะเข้ามาอยู่ในร่างของจางซิ่วอิง เธอคนนี้นอนป่วยอยู่ในบ้านหลังเล็กแห่งนี้เพียงลำพัง เพราะร่างกายอ่อนแอค่อนไปทางขาดสารอาหาร เมื่อป่วยไข้จึงทนพิษไข้ไม่ไหว สิ้นใจตายไปทั้งที่อายุยังน้อย

ครุ่นคิดสิ่งต่าง ๆ เพียงลำพังอย่างปลดปลงไม่นานก็ทำใจได้ ดวงตาคู่เรียวทอดมองไปยังนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์กลมโตนั้นค่อย ๆ จางหายจนมองเห็นเพียงเลือนลาง ท้องฟ้าเริ่มสว่างเพราะดวงอาทิตย์เริ่มเคลื่อนมาแทนที่

ลมหนาวในร่างของหญิงสาวชนบทนามว่าจางซิ่วอิงทอดถอนหายใจยืดยาว แม้เธอจะดีใจที่ได้เกิดอีกครั้งในร่างของผู้หญิงเต็มตัว แถมยังหน้าตาสะสวยไม่แพ้เธอในยุคปัจจุบันที่จากมา แต่ก็อดสงสารจางซิ่วอิงตัวจริงไม่ได้ที่ต้องตายจากไปอย่างโดดเดี่ยว ภายในบ้านหลังเล็กท้ายหมู่บ้านที่ไร้ผู้คนเหลียวแล

และอีกสิ่งหนึ่งที่เธอหวั่นใจคือ ที่นี่คือประเทศจีนในยุค 1984 แม้จะเคยศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศนี้มาบ้างแต่ก็เพียงผิวเผิน เธอที่เป็นคนไทยแท้จะใช้ชีวิตให้รอดอย่างไรต่อไป พลันคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าได้รูปก็เคร่งเครียดขึ้นมา

หากจำไม่ผิดช่วงเวลานี้หลายอย่างนั้นคลี่คลายไปพอสมควร ประชาชนส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยกเว้นเสียแต่ครอบครัวของชาวนาที่การฟื้นฟูภายในเวลาไม่กี่ปีคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก ซึ่งคนแถบชนบทมักจะได้รับสวัสดิการจากรัฐในลำดับท้ายสุดเลยก็ว่าได้

นับเป็นความโชคดีของจางซิ่วอิงที่เกิดมาในครอบครัวชนชั้นแรงงาน พ่อทำงานในโรงงานยาสูบ ส่วนแม่ของเธอเสียไปตั้งแต่เธออายุเพียงห้าขวบ หลังจากนั้นเจ็ดปีพ่อก็แต่งงานใหม่กับแม่หม้ายลูกติดซึ่งเธอคนนั้นคือรักแรกของพ่อ

พ่อของจางซิ่วอิงนั้นหลงภรรยาใหม่ของเขาจนละเลยลูกสาวในไส้เพียงคนเดียว เจ้าของร่างเดิมทำงานรองมือรองเท้าสองแม่ลูกนั่นอยู่หลายปี จนในที่สุดตอนอายุสิบหกแม่เลี้ยงก็จับเธอแต่งงานกับลูกชายบ้านสามของตระกูลหยาง

ซึ่งสำหรับหยางซีห่าวพ่อแม่ของเขาป่วยตายจากโรคระบาด ทิ้งเขาไว้ให้อยู่เพียงลำพังโดยปู่กับย่ารับเลี้ยง แต่ชีวิตของหยางซีห่าวหลังจากสิ้นผู้เป็นปู่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะย่าไม่ชอบพ่อของเขา กอปรกับแม่ของเขาก็เป็นสะไภ้ที่ท่านไม่เต็มใจให้แต่งเข้ามาเลยพาลให้เกลียดขี้หน้าของลูกชายเพียงคนเดียวไปด้วย

หลังจากวันแต่งงานเพียงไม่กี่วันทางบ้านจางก็ทำหนังสือตัดขาดจากจางซิ่วอิงโดยจงใจไม่ให้เธอกลับไปที่นั่นอีกชั่วชีวิต คงจะกลัวว่าเธอจะกลับไปเป็นภาระอีกน่ะสิ แต่เดิมร่างนี้ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก มักจะเจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ อยู่เป็นประจำ และนี่คงเป็นสิ่งที่แม่เลี้ยงเธอกังวลจนต้องรีบตัดขาดหญิงขี้โรคอย่างเธอโดยเร็วที่สุด

ส่วนสามีเธอแม้จะแต่งงานกันโดยไร้รัก ทว่าชีวิตหลังแต่งงานก็ไม่ได้ย่ำแย่เสียทีเดียว หยางซีห่าวนั้นแม้จะเฉยชาแต่สิ่งที่สามีควรปฎิบัติในฐานะหัวหน้าครอบครัวเขาก็ทำได้เป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่เรื่องอย่างว่า

แต่จนแล้วจนรอดแต่งงานกันมาร่วมปีก็ยังไม่มีเจ้าหัวผักกาดน้อยออกมา จางซิ่วอิงจึงถูกชาวบ้านนินทาว่าเป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ ซึ่งทำให้หญิงสาวเองรู้สึกอับอายจนเก็บตัวอยู่เพียงในบ้าน หลีกเลี่ยงการพบเจอผู้คนโดยสิ้นเชิง

ทางบ้านใหญ่ของสามีก็ไม่น้อยหน้า เมื่อลูกชายที่ลูกชังทิ้งไว้ให้นั้นได้แต่งงานกับหญิงสาวขี้โรคประจำหมู่บ้านมีหรือจะนิ่งดูดาย เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากแต่งงานหยางซีห่าวก็ได้รับหนังสือแยกบ้าน โดยให้ทั้งคู่ไปอยู่บ้านหลังเล็กท้ายหมู่บ้านที่มีสภาพไม่ต่างจากบ้านผีสิง

หลังจากแยกบ้านมาค่าใช้จ่ายที่เพียงแค่ทำงานในแปลงนาก็ไม่เพียงพอ หยางซีห่าวต้องหาเลี้ยงภรรยาและไหนจะต้องส่งเข้าบ้านใหญ่เพื่อแสดงความกตัญญู หยางซีห่าวจึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมกองทัพซึ่งตำแหน่งที่ได้รับก็คงไม่พ้นพลทหารชั้นผู้น้อย

เขาเข้าร่วมกองทัพโดยทิ้งภรรยาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง แต่จางซิ่วอิงก็ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด แม้จะอยู่ร่วมบ้านแต่ความห่างเหินระหว่างคนของทั้งคู่ก็คงไม่ต่างจากแยกกันอยู่ ฉะนั้นสามีจะอยู่หรือไม่อยู่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร

กลับมาที่ปัจจุบันร่างบางสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ สองสามครั้ง เอาล่ะ! คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วลมหนาว เธอจะอยู่แบบสามีไม่รัก ร่างกายอ่อนแอค่อนไปทางขาดสารอาหาร แถมยังอดอยากแร้นแค้นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด

ดวงตาคู่เรียวมองสำรวจสีของท้องฟ้า เมื่อรู้สึกว่าอีกไม่นานก็สว่างแล้วหญิงสาวจัดการพับผ้าห่มจัดที่นอนให้เป็นระเบียบ ก่อนจะอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเดินออกไปนอกห้องเพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ เมื่อสำรวจมาถึงห้องน้ำจึงล้างหน้าล้างตาแปรงฟันด้วยความคุ้นเคยจนน่าแปลกใจ

จากในความทรงจำเก่าเจ้าของร่างนั้นพักอยู่ที่บ้านหลังน้อยท้ายหมู่บ้านนี้เพียงลำพังคนเดียว สามีที่เป็นทหารนั้นจะกลับบ้านอีกครั้งก็ราวอีกสองเดือนข้างหน้า ทุกเดือนเขาจะส่งเงินเดือนมาให้เธอ โดยที่จางซิ่วอิงจะเป็นคนจัดการแบ่งเงินส่วนนี้ไปให้บ้านใหญ่ของสามีเพื่อแสดงความกตัญญู อีกส่วนที่เหลือไม่มากนักก็เก็บไว้สำหรับประทังชีวิตระหว่างเฝ้ารอเงินจากเดือนถัดไป

จางซิ่วอิงไม่ได้มีอาชีพอย่างสาวยุคสองพันที่เธอจากมา แต่ละวันเธอทำเพียงดูแลแปลงผักเล็ก ๆ ข้างบ้าน ออกไปซื้อของในตัวอำเภอบ้าง จากนั้นก็กลับมาเข้าบ้าน ใช้ชีวิตจำเจเช่นนี้อยู่เพียงลำพังไปวัน ๆ เพื่อรอสามีกลับบ้านโดยไม่ได้สุงสิงกับใคร

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่าผุพังที่แทบจะกันลมไม่ได้ด้วยซ้ำ ตัวบ้านมีเพียงหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องครัว มีโถงกลางรับแขกพื้นที่ไม่มากนัก ห้องน้ำนั้นอยู่แยกออกจากตัวบ้านแต่ก็ไม่ได้ไกลกันมาก หญิงสาวเดินลัดเลาะไปข้างบ้าน ในยามนี้แสงสว่างของเช้าวันใหม่ทำให้เธอมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

บริเวณนอกตัวบ้านมีพื้นที่ไม่มากนัก ล้อมด้วยรั้วไม้ผุพังที่คาดว่าหากเตะแรง ๆ เพียงครั้งเดียวคงพังครืนลงมา แปลงผักที่สามารถเก็บกินได้ในตอนนี้พอดี จางซิ่วอิงตรงไปยังผักกาดขาวหัวใหญ่ ก่อนจะเก็บมันเพื่อนำไปทำอาหารเช้าทาน

ต้องอิ่มท้อง…สมองจะได้ทำงานเต็มที่

นี่คือสิ่งที่เธอคิดได้ในตอนนี้ หญิงสาวเดินกลับเข้ามาในตัวบ้านมุ่งหน้าไปยังห้องครัวขนาดเล็ก เมื่อกวาดตามองสำรวจแล้วก็พบว่ามันแทบไม่มีอะไรเลย ข้าวสารที่มีอยู่เพียงก้นถัง แป้งหยาบอีกเล็กน้อย ไม่มีเนื้อ มีเพียงไข่ไก่หนึ่งฟองที่วางอยู่ในตู้อย่างโดดเดี่ยว เครื่องปรุงรสที่มีเพียงแค่เกลือไม่กี่หยิบมือ และน้ำมันติดก้นขวดเพียงเล็กน้อย

ยิ่งมองยิ่งรู้สึกปวดใจ เธอคิดถึงเครื่องปรุงมากมายที่สามารถรังสรรอาหารรสเลิศให้เธอได้ในโลกที่จากมา

นี่ฉันต้องกินอาหารจืด ๆ มัน ๆ อยู่ที่นี่ต่อไปน่ะหรือ?

กล่าวตัดพ้อกับตัวเองเสียงเบา ก่อนจะเดินเอาหัวผักกาดไปล้างทำความสะอาดเพื่อทำผัดผักกาดใส่ไข่ง่าย ๆ เป็นมื้อเช้า ทว่าระหว่างกำลังใช้มือค่อย ๆ ล้างดินออกทีละนิด นัยน์ตาเรียวก็เบิกกว้างราวกับคิดสิ่งใดออกมาอย่างกะทันหัน

‘พรข้อที่สองหนูขอห้างสรรพสินค้ายุค 2024 แบบจัดเต็มค่ะคุณยาย’

พลันสิ้นเสียงหวานใสสายลมเย็นก็พัดมาปะทะกับใบหน้าของเธออย่างจังราวกับคนที่เธอนึกถึงนั้นรับรู้แล้ว ก่อนจะรู้สึกเย็นที่ข้อมือข้างซ้าย

กำไลหยกเนื้อดีชิ้นนี้อยู่บนข้อมือเธอตั้งแต่ตอนไหนกัน…

ความเย็นของมันทำให้มือเรียวอดสัมผัสมันไม่ได้ ทันทีที่ปลายนิ้วแตะลงบนผิวของหยก หญิงสาวเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ และสิ่งที่เห็นตรงหน้าทำเอาจางซิ่วอิงถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจสุดขีด นัยน์ตาใสกระจ่างมองสิ่งตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น

ที่นี่คือห้างสรรพสินค้าที่เธอขอ…เธอได้มันมาแล้ว ทั้งที่ในใจก็อดตั้งคำถามกับตัวตนของคุณยายใจดีไม่ได้ ทว่าเมื่อคำนึงถึงสถานการณ์ตอนนี้ เธอจึงทำได้เพียงกล่าวขอบคุณไปตามสายลมเย็นสบายที่พัดผ่าน

นัยน์ตาสีน้ำหมึกมองสำรวจสินค้ามากมายตรงหน้าที่ถูกจัดเรียงในแบบของยุคที่เธอจากมา ทุกสิ่งที่ที่นั่นมีในกำไลหยกวงนี้ล้วนมีมันทั้งสิ้น

หญิงสาวจากโลกอนาคตเดินตรงไปยังโซนเครื่องปรุงรส ก่อนจะเลือกหยิบออกมาทีละอย่างพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างจนตาหยี เมื่อได้เครื่องปรุงที่ต้องการหญิงสาวจึงเลือกหยิบเนื้อและผักสดอีกจำนวนหนึ่งแล้วหลับตาลง เพียงชั่วอึดใจเธอก็ยืนอยู่ในห้องครัวของบ้านหลังน้อยเรียบร้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel