
บทย่อ
มื่อความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องแกล้งความจำเสื่อม เธอหนีจาก พ่อเลี้ยงขี้เมา ชี้ยาเพื่อความอยู่รอด มันทำให้เธอต้องตัดสินใจทำอะไรบ้างอย่างและนั่นคือที่มาของการว่าจ้างทำงานอย่างลับๆ ให้กับพี่ชายฝาแฝดของเขา คือทำเรื่องอย่างว่ากับร่างที่นอนแนนิ่งนิทรา โดยการมีอะไรกับร่างกายที่เหมือนร่างไร้วิญญาณแต่ใจเจ้ากรรมโชคชะตากลับเหมือนกลั่นแกล้งเมื่ออยู่ดีๆ เธอก็ต้องตกเป็นทาสบำเรอของพวกเขาทั้งคู่ วิญญาณออกจากร่างและก็มาเข้าฝืนหญิงสาว ซึ่งไม่ใช่ฝืนธรรมดา อิอิ ไอ้คนว่าจ้างดันอยากลองเคลมสินค้า กินดู กินแซ่บ ที่มีเนื้อหาไม่ได้มีแค่ฉาก xx อย่างเดียวเพื่อให้เนื้อเรื่องดูมีมิติขึ้นมากกว่าเดิม
Ep1 เธอ
ร่างโปร่งแสงกำลังเดินทอดน่องอย่างคนไม่มีจุดหมายปลายทาง จู่ๆ เขาดันกลายมาเป็นเจ้าชายนิทรา ซ้ำร้ายวิญญาณยังออกจากร่าง
กับร่างระหงของอีกคนที่โดนพ่อเลี้ยงรังแกจนต้องระหกระเหินออกจากบ้านอย่างคนไม่มีเป้าหมาย รมิตา อครกานต์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าที่กำลังเข้าสู่ช่วงเบญจเพศ เธอกลายเป็นหญิงสาวเร่ร่อน ก็งานที่เจ้าหล่อนกำลังจะได้แต่ดันถูกแคนเซิ่นไปเสียก่อน ก็จะเพราะใครล่ะ ก็ไอ้พ่อเลี้ยงดนัยนั่นไง มันบีบให้เธอจนตรอกจนต้องหนีออกจากบ้าน เหตุตั้งแต่ที่แม่ของเธอเสียชีวิต การใช้ชีวิตแบบลูกเลี้ยงที่หวิดถูกไอ้ดนัยมันทำร้ายก็หลายต่อหลายครั้ง และครั้งนี้มันทำให้เธอต้องระเหเร่ร่อนหนีออกมา
ด้วยความหน้าตาดีจึงเป็นภัยแก่หญิงสาว แต่แล้วก็มีเสียงๆ หนึ่งเดินเหยียบอะไรสักอย่างจนเธอถึงกับงสะดุ้งโหยง
“อุ๊ย!! ผะผะ…. ผีหลอก!!”
มาซะโปร่งแสงเสียขนาดนั้นไม่ใช่ผีแล้วจะเป็นอะไร
“อื้อ….” คนตัวสูงที่พยายามตอบและยังปล่อยให้อีกคนยืนเหวอ ก่อนเขาจะเอ่ยกับเธออีกว่า “ชู่วววส์ … เธอจะเงียบได้รึยัง อยากให้คนอื่นมองว่าบ้ารึยังไง”
เมื่อเห็นว่าผีหนุ่มทั้งพูดได้ซ้ำร้ายเขายังจับต้องเนื้อตัวของเจ้าหล่อนได้อีก มันยิ่งทำให้เธอแทบคลั่ง
“กรี๊ดดดดดด ผะ ผี หลอกกก ….”
…
…
บ้านอชิราวฤทธิ์
…
ร่างน้อยที่กำลังจะฟื้นคืนสติ หญิงสาวผมสีดำขลับกับรูปร่างสมส่วน ถ้าเทียบกับหญิงไทยแล้ว เธอจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ออกไปค่อนข้างตัวสูง เพราะส่วนสูงของเธอนั้นราวๆ 165 เห็นจะได้ ทันทีที่หญิงสาวค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมากลับพบว่าที่นี่มันคือห้องอะไรสักอย่าง รมิตาหันซ้ายชำเลืองขวา ที่นี่มันช่างดูสวยหรูสะกดตาเสียจริง แต่แล้วเธอก็ต้องร้องเสียงหลงอีกครั้ง เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าดันเป็นเจ้าผีตนนั้นอีกแล้ว
“ผี!! นี่นาย…นายอีกแล้ว นายอย่ามาหลอกมาหลอนฉันเลยนะ เดี๋ยวฉันจะทำบุญกรวดน้ำไปให้”
หญิงสาวที่เอาแต่บ่นร้องว่าเขาเป็นผี บุรุษตัวสูงกว่า192 มีสีหน้ามึนงงกับสิ่งที่เจ้าหล่อนพูด และเขาก็พยายามจะอธิบายกับคนตรงหน้า
“ผมไม่ใช่ผี” จากนั้นเขาก็ไปสัมผัสที่เนื้อตัวของเธอเพื่อจะได้ยืนยันกับหญิงสาวว่าเขามีเลือดเนื้อจริงๆ “คุณดูสิ จับดู … ตัวผมยังอุ่นๆ อยู่ใช่มั้ย”
รมิตาถึงกับช้อนหน้าเงยขึ้นไปมองเขา แม้ว่าเธอจะสูงถึง 165 แต่ถ้าเทียบกับคนตรงหน้าแล้ว เขายังสูงกว่าเธอมากอยู่ดี หญิงสาวแอบแปลกใจกับผีตนนี้อยู่ไม่น้อย ก็ก่อนหน้าเขายังมีผมอีกสีนึงนี่นา นี่ผีสมัยนี้มันเปลี่ยนสีผมให้ตัวเองได้ขนาดนั้นเลยหรือไงนะ
“ว่าไงคุณ!! เห็นแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่ใช่ผี”
ไคล์น คราวิทศ์ อชิราวฤทธิ์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาลี่ ถึงกับย้ำถามกับหญิงสาวอีกครั้ง และครั้งนี้นี่เองมันทำให้คนที่กำลังสิ้นไร้ไม้ตรอกนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา
‘ถ้าจำเป็นจะต้องแกล้งความจำเสื่อมก็ไม่น่าจะมีอะไร ไหนๆ แกก็ไม่มีที่ไปแล้วนะมิตา เพื่อนก็ไม่มี ญาติที่มีก็พึ่งพาไม่ได้ งั้นเอาตามนั้นแล้วกัน’
“นาย … นายไม่ทิ้งฉันไปแล้วใช่มั้ย อะซิกๆ”
แล้วบทหญิงสาวเจ้าน้ำตาก็ได้เริ่มขึ้น
“นายบ้าบออะไรของเธอ ผมไคล์น แล้วนี่คุณโอเครึเปล่า บ้านอยู่ไหนผมจะให้คนไปส่ง? ”
พ่อหนุ่มผมแดงกะเอาไว้แล้วว่าถ้าเธอฟื้นขึ้นมาก็จะพาไปส่งที่บ้าน แต่ตอนนั้นมันเกิดเรื่องไม่คาดฝันเมื่อจู่ๆ เจ้าหล่อนเล่นเป็นลมล้มฟุบไปต่อหน้าต่อตาเขา และช่วงนั้นมันบ่ายแก่ๆ แดดก็ยังร้อนจัดๆ จะให้เมินเฉยมันก็คงจะดูใจจืดใจดำเกินไป คนที่คิดอะไรไม่ออกจึงพาเธอมาพักที่บ้านเสียก่อน
แต่แล้วเจ้าหล่อนก็แกล้งตีเนียนบอกเขาไปอีกว่า…
“กลับไปไหน ก็ที่นี่ไงบ้านของมิตา”
‘ให้ตายเหอะ อย่าบอกนะว่าตอนที่เธล้มลงแล้วหัวฟาดพื้นจนความจำเสื่อม… ความจำเสื่อมเนี่ยนะ!!’
ร่างสูงกว่า 192 เริ่มหัวเสียและก็เริ่มเดินเข้าไปใกล้ๆ หญิงสาวอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้มองคนตัวเล็กอย่างเต็มลูกตา จะว่าไปเธอก็สวยเอาเรื่องไม่เบาเหมือนกัน ตากลมโตเปล่งประกาย สันจมูกรับกับริมฝีปากหยักบางได้รูปสอดคล้องเข้ากับใบหน้าวงรีเรียวสวย แต่ด้วยสัญชาตญาณ มันทำให้เขาหลุบสายตามองต่ำไปมากกว่านั้น ก็หน้าอกหน้าใจก็ใจย่อย
พลึ่บ!!!
หญิงสาวรีบยกมือขึ้นมากอดอกอย่างทันควัน ก่อนจะมองค้อนเขาไปหนึ่งที ทว่าครั้งนี้คนหน้าหล่อตัวสูงก็เหมือนจะรู้ทัน เขาจึงพูดกับเธอไปว่า
“ก็กลับไปบ้านอีกหลังของเราไงครับยาหยี นี่หนูเป็นเมียพี่ อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้วจริงๆ”
‘ซวยแล้วมั้ยล่ะยัยมิตาเอ้ย ใครจะไปรู้ว่าอิตานี่จะแก้เผ็ดเราแบบนี้ แต่ก็เอาวะ ยังไงคืนนี้ต้องได้ที่ซุกหัวนอนให้ได้ซะก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน’
“มิตาจำไม่ได้ว่าบ้านอีกหลังของเราอยู่ไหน”
ตอนนี้คนตัวสูงก็เอาแต่แอบยิ้มที่มุมปาก
‘ชื่อมิตาอย่างนั้นหรอ คนความจำเสื่อมจำชื่อตัวเองได้ด้วย’
“พี่ยิ้มอะไรคะ”
“อ้อ เปล่าครับ พี่ชื่อไคล์น ไม่รู้ว่าแฟนของพี่ยังจำชื่อนี้อยู่ได้มั้ยน้าาา”
“เอ่อ…..”
“งั้นไม่เป็นไร เอาเป็นว่าพี่ชื่อไคล์น และมิตาก็คือผู้หญิงของพี่ ฉะนั้นแล้วพี่พูดหรือบอกอะไรจะต้องเชื่อฟังกันเข้าใจมั้ยครับ”
เธออึกอักอยู่พักหนึ่งก่อนจะตอบ
“อื้อ …. ค่ะ เข้าใจ”
ก็แค่นั้น … ชายหนุ่มครุ่นคิด
‘ตามน้ำไปก่อนนะยัยมิตา ตามน้ำไปก่อน ขอแค่คืนนี้มีที่ซุกหัวนอนก่อนแล้วกันนะ’
“งั้นก็กลับบ้านเรากัน”
“ค่ะ”
เขายังคงตีเนียนเล่นตามน้ำต่อ คราวิทศ์ พาหญิงสาวไปด้านนอกตัวบ้านเพื่อขึ้นรถและขับมันไปยังบ้านอีกหลังที่อยู่ไม่ไกลกันนัก คราวิทศ์ อาศัยอยู่กับพี่ชายฝาแฝดของเขาอีกคน คนที่นอนเป็นผักปลามานานกว่าหกเดือนเห็นจะได้ คุณหมอบอกว่าถ้าหาก คีรากร นอนเป็นผักปลาไปนานกว่านี้โอกาสที่จะลุกขึ้นมามันก็น้อยลงไปด้วย อีกอย่างร่างกายของคีรากรก็อาจจะใช้งานได้ไม่เป็นปกติ แม้ว่าเขาเคยจ้างพยาบาลหรือกระทั่งผู้หญิงที่รับงานอย่างว่าให้มาทำให้พี่ชายเพียงคนเดียวของเขาฟื้นขึ้นมา ด้วยการให้พวกหล่อนมีเซ็กซ์กับคนที่กำลังหลับไหล
แต่แล้วทุกอย่างกลับล้มเหลว ทั้งๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันมาอย่างนั้น จู่ๆ เจ้าสมองส่วนหน้าของเขาก็ฉุดคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา หรือจะลองกับแม่นี่ดี ก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนิ่ อีกอย่างถ้าหากเธอไม่มีที่ไปจริงๆ เขาก็น่าจะเสนอเงื่อนไขให้หล่อนได้ แน่นอนว่าเขาดูออกแต่แรกแล้วว่าหญิงสาวโกหก แต่จะโกหกเพื่ออะไรนั้นเขากลับไม่ทราบได้
จนกระทั่งคนทั้งคู่มาถึง …
คฤหาสน์ อชิราวฤทธิ์
……
‘แม่เจ้า!! ใหญ่กว่าหลังเมื่อกี้อีก’
หญิงสาวใจเต้นตึกตักพลางพูดกับตัวเอง
“นี่บ้านของเรา คุ้นมั้ย”
เสียงทุ้มเข้มเอ่ยอย่างอ่อนโยนมันทำให้รมิตาอดที่จะหันชำเลืองมองเขาอย่างอดเสียไม่ได้ ใจเจ้ากรรมมันกลับยิ่นเต้นแรงถี่ๆ
‘เป็นบ้าอะไรไปนะ’
ด้วยความที่ขาดพ่อมาตั้งแต่เด็กๆ ซ้ำร้ายเธอยังไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นแม่ ดังนั้นแล้ว การที่เธอมาเจอชายหนุ่มหน้าตาดีที่ท่าทางดูอบอุ่นเช่นนี้ แถมดูแล้วที่บ้านเขาน่าจะอบอุ่นอยู่ไม่น้อย เธอเจอเขาพูดดีด้วยหน่อยก็พลอยแต่ใจจะยวบวาบ รมิตา ไม่เคยรู้จักกับความรัก แม้กระทั่งความอบอุ่นของคำว่าบ้านเธอก็ไม่เคย
“บ้าน … ของเราหรือคะ!!”
หญิงสาวเอ่ยคำว่าบ้านลากยาว
“ใช่ นี่คือบ้านของเรา และหนูก็มีสามีสองคนด้วยนะ”
คำพูดนี้มันทำให้หญิงสาวถึงกับอ้าปากค้างเบิกตากว้าง
“สามีสองคน!!”
‘บ้าไปแล้ว นี่นายจะเล่นพิเรนท์อะไรของนายเนี่ยไอ้ผมแดง’
แต่แล้วบุรถษตัวสูงผมสีแดงจึงเล่าต่ออีกว่า
“ก็หนูมีหน้าที่ให้ความสุขพี่ และก็ทำให้เจ้าคีย์มันตื่น”
ก็ไหนๆ เธอก็แกล้งความจำเสื่อมอยู่แล้วนี่ จะแกล้งต่อมันจะเป็นอะไรไป
“พี่คีย์เขาทำไมหรือคะ?”
‘ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถามออกไปเลยละกัน’
“ก็คีย์ยังคงสลบเป็นเจ้าชายนิทรา หนูมีหน้าที่ทำให้มันตื่น หรือทำยังไงก็ได้ให้คีย์มันฟื้นขึ้นมา อย่าบอกน๊าว่าลืมหน้าที่นี้ไปแล้ว อ้อ อีกอย่างวันนี้เรามีนัดเซ็นต์เอกสารกันด้วยนะ”
‘เซ็นต์เอกสารหรอ เอกสารอะไร!!’
หญิงสาวเริ่มมีท่าทีอึกอัก ดังนั้นแล้ว ไคล์น คราวิทศ์ จึงเลือกที่จะพูดก่อน
“เอาล่ะ เลิกเล่นได้แล้ว ผมเหนื่อยแสดงละครแล้ว มาเข้าเรื่องกันเถอะ”
….
….
‘นี่เขารู้แต่แรกแล้วหรอเนี่ยว่าเราแกล้งความจำเสื่อม’
