บท
ตั้งค่า

บทที่1 ร้านตำรา

บทที่1 ร้านตำรา

หานจินอี้นี้นั่งขัดสมาธิอยู่ที่เตียงแล้วลองเพ่งสมาธิรวบรวมพลังวิญญาณเข้าร่างก็ปรากฏทว่าก็ไม่สามารถทำได้ จนทำให้เจ้าตัวถึงกลับกระอักเลือดคำโตออกมา นางลองมาเช่นนี้มาหลายวันแล้วผลก็ยังเป็นเช่นเดิน

จากนั้นหานจินอี้จึงลองเพ่งสมาธิสำรวจรากปราณของเจ้าของร่างเดิมก็พบว่ารากปราณถูกทำลายอีกทั้งร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป

บนโลกใบนี้ผู้ที่ไม่มีพลังวิญญาณนับว่าเป็นคนไร้ค่าอย่างแท้จริง ยิ่งผู้ที่เกิดมาในตระกูลใหญ่เช่นร่างนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ทั้งโดนผู้คนนอกดูแคลนเย้ยหยันและคนโดนในรังแกกลั่นแกล้ง ผู้เป็นมารดาก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกต่างหาก นางไม่รู้เลยว่าเจ้าของร่างนี้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความโหดร้ายมาได้เช่นไร 

พอมาตอนนี้กลับเป็นกรรมของนางโดยแท้จะเกิดใหม่ทั้งทีแทนที่จะในที่ที่ดีกว่านี้แท้ๆเป็นเวรกรรมอะไรของนางนักหนา ชาติที่แล้วก็ปรารถนาอยากบิดามารดาเหมือนกับเด็กคนอื่นเขาแต่กลับไม่มี พอมาเกิดใหม่มีบิดามารดาแล้วแท้ๆแต่ผู้เป็นบิดามารดากลับไม่สนใจ สวรรค์...เล่นตลกอะไรกับชีวิตนางอีก!

      " คุณหนู.... " จู่ๆรั่วหลินก็เดินเข้ามาในมือของรั่วหลินถือถุงเงินใบหนึ่งเข้ามาด้วย " คุณหนู เงินของเดือนนี้ถูกส่งมาแล้วเจ้าค่ะ " 

เมื่อหานจินอี้ได้ยินว่าเงินก็ตาเป็นประกายขึ้นมา เงินหรือ....ข้าขอบเงินเป็นที่สุด " เอามาให้ข้าดูหน่อย "

รั่วหลินจ้องมองนายของตนอย่างไม่เข้าใจ ตั้งแต่ที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อนก็มีท่าทางก็แปลกไปจากเดิม คุณหนูของตนพอฟื้นขึ้นมาก็ถามแต่เรื่องพลังวิญญาณทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยถามเลยสักครั้ง ไหนจะท่าทางที่ไม่เหมือนคนสติไม่ดีนั้นอีก

หานจินอี้เห็นว่ารั่วหลินจ้องมองตนอย่างไม่วางตาก็เอ่ยย้ำขึ้น " เงินล่ะ เอามาให้ข้าดูหน่อย "

รั่วหลินจึงยื่นถุงเงินให้กับผู้เป็นนาย เมื่อหานจินอี้ได้ถุงเงินแล้วก็เงินลงบนเตียงก่อนจะเริ่มนับเหรียญเงินที่อยู่ตรงหน้า พอนับเสร็จแล้วก็เงยหน้าถามรั่วหลินที่ยืนอยู่ " มีแค่สามสิบเหรียญทองเองหรือ "

        " เจ้าค่ะ ปกตินายหญิงส่งมาแค่ยี่สิบเหรียญทองเองนะเจ้าค่ะ แต่เดือนนี้นายหญิงบอกว่าคุณหนูไม่สบายเลยส่งมาเพิ่มสิบเหรียญทองเจ้าคะ " รั่วหลินอธิบาย

อะไรนะ!....เดือนแค่ยี่สิบเหรียญทองเองหรือ! หานจินอี้ร้องตะโกนอยู่ในใจ เงินแค่สามสิบเหรียญทองจะทำอะไรได้แค่ซื้อแก่นอสูรระดับต่ำยังไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอสถรามปราณเลยยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ จะรังแกกันเกินไปแล้ว!

 รั่วหลินเห็นผู้เป็นนางของตนประเดี๋ยวก็ขมวดคิ้วประเดี๋ยวก็มีท่าทางโมโหจึงเอ่ยอธิบายต่อ " คุณหนู นายหญิงเคยบอกว่าคุณหนูไม่มีพลังวิญญาณใช่แค่นี้พอเจ้าคะ อีกอย่างเรือนหลันฮวาก็มีแค่คุณหนูกับบ่าวอยู่กันแค่สองคนนายหญิงบอกว่าไม่ได้ใช้จ่ายสิ่งใดมาก " 

เมื่อหานจินอี้ได้ยินที่รั่วหลินพึ่งกล่าวก็กลอกตาไปมา มารดามันเถอะ!....เงินแค่นี้แม้แต่ซื้อตำราเสริมทักษะดีๆยังซื้อไม่ได้เลย มารดาเจ้าของร่างนี้ทำเกินไปแล้ว " รั่วหลินมาช่วยข้าเปลี่ยนชุดที ข้าจะออกไปข้างนอก "

รั่วหลินได้ยินคุณหนูของตนจะออกไปข้างนอกดวงตากลมโตของนางก็พลันเบิกกว้างขึ้น ร้อยวันพันปีคุณหนูไม่เคยคิดที่จะออกไปนอกจวนเลยสักครั้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูของนางกัน!

หานจินอี้เห็นรั่วหลินยังยืนอึ้งอยู่ก็ไม่ได้สนใจจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปหลังฉากกั้นเผื่อไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เอง พอรั่วหลินได้สติแล้วก็รีบเดินเข้าไปช่วยผู้เป็นนายผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่

เมื่อเสร็จแล้วหานจินอี้ก็เก็บเงินที่กระจัดกระจายอยู่เต็มที่นอน จากนั้นนางก็ทบทวนความทรงจำของร่างเดิมว่าซ่อนเงินไว้ที่ไหนบ้างแล้วก็นำเงินออกมา เงินที่เจ้าร่างเดินซ่อนไว้มีอยู่สามสิบเหรียญทอง มันเป็นเงินที่เจ้าของร่างเดิมซ่อนไว้มาหลายปี ถ้านับร่วมกับเงินที่พึ่งได้มาก็เป็นหกสิบเหรียญทองพอดี

รั่วหลินมองนายของตนดังคนแปลกหน้า นี่...หรือว่าคุณหนูของนางหายจากการอาการสติไม่ดีแล้วงั้นหรือ ยิ่งได้เห็นนายของตนตรวจนับเงินก็ยิ่งตกตะลึง 

       " เสร็จแล้ว...เราไปกันเถอะ " เมื่อหานจินอี้เก็บเหรียญเงินใส่ถุงเงินเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาเอ่ยกับรั่วหลินที่อยู่นิ่งอยู่ด้านหลังก่อนจะเดินออกไป

รั่วหลินที่พึ่งได้สติก็รีบตามนายของตนไปทันที ก็พบว่าผู้เป็นนายเดินไปทางประตูใหญ่ก็ฉุดรั้งมือเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้น " คุณหนู ข้าว่าพวกเราออกไปทางประตูหลังเถอะเจ้าค่ะ ถ้าคุณชายสี่เห็นเข้าจะต้องแย่วเงินไปจากคุณหนูแน่เลยเจ้าค่ะ "

หานจินอี้ได้ยินก็ครุ่นคิดตามที่สาวใช้คนสนิทกล่าวอยู่สักพักก็พยักอย่างเห็นด้วย พี่ชายคนที่สี่ผู้นี่ชอบแย่งเงินเจ้าของร่างเดิมอยู่เป็นประจำเป็นเหตุให้นางต้องซุกซ่อนเงินไว้ คนผู้นี้ถือว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลเลยก็ว่าได้ อายุแค่สิบห้าปีก็อยู่ในระดับจิตวิญญาณสามดาราแล้ว ตอนนี้นางยอมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหลีกเลี่ยงได้ก็ย่อมดีที่สุด คอยดูเถอะ....รากปราณกลับมาสมบูรณ์เมื่อไรนางจะแก้แค้นให้ครบต้นครบดอกเลย จู่ๆรังสีอำมหิตก็แผ่นกระจายออกมาจากร่างของหานจินอี้อย่างไม่รู้ตัว แม้กระทั่งรั่วหลินก็ยังอดรู้สึกเสียวสันหลังอย่างไม่รู้ตัว

จากนั้นทั้งสองคนก็เปลี่ยนเส้นทางเดินไปทางประตูด้านหลังจวน เมื่อทั้งสองออกทางประตูหลังหลังก็ตรงไปยังถนนสายหลักของเมืองลั่วชินที่เป็นเมืองหลวงของดินแดนชิงหลง โดยมีรั่วหลินคอยนำทาง ที่แรกที่หานจินอี้ไปคือร้านขายตำรา

พอนางสอบถามราคาตำราที่ต้องการหานจินอี้ก็แทบทรุดลงกับพื้น ตำราพื้นฐานเล่มหนึ่งตั้งสิบห้าเหรียญทองแพงเกินไปแล้ว แต่พอนางวางตำราลงที่เดิมเสี่ยวเอ้อร์ของร้านก็มีท่าทางดูแคลนพวกนางทั้งสองและยังไล่พวกนางออกจากร้านอีกด้วย และพอทั้งสองเดินเข้าไปอีกร้านหนึ่งผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม 

ทั้งสองทำเช่นนี้อยู่หลายร้านผลก็เป็นดังสองร้านเเรก จนทั้งสองเดินจนเหนื่อยรั่วหลินจึงเอ่ยขึ้นมา " คุณหนู พวกเราไปหาที่กินข้าวเที่ยงกันเถอะเจ้าค่ะ "

เมื่อหานจินอี้นี้ได้ยินว่าข้าวเที่ยงท้องน้อยของนางก็พลันร้องขึ้นมา จากนั้นทั้งสองก็เเวะร้านบะหมี่ข้างทางแล้วสั่งบะหมี่เนื้อมาสองชามมากิน พอทั้งสองรู้ถึงราคาของบะหมี่เนื้อก็เเทบกลืนไม่ลง ให้ตายเถอะ!.....ขนาดบะหมี่เนื้อธรรมดาก็สามเหรียญเงินแล้ว ในเมื่อหลวงนี้อะไรก็แพงไปหมดเลยหรือ! 

พอทั้งสองกินเสร็จก็ลองถามเถ้าแก่ร้านบะหมี่ว่ามีร้านหนังสือเก่าๆอยู่หรือไม่ ก็ปรากฏว่ามีอยู่ร้านหนึ่งตั้งอยู่ที่ตรอกชิงหยูไม่ไกลมาก รั่วหลินจึงนำทางนายของตนตรงไปตรอกชิงหยูตามที่เถ้าแก่ร้ายบะหมี่บอก

ไม่นานทั้งสองก็มาหยุดที่ร้านตำราเก่า.....แก่แม้กระทั่งป้ายชื่อร้านยังพุงพังจนจะหล่นแหล่มิหล่นแหล่ หานจินอี้จึงยืนอยู่ตรงหน้าร้านเป็นนานกว่าจะตัดสินใจเข้าไปในร้านขายตำราแห่งนี้ เมื่อหานจินอี้กับรั่วหลินเข้าไปด้านในแล้วก็พบกับชายชราผมขาวผู้หนึ่งกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าโยก 

 ชายชราผมขาวได้ยินเสียวความเคลื่อนไหวก็พลันเอ่ยขึ้นโดยไม่ลืมตา " เเม่นางน้อยทั้งสอง ต้องการสิ่งใดก็เข้าไปเลือกดูเอาเลย " 

รั่วหลินที่เห็นท่าทางไม่น่าไว้ใจของชายชราผู้นั้นก็ยื่นมือไปกระตุกชายเสื้อของหานจินอี้ " คุณหนู "

หานจินอี้ทราบความหมายของคนสนิทของตนดี จึงตบหลังมือของรั่วหลินเบาๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูงมือรั่วหลินให้เดินเข้าไปค้นหาตำราที่อยู่บนชั้นวางด้านพอกับตน " รั่วหลินเจ้ามีธาตุอะไรแล้วตอนนี้อยู่ในระดับไหน "

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel