บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 จับกบ

เช้าวันต่อมาเซวียนซานหลางตื่นแต่เช้าและเดินทางไปร่วมประชุมยามเช้าที่วังหลวงพร้อมกับบิดาของเขา เซวียนชินอ๋องนั้นเดิมทีเป็นพวกไม่เอาไหน นอกจากร่ายบทกวี ร่ำสุราและชื่นชมสาวงามแล้วเขาก็ไม่มีความสามารถอื่นใดอีก แตกลับให้กำเนิดบุตรชายที่เพรียบพร้อมเช่นเซวียนซานหลางออกมา

เดิมทีความสามารถเหล่านี้ เซวียนซานหลางล้วนได้มาจากมรรดาทั้งสิ้น ท่านแม่ของเขาเป็นถึงบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ หลังจากท่านแม่ตายไป ท่านตาก็ล้มป่วย เพราะท่านเป็นบุตรสาวคนเดียว เมื่อท่านตาและท่านแม่สิ้นอำนาจทางการทหารทั้งหมดจึงตกมาอยู่ในมือของเขาทั้งหมด ท่านตาเป็นคนสั่งสอนวรยุทธ์ให้เขา หลายปีมานี้ เซวียนซานหลางรบทัพจับศึกอยู่ชายแดน มีความดีความชอบไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นที่รักใครของฮ่องเต้ในวังหลวงเป็นอย่างมาก

การประชุมยามเช้าไม่ได้มีเรื่องสำคัญใดมากนัก นอกจากเรื่องปากท้องของราษฎร ช่วงนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิอากาศค่อนข้างเย็นสบาย

เซวียนซานหลางมักชอบสวมใส่ชุดสีขาวและสีดำเพียงเท่านั้น เขาก็ไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นอีก มีครั้งหนึ่งเซวียนชินอ๋องถามบุตรชายว่าเพราะเหตุใดจึงไม่สวมเสื้อผ้าสีอื่นบ้าง แต่กลับได้คำตอบที่น่าเจ็บปวดมาแทนว่า

เพราะเซวียนซานหลางต้องการไว้ทุกข์ให้มารดาผู้น่าสงสาร!

เซวียนชินอ๋องถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก คำพูดที่บุตรชายเอ่ยกับเขาแต่ละประโยคล้วนแทงใจดำของเขาจนเขาไม่อาจหาวาจาใดมาโต้เถียงกลับ

ฮ่องเต้เซวียนจงมองเซวียนชินอ๋องน้องชายของตนด้วยแววตาที่เฉยชา เขาไม่อยากจะเสวนากับน้องชายผู้นี้เท่าใดนัก เซวียนชินอ๋องเองก็ไม่อยากจะสนทนากับพี่ชายเช่นเดียวกัน พี่ชายเขาเป็นพวกมากเรื่อง อยู่พูดคุยด้วยนานๆจะยิ่งมีแต่ถูกด่า เขาจึงขอตัวกลับจวนชินอ๋องของตนเองไปเสีย ซึ่งฮ่องเต้เซวียนจงก็ไม่คิดจะรั้ง

เมื่อเหลือกันเพียงสองลุงหลานแล้ว ฮ่องเต้เซวียนจงจึงกวักมือเรียกเซวียนซานหลางให้มานั่งด้วยกัน

เสด็จลุงของเขาผู้นี้ดีกว่าบิดาของเขาเป็นไหนๆ เสด็จป้าสะใภ้ซึ่งรั้งตำแหน่งฮองเฮาก็มีนิสัยอ่อนโยนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่สตรีในวังหลัง อีกทั้งยังมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ที่ผ่านมาเพราะมีบุตรยาก จึงต้องรั้งรอเวลา และเสด็จลุงของเขาก็ไม่มีนางสนมเลยแม้แต่คนเดียว ทรงรักมั่นต่อเสด็จป้าเป็นอย่างมาก จนเมื่อหลายปีก่อนทั้งคู่ก็ได้มีบุตรชายด้วยกันสมใจหวัง นามว่าเซวียนจิ้น อายุห้าขวบปีแล้ว การมีลูกตอนที่อายุมากแล้วทำให้เซวียนจิ้นสุขภาพไม่แข็งแรงเท่าใดนัก หมอหลวงเองก็พยายามหายาบำรุงชั้นดีมาให้เขาดื่ม อาการก็นับว่าดีขึ้นตามลำดับ

"อาซาน หลายปีมานี้เพราะมีเจ้าอยู่ ต่างแคว้นจึงไม่กล้ามารุกรานต้าหลางของพวกเรา วันใดที่ลุงจากไป ก็วางใจได้แล้ว"

เมื่อได้ยินอย่างนั้นมือที่กำลังถือถ้วยชาของเซวียนซานหลางพลันชะงัก เขาเงยหน้ามามองเสด็จลุงของตน ก่อนจะเอ่ย

"อย่าทรงตรัสเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ เสด็จลุงยังแข็งแรงดี อาจิ้นยังเด็ก เสด็จลุงจะทิ้งเขาไปไม่ได้ "

ฮ่องเต้เซวียนจงเมื่อได้ฟังก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

"ลุงแก่แล้ว จะสู้แรงคนหนุ่มได้ยังไงกัน จะหวังพึงพาพ่อเจ้าหรือ หึ แค่เขาไม่ก่อเรื่องข้าก็เบาใจแล้ว อีกอย่างอาจิ้นสุขภาพไม่สู้ดี ลุงไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากเจ้า"

"เสด็จลุงอย่าทรงกังวล หมอหลวงในวังหลวงมีฝีมือล้ำเลิศ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น"

ฮ่องเต้เซวียนจงยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้

"อาซาน ไม่นานมานี้ที่หมู่บ้านถงหวาง มีชาวบ้านแอบมาร้องเรียนมาว่าเกิดคดีแปลกประหลาดขึ้น แม้แต่นายอำเภอถงหวางก็ยังปิดคดีไม่ได้ ลุงคิดว่าจะส่งเจ้าไปตรวจดูเสียหน่อย ครั้งนี้จะให้เสิ่นเหวยอัน หัวหน้าสำนักบูรพามาช่วยเจ้าสืบคดีนี้อีกแรงหนึ่ง"

เซวียนซานหลางเมื่อได้ยินก็พยักหน้ารับ ภายใต้ฝ่าเท้าของฮ่องเต้ก็ยังมีขุนนางที่คิดคดซ่อนเร้นแฝงตัวทำความชั่วเพื่อหวังผลประโยชน์อยู่ไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีหลายคดีที่อาจจะเกี่ยวพันกับขุนนางคนสำคัญในเมืองหลวง

เซวียนซานหลางอยู่สนทนากับฮ่องเต้เซวียนจงต่ออีกครู่หนึ่งก็ขอตัวกลับจวน ก่อนกลับเขายังไปพบกับเซวียนจิ้น ญาติผู้น้องของเขา เซวียนจิ้นชอบเซวียนซานหลางมาก เขาถึงกับพยายามรั้งให้ญาติผู้พี่คนนี้นอนด้วยกันในวังหลวง เซวียนซานหลางยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กน้อยและบอกว่าเขาจะมาเล่นด้วยใหม่ แม้เด็กน้อยจะมีท่าทีงอแงไปบ้าง แต่กลับยิ้มตาหยีและมอบลำไยแห้งให้เซวียนซานหลางหลายเม็ด ก่อนจะวิ่งกลับตำหนักของตนไป

เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้ว เซวียนซานหลางจึงเดินทางกลับจวนชินอ๋อง เมื่อเข้ามาถึงด้านในจวน ภาพที่เขาเห็นก็ทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วมุ่น

มันเกิดอะไรขึ้นกัน เหตุใดมู่หลานเฟินถึงเอาแต่วิ่งอยู่ในสวนพร้อมกับเซวียนเจ๋อและสาวใช้อีกสองสามคนคล้ายว่ากำลังวิ่งไล่จับบางอย่างอยู่

เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้คนเหล่านั้นจนได้ยินบทสนทนาชัดเจน

"เซวียนเจ๋อ ท่านเป็นบุรุษเหตุใดแค่กบเพียงตัวเดียวจึงจับไม่ได้เล่า ดูสิมันกระโดดหนีไปแล้ว ให้ตายเยอะ ข้าเหนื่อยแล้วนะ วันนี้คงไม่ได้กินหม้อไฟกบแล้ว!"

เซวียนซานหลาง "..."

ที่วิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายนี่คือกำลังไล่จับกบอย่างนั้นหรือ?

เมืองชนบทมักจะกินกบเป็นอาหาร แต่ในเมืองหลวงผู้คนไม่นิยมกิน เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคนกินมันเลยด้วยซ้ำ นอกจากปล่อยให้มันส่งเสียงร้องอยู่ข้างบ่อน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่านั้น

แต่มู่หลานเฟินกลับไล่จับพวกมันมากิน?

แต่ไหนแต่ไรมู่หลานเฟินมักจะทำตัวหยิ่งยโสโอหัง นางไม่เพียงวางท่าทางสง่างามตลอดเวลา แม้นางจะมาจากครอบครัวคหบดีจากนอกเมืองหลวง แต่ไม่มีทางทำเรื่องน่าอับอายเช่นการวิ่งไล่จับกบต่อหน้าคนในจวนเป็นแน่ แต่วันนี้ภาพที่เขาเห็นคือสภาพของนางดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง มือไม้เลอะเทอะ เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนดินโคลนไปหมด

เดิมทีคิดว่าหลังจากตกน้ำสมองนางคงมีปัญหาแต่ไม่คิดว่าจะเกินเยียวยาถึงเพียงนี้!

ด้านเซวียนเจ๋อก็ทิ้งกายลงนั่งบนพื้นหญ้าพลางหายใจเหนื่อยหอบ

"หรานหร่าน ข้าไม่ไหวแล้ว เจ้าปล่อยกบตัวนั้นไปไหม ให้ตายเถอะ ในเมืองหลวงไม่มีใครกินมันหรอกนะ เจ้าหาอย่างอื่นกินเถอะ ที่ภัตตาคารในเมืองหลวงมีของราคาแพงๆอร่อยๆกว่ากบพวกนี้ตั้งเยอะ"

"ไปซื้อให้สิ้นเปลืองทำไมกัน ในเมื่อที่จวนมีกบอยู่ พวกมันอร่อยมากท่านต้องลองชิมดู เหอะ คิดว่ามีเงินแล้วจะใช้จ่ายมือเติบได้ตามใจหรือ ให้นึกถึงตอนไม่มีสิ ตัวท่านเองวันวันเอาแต่เที่ยวเตร่ยังหาเงินไม่ได้กลับใช้จ่ายอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ไม่ได้เรื่องเลย ลุกขึ้นมาจับกบ โอะ! มันกระโดดไปทางนั้นแล้ว เจ้ากบมานี่เลย วันนี้เจ้าจะต้องถูกจับลงหม้อไฟให้ได้!"

เหอะ ไม่รู้จักของดีซะแล้ว ในยุคปัจจุบันกบราคาแพงมากนะจะบอกให้!

เมื่อเห็นว่าเจ้ากบตัวดีกำลังเปลี่ยนทิศทาง มู่หลานเฟินไม่รอช้า นางจับชายกระโปรงถลกขึ้นเหนือหัวเข่า ก่อนจะพุ่งเข้าไปจับกบตัวนั้นได้ทันเวลา แต่เพราะรีบร้อนเกินไปทำให้นางไม่ทันระวัง ชนเข้ากับใครบางคน เมื่อเงยหน้าไปมองก็พบว่าเป็นเซวียนซานหลางนั่นเอง

หญิงสาวสะดุ้งเฮือก ก่อนจะดีดตัวถอยออกมาจากเขา แต่กลับลืมตัวว่าตอนนี้นางกำลังจับเจ้ากบตัวอ้วนเอาไว้ในมือซ้ำยังยื่นมันไปตรงหน้าเขา เจ้ากบส่งเสียงรองอ๊บอ๊บ ก่อนจะฉี่ใส่เสื้อผ้าของเซวียนซานหลางทันที

มู่หลานเฟิน"..."

มู่หลานเฟินตกใจจนตาค้าง ให้ตายเถอะ นางไปล่วงเกินคนโหดเหี้ยมอย่างเซวียนซานหลางเข้าให้แล้ว เขาจะชักดาบขึ้นมาฟันนางให้ตายตรงนี้หรือไม่

เซวียนซานหลางกำมือแน่น พยายามระงับโทสะ

มู่หลานเฟิน พบเจอเจ้าทุกครั้งล้วนไม่เคยมีเรื่องดีเลย!

ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามาหาหญิงสาวช้าๆ มู่หลานเฟินหน้าซีดเผือดรีบถอยหลังหลบตามสัญชาตญาณอย่างระวังตัว

เดิมทีนางมีวรยุทธ์ แต่ไม่กล้านำออกมาใช้เพราะเกรงจะมีพิรุธ

"ยะ อย่าเข้ามานะ! หากท่านเข้ามาอีกแม้เพียงก้าวเดียว ข้าจะเอากบตบปากท่านแน่!"

เซวียนซานหลางยกยิ้มมุมปาก มู่หลานเฟินถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

หล่อมาก แต่อันตรายเกินไป!

นางถอยหลงจนไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ไร้หนทางหลบหนีอีก ทำได้เพียงมองเซวียนซานหลางอย่างระแวดระวัง

เมื่อเห็นว่าต้อนมู่หลานเฟินจนมุมแล้ว เซวียนซานหลางก็เอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

"จวนของข้าไม่ใช่สถานที่เที่ยวเล่น ไม่ใช่ตลาดสดให้เจ้ามาไล่จับกบได้ตามใจชอบ นับวันเจ้ายิ่งทำตัวน่ารังเกียจมากขึ้นทุกวัน น่ารังเกียจเหมือนกบตัวนี้ที่เจ้าถืออยู่"

มู่หลานเฟินที่ถูกด่าก็ถึงกับลอบซู๊ดปากในใจ ฝีปากเขาจัดจ้านเกินไปแล้ว

ในขณะที่นางกำลังจะโต้เถียงกลับ ก็พบว่าเซวียนเจ๋อพุ่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจรู้ได้ พร้อมกับยกมือปิดปากนาง และหันไปเอ่ยกับเซวียนซานหลาง

"พี่ใหญ่ หรานหร่านยังไร้เดียงสา นางก็แค่อยากทำหม้อไฟกบให้ข้าลองกินไม่ได้มีเจตนาร้าย ข้าจะพานางไปเดี๋ยวนี้ ไม่ให้อยู่ขวางหูขวางตาพี่ใหญ่อีก รีบกลับเรือนเร็วเข้า! หรานหร่าน!"

เอ่ยจบเซวียนเจ๋อก็ลากมู่หลานเฟินเดินจากไปพร้อมกันทันที เซวียนซานหลางมองดูสองคนนั้นที่ลากกันกลับเรือนอย่างทุลักทุเลไปพร้อมกบหนึ่งตัวก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมา

เหตุใดเขาจึงรู้สึกว่ามู่หลานเฟินมีบางอย่างที่ดูแปลกไป?

หรือว่านางจะคิดแผนการใหม่ขึ้นมาได้ เพราะแผนการเดิมใช้ไม่ได้ผลนางจึงแสร้งทำตัวบ้าๆบอๆเช่นนี้เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา

แต่ไม่ว่านางจะมีแผนการใด เขาก็จะไม่มีวันหลงกลนางเป็นอันขาด!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel