ตอนที่ 3 ข้อเสนอที่แสนดูถูก
ตอนที่ 3
ข้อเสนอที่แสนดูถูก
“มีงานข้างนอก เย็นนี้คุณออกไปกับผมหน่อย”
เนตรทรายรีบพยักหน้าตอบตกลงทันทีเพราะเธอรู้ว่าการทำงานล่วงเวลาที่นี่สามารถสร้างรายได้ให้กับเธอจำนวนมากจากวันนั้นที่เธอต้องอยู่เป็นเพื่อนเจ้านายจนถึงเวลาดึกนอกจากเขาจะไปส่งถึงหอพักแล้วยังโอนเงินเป็นค่าโอทีให้เธอหลายพันบาท
เมื่อถึงเวลาเลิกงานพนักงานคนอื่น ๆ เริ่มทยอยกลับเหลือเพียงแค่นี้เนตรทรายกับท่านประธานที่อยู่ชั้นบนเท่านั้นที่ยังคงทำงานอยู่
“ไปข้างนอกกับผมได้แล้วงานค่อยทำต่อพรุ่งนี้”
ผู้ช่วยเลขาอยากจะถามเหลือเกินว่าเขาจะพาเธอไปไหนแล้วงานที่ว่าคืออะไรเธอจะได้เตรียมเอกสารไปถูกแต่ท่านประธานก็ทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมานอกจากคว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินตามเขาไปที่ลานจอดรถ
“แปลกใจใช่ไหมว่าผมจะพาคุณไปไหน โอทีของคุณวันนี้ก็คือเป็นเพื่อนผมกินข้าว”
เนตรทรายหันไปมองหน้าคนขับด้วยความแปลกใจว่าที่เขานัดให้เธอมาทำธุระในช่วงเย็นด้วยแท้ที่จริงแล้วเขาแค่ต้องการหาเพื่อนกินข้าวเท่านั้นหรือ
“ได้ค่ะอะไรที่ทำแล้วได้เงินฉันพร้อมจะทำหมด”
“พูดตรงดีผมชอบแล้วจำคำพูดของตัวเองไว้ด้วยนะไม่ใช่สักแต่พูดให้ดูดีแต่สุดท้ายแล้วทำไม่ได้”
ธันวาเปลี่ยนสีหน้าจากดูผ่อนคลายตลอดการออกมาจากบริษัทเป็นสีหน้าที่เอาจริงอีกครั้งก่อนที่เขาจะเลี้ยวรถไปยังร้านอาหารที่บรรยากาศร่มรื่นผู้คนไม่มากนัก
“คุณจะกินอะไรไหม”
“สั่งเถอะค่ะ ฉันไม่เคยมากินร้านอาหารแบบนี้ถึงดูเมนูไปก็คงไม่รู้ว่าจะกินอะไร”
ธันวาเผลอยิ้มมุมปากที่ได้เห็นอีกครั้งว่าหญิงสาวที่เขากำลังจะตัดสินใจเลือกให้มาเป็นภรรยาในนามพูดตรงและจริงใจไม่เสแสร้งแบบผู้หญิงทั่วไปที่พยายามเข้ามาหาเขา
“ปกติแล้วคุณเป็นคนพูดตรงแบบนี้หรือเพิ่งจะมาเป็นกับผม”
“ฉันเป็นแบบนี้มาตลอดค่ะแล้วก็คงเพราะเป็นแบบนี้ด้วยจึงมีเพื่อนไม่มากนักแต่ทุกวันนี้ก็ภูมิใจนะคะที่ทุกคนที่ยังอยู่ในชีวิตก็ล้วนแต่เป็นคนที่เข้าใจและคอยช่วยเหลือฉันทุกอย่าง”
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟธันวาพยายามชวนเนตรทรายคุย เพื่อให้เขารู้จักนิสัยใจคอเธอมากกว่านี้และจากบทสนทนาที่เขาพยายามหาข้อมูลจากเธอมันก็เป็นประโยชน์อย่างมากยิ่งธันวาได้พูดคุยกับผู้ช่วยเลขาเขายิ่งมันใจว่าตัดสินใจเลือกผู้หญิงถูกคน
“กินเยอะๆนะ ผมชอบมาร้านนี้บรรยากาศดีคนน้อย อาหารอร่อยถึงจะราคาแพงหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้ม”
เนตรทรายได้แต่ก้มหน้าก้มตากินเธอชิมอาหารทุกจานท่าทางของเธอไม่มีความอายอยู่ในนั้นซึ่งปกติแล้วธันวาจะเห็นผู้หญิงส่วนมากที่มากินอาหารกับผู้ชายจะแสดงท่าทางที่ดูไม่เป็นธรรมชาติยิ่งอาหารอะไรที่กินยากผู้หญิงเรานั้นก็มักจะไม่ยอมกินตรงข้ามกับเนตรทรายที่ทำเหมือนว่าเธอกับเขารู้จักกันมานานแล้ว
“บ้านของเธอจำนองไว้เท่าไหร่”
หญิงสาวที่กำลังจะตักแกงส้มเข้าปากถึงกับต้องรีบวางช้อนและหันมามองหน้าเจ้านายด้วยความตกใจที่อยู่ดีๆเขาก็พูดความลับที่เธอไม่เคยบอกใครนอกจากเพ็ญจิรา
“คุณถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมคะ”
“ผมถามว่าเท่าไหร่” ชายหนุ่มตะคอกเสียงสูงกลับเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังไม่พอใจ
“ สองล้านบาทค่ะ”
เนตรทรายตอบกลับด้วยเสียงตะกุกตะกักเธอทั้งกลัวและรู้สึกโกรธที่ชายหนุ่มมาบังคับเอาข้อมูลนี้จากเธอทั้งที่เธอตั้งใจว่าจะไม่บอกใครและแอบน้อยใจเพ็ญจิราที่เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เจ้านายของเธอฟัง
“ถ้ามีคนเสนอเงินค่ารักษาพ่อคุณและไถ่บ้านคืนให้เพื่อแลกกับอะไรบางอย่างคุณยินดีจะทำไหม”
ธันวาเข้าเรื่องทันทีเขาพูดตรงประเด็นไม่อ้อมค้อมเพราะคิดว่าเนตรทรายก็คงต้องการฟังอะไรตรงๆแบบนี้
“มันก็ขึ้นอยู่ว่าข้อเสนอนั้นคืออะไรแต่ถ้ามันแลกมาด้วยชีวิตของพ่อและบ้านถ้ามันไม่เลวร้ายมากนักฉันก็คิดว่าฉันยินดีจะทํา”
เนตรทรายวางสองมือลงข้างลำตัวเธอมองหน้าคนถามเพื่อหวังว่าเขาจะพูดอะไรต่อเพราะเธอเองก็อ่านใจธันวาไม่ออกว่าที่เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต้องการจะช่วยเหลือเธอหรือกำลังคิดดูถูกอะไรเธอกันแน่
“ผมมีอะไรบางอย่างต้องการให้คุณช่วยเเหลือเพื่อแลกกับเงินค่ารักษาพ่อคุณและบ้านที่คุณจะได้มันกลับมาโดยที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาทแต่ถ้าผมพูดข้อเสนอนี้จนหมดคุณห้ามถามอะไรทั้งสิ้นมีสิทธิ์แค่ตอบว่าตกลงหรือไม่ตกลงเท่านั้น”
ท่านประธานบริษัทที่ถึงแม้จะดูเคร่งขรึมแต่ก็มี ความอ่อนโยนซ่อนอยู่ในนั้น วันนี้เขากลับแปรเปลี่ยนเป็นคนที่ดูจริงจังสายตาของเขาจับจ้องมายังคู่สนทนาตรงหน้าเหมือนต้องการจะบังคับให้หญิงสาวตอบตกลงตามที่เขาต้องการ
“ในเมื่อคุณอุตส่าห์พาฉันมากินข้าวในวันนี้เพื่อขอร้องอะไรบางอย่างฉันในฐานะที่เป็นลูกน้องก็พร้อมจะรับฟังและทำตามที่คุณบอกส่วนที่จะตอบตกลงไหมก็คงแล้วแต่ว่าข้อเสนอมันจะน่าสนใจหรือไม่ควรที่จะเสี่ยง”
เนตรทรายถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกกลัวกับข้อเสนอของ ท่านประธานแต่ก็ยังคงทำท่าไม่เกรงกลัวอะไรยังคงปะทะฝีปากอย่างเต็มที่ทั้งที่หัวใจของเธอตอนนี้มันหวั่นไหวไปหมดเพราะทั้งกลัวและแอบกังวลกับข้อเสนอที่ชายหนุ่มจะพูดออกมากลัวเหลือเกินว่าผู้ชายตรงหน้าที่เธอเคยมองว่าเขาเป็นคนดีแท้ที่จริงเขาทำดีกับเธอเพื่อประโยชน์อะไรบางอย่าง
“ผมต้องการให้คุณจดทะเบียนสมรสเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายและทันทีที่คุณมีลูกผมจะคืนอิสระให้กับคุณและทันทีที่คุณจรดปลายปากกาลงบนทะเบียนสมรสบ้านจะกลับมาเป็นชื่อของคุณทันทีส่วนค่ารักษาพยาบาลผมจะดูแลจนกว่าพ่อของคุณจะหายดี”
ทันทีที่ท่านประธานพูดจบเนตรทรายก็ตบมือลงที่โต๊ะอย่างแรงด้วยความโมโหเธอไม่คิดเลยว่าท่านประธานที่บรรดาพนักงานบริษัททุกคนต่างให้ความเคารพนับถือแท้ที่จริงแล้วจะเป็นเพียงผู้ชายที่บ้าอำนาจใช้เงินซื้อทุกอย่างและตอนนี้เขาก็กำลังซื้อเธอ
“ถึงแม้ฉันจะจนจะไม่มีทางเลือกในชีวิตสักเท่าไหร่แต่คุณอย่าคิดว่าจะเอาเงินมาซื้อผู้หญิงอย่างฉันได้ง่ายๆชีวิตผู้ชายที่ดูเพียบพร้อมอย่างคุณทำไมกันถึงต้องมาจ้างผู้หญิงให้เป็นเมียหรือความจริงแล้วคุณเป็นผู้ชายที่ไม่สมควรอยู่ใกล้”
ธันวาจากที่คิดว่าวันนี้ทุกอย่างน่าจะผ่านไปด้วยดีแต่ในเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดและหญิงสาวตรงหน้าก็กลับกำลังพูดจาต่อว่าเหมือนลืมว่าเขาเป็นเจ้านายของเธอ สายตาที่ดูหมิ่นเหยียดหยามมันยิ่งทำให้ท่านประธานบริษัทยิ่งรู้สึกไม่พอใจและอยากจะเอาชนะหญิงสาวตรงหน้าให้ได้
“นั่งลง ตอนนี้ผมเป็นเจ้านายของคุณและนี่ก็อยู่ในเวลางานผมสั่งให้คุณนั่งลง”
เนตรทรายจำเป็นต้องทำงานที่บริษัทนี้ต่อ เธอจึงต้องทำตามคำสั่งแม้ว่าจะไม่เต็มใจแม้ว่าความจริงอยากจะวิ่งออกไปจากที่นี่และเขียนใบลาออกไม่กลับไปทำงานที่บริษัทนั้นอีกก็ตาม
“ผมให้เวลาคุณ 1 สัปดาห์ในการตัดสินใจว่าคุณจะตอบตกลงหรือไม่ คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตอบอะไรตอนนี้อย่าลืมว่าชีวิตของพ่อคุณนับวันก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมยากถ้าคุณยังคิดว่าตัวเองมีค่ามากกว่าชีวิตของพ่อ ผมก็คงได้แต่รู้สึกเสียใจที่คุณไม่รับโอกาสนี้ไว้”
ชายหนุ่มพยายามเอาอาการป่วยของบิดามาเป็นเครื่องมือในการบีบให้เนตรทรายตัดสินใจยอมทำตามแผนของเขาและมันก็ได้ผลเพราะมันทำให้หญิงสาวสงบลง
ดวงตากลมของเนตรทรายมีน้ำใสไหลคลออยู่ เธอกำลังจะร้องไห้แต่พยายามเก็บกลั้นมันไว้เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มตรงหน้าเห็น
อาหารบนโต๊ะที่เคยมีรสชาติอร่อยถูกปากตอนนี้เนตรทรายแทบจะกลืนมันไม่ลงแต่ก็จำเป็นต้องนั่งกินเป็นเพื่อนเจ้านายจนหมดหน้าที่เพื่อเงินโอทีพิเศษที่เขาจะโอนให้เธอคืนนี้ซึ่งเธอตั้งใจแล้วว่าจะเก็บเอาไว้เพื่อเป็นค่าผ่าตัดให้พ่อถึงแม้มันจะขาดอยู่อีกหลายหมื่นบาทก็ตาม
ท่านประธานยังคงอาสาไปส่งหญิงสาวที่หอพักเช่นเดิมและเนตรทรายก็จำเป็นต้องยอมเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานชายหนุ่มมักจะอ้างเหตุผลนี้ตลอดเวลาที่ต้องบังคับเธอให้ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ
“ลองคิดให้ดีผมไม่ได้ให้คุณมาเป็นเมียน้อยหรือเป็นเมียเก็บแต่คุณจะได้เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมเพียงแต่ว่าคนในสังคมจะต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากผมจะเป็นคนเปิดเผยเอง”
เมื่อถึงหอพักเนตรทรายรีบเปิดประตูรถแต่กลับถูกคนขับจับมือเธอไว้และพูดข้อความสุดท้ายให้เธอได้เก็บไปนอนคิด
“แล้วฉันจะให้คำตอบคุณค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่งและขอบคุณข้อเสนอดี ๆ ที่มันทำให้ฉันรู้สึกว่าคุณเป็นผู้ชายที่ฉันมองผิดไปแล้วจริงๆ”
หญิงสาวสะบัดมือที่จับเธอไว้ให้หลุดลงเธอรีบเปิดประตูและเดินลงจากรถมุ่งหน้าไปยังหอพักไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองคำพูดสุดท้ายที่เธอทิ้งท้ายไว้ เนตรทรายหวังว่ามันจะช่วยเตือนสติให้เจ้านายของเธอได้คิดทบทวนว่าสิ่งที่เขาพูดออกมามันคือการดูถูกเธอมากกว่าการช่วยเหลือ
ประตูรถปิดลงแล้วท่านประธานบริษัทไม่จำเป็นต้องทำสีหน้าเสื้อดุใส่ใครอีกแล้วเพราะเวลานี้เหลือเขาอยู่แค่เพียงคนเดียวในรถ
“ศักดิ์ศรีคนเราบางครั้งมันก็กินไม่ได้ลองคิดดูดีๆนะเนตรทราย”
ธันวาบ่นพึมพำกับตัวเองเพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าการมาเป็นภรรยาในนามของเขามันจะทำให้ชีวิตของเนตรทรายดีขึ้นและเขาเองก็ไม่ใช่ผู้ชายโหดร้ายหรือดูถูกผู้หญิงเหมือนอย่างที่ผู้ช่วยเลขาตำหนิแต่สาเหตุที่เขาต้องทำแบบนี้เพราะเขาคิดว่ามันเป็นวิธีทางเดียวที่จะบีบให้เธอตอบตกลง
