บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 แรกเจอที่ไม่ประทับใจ

ตอนที่ 1

แรกเจอที่ไม่ประทับใจ

“คุณเห็นไหมคะว่ามีคนต่อคิวอยู่”

หญิงสาวในชุดพนักงานหันไปต่อว่าชายหนุ่มในชุดสูทที่ภูมิฐานด้วยความไม่พอใจ

“เห็นครับแต่พอดีผมรีบมีประชุมช่วงเช้า”

ชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดีแต่มีความน่าเกรงขามซ่อนอยู่หันมาตอบแบบนิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจกับคำพูดที่ไม่พอใจของเนตรทราย

“ทุกคนก็รีบด้วยกันทั้งนั้นแต่คนอื่นเขายังรู้จักต่อคิวหน้าตาก็ดีท่าทางก็ดีทำไมถึงได้ไม่มีมารยาท”

เนตรทรายยังคงไม่ลดละเธอต้องการให้ชายหนุ่มแสดง ความรับผิดชอบมากกว่านี้ไม่ใช่เอาแต่ทำหน้าตายโดยใช้เหตุผลว่าตัวเองรีบเพราะทุกคนที่มาทำงานต่างก็ต้องใช้ลิฟท์เหมือนกัน

“ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณ เป็นพนักงานใหม่ที่นี่หรือครับ”

ธันวาหันไปมองหน้าคนพูดถึงแม้จะไม่เต็มตามากนักเพราะตอนนี้ในลิฟท์มีผู้คนจำนวนมากแต่ชายหนุ่มก็แสดงให้รู้ว่าเขาอยากจะจะพูดคุยกับเธอให้รู้จักกันมากกว่านี้

“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคุณค่ะ”

เนตรทรายสองมือกอดอกใบหน้าของเธอบึ้งตึงแสดงความไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายละลาบละล้วงเพราะเธอก็เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ วันแรกและไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนเช้าจะวุ่นวายแบบนี้และยิ่งต้องมาเห็นคนแซงคิวกันยิ่งทำให้เธออารมณ์เสีย

“ไว้เจอกันนะครับ”

เมื่อเนตรทรายเดินออกจากประตู ธันวาก็ตะโกนพูดไล่หลังด้วยรอยยิ้มที่ดูแล้วยิ่งสร้างอารมณ์โมโหให้กับหญิงสาวที่ไม่ถูกชะตากับคนที่ชอบแซงคิว

“ฉันไม่ชอบเจอคนแซงคิวค่ะ”

ประตูลิฟท์ค่อย ๆ ปิดลงเนตรทรายพยายามตะโกนเสียงดังหวังให้คนในลิฟท์ได้ยินว่าเธอเองไม่ได้ต้องการจะเจอเขา

หญิงสาวกับการทำงานวันแรกในบริษัทแห่งนี้เธอรู้สึกไม่ สบอารมณ์เอามาก ๆ เพราะบริษัทเก่าของเธอเป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ ที่มีพนักงานเพียงไม่กี่คนแต่วันนี้เธอต้องมาเจอกับความวุ่นวายตั้งแต่ด้านล่างของบริษัทเมื่อทุกคนต่างพากันแย่งมาขึ้นลิฟท์เพื่อมาทำงานให้ทันเวลาและวันนี้เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองมาสาย

“สวัสดีค่ะคุณเพ็ญ วันนี้ทรายมาสายไปใช่ไหมคะ”

หญิงสาวรีบเดินตรงไปหาเพ็ญจิราหัวหน้าของเธอทันที ด้วยความรู้สึกผิดเพราะเวลางานเริ่มต้นที่ 8:30 น แต่เธอมาถึงในเวลาที่พอดิบพอดีซึ่งไม่สมควรเอามาก ๆ สำหรับการเริ่มต้นงานใหม่ใน วันแรก

“ก็ไม่สายไปนะแต่ถ้ามาเช้าได้กว่านี้ก็จะดีจะได้มาเตรียมตัวเริ่มงาน”

เพ็ญจิราเป็นเลขาของท่านประธานใหญ่เธอรับเนตรทรายเข้ามาเป็นผู้ช่วยในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการทำหน้าที่เกี่ยวกับการนัดหมายงานในส่วนที่ต้องออกไปข้างนอกเพราะตอนนี้เพ็ญจิราเป็นแม่ลูกอ่อนจึงไม่สามารถไปไหนกับท่านประธานข้างนอกได้

“พรุ่งนี้ทรายจะมาให้เช้ากว่านี้นะคะพอดีวันนี้ยอมรับเลยว่ากะเวลาผิดไม่คิดว่าข้างล่างจะมีคนมากขนาดนี้โชคยังดีนะคะที่มาต่อคิวขึ้นลิฟท์ได้เร็ว”

ตอนแรกที่มาถึงเนตรทรายตัดสินใจว่าเธอจะเดินขึ้นบันไดแต่เมื่อดูจากแผนผังห้องทำงานของเธออยู่ถึงชั้น 4 คิดดูแล้วก็คงจะหมดแรงก่อนที่จะพาตัวเองมาถึงเป็นแน่

“โต๊ะทำงานของเธอจะอยู่ในห้องใหญ่ของท่านประธานแต่ไม่ต้องตกใจไปนะเพราะว่าท่านจะอยู่ห้องแยกไปอีกซึ่งในห้องใหญ่นั้นจะมีส่วนของครัวและมุมกาแฟอยู่ด้วยเธอจึงต้องมีหน้าที่ชงกาแฟให้ท่านในทุกเช้าและถ้าวันไหนท่านต้องการกินอะไรเธอก็ต้องทำหน้าที่ไปจัดหาให้”

เพ็ญจิราอธิบายในส่วนของงานให้ลูกน้องเข้าใจเพราะตัวเธอเองตอนนี้ใช้เวลาทุกอย่างทุ่มกับการทำเอกสารให้กับเจ้านายเรื่องของงานบริการเธอจึงยกให้เป็นหน้าที่ของเนตรทรายเพราะกว่าที่หญิงสาวจะเรียนรู้งานเอกสารได้คงต้องใช้เวลาอีกนาน

“งานเหมือนแม่บ้านเลยนะคะ”

คนปากไวหลุดปากพูดแต่ก็รีบยิ้มเจื่อนให้รู้ว่า เธอไม่ได้กำลังปฏิเสธงานแต่แค่กำลังตกใจว่าหน้าที่ต่างๆที่หัวหน้าบอกจะเป็นส่วนหนึ่งในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาด้วย

“เลขาเป็นงานที่ละเอียดและยุ่งยากมากพี่กับเจ้านายแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนคนเดียวกันไม่ว่าจะเป็นคิวงานหรือเรื่องธุระส่วนตัวหลายอย่างที่เราต้องยุ่งเกี่ยวกับท่านประธานแต่ตอนนี้เธอแค่มาสวมเป็นผู้ช่วยของพี่ยังไม่ต้องลงลึกสาเหตุที่รับเธอเข้ามาเพราะปีหน้าพี่ก็จะขึ้นตำแหน่งอื่นแล้วลูกเริ่มโตขึ้นทุกวันพี่คงไม่สะดวกที่จะมาทำงานตรงนี้”

เพ็ญจิราถึงแม้เธอจะมีท่าทางที่ดุอยู่บ้างแต่ก็มีความใจดีแฝงอยู่ในแววตา เธอรู้สึกเอ็นดูในความเป็นคนตรงของเนตรทรายและบุคลิกที่ดูซื่อใสจริงใจยิ่งทำให้รุ่นพี่รู้สึกเอ็นดูหญิงสาวพนักงานใหม่เป็นเหมือนน้องสาว

“ขึ้นไปห้องทำงานกันได้แล้ว”

“เราไม่ได้ทำงานที่ชั้นนี้กันหรือคะ”

เนตรทรายแปลกใจเพราะตอนแรกเธอเข้าใจว่าที่ชั้น 4 นี้คือที่ทำงานของเธอเพราะตอนที่เธอมาสมัครและมาสอบสัมภาษณ์ก็ที่นี่แต่กลายเป็นว่าที่ทำงานของเธออยู่ชั้น 5 ต้องเดินบันไดขึ้นไปอีก 1 ชั้น

“ขึ้นลงแค่ชั้นเดียวบริษัทของเราจะเน้นนโยบายประหยัดต้องใช้บันได”

ระหว่างทางเดินขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานเพ็ญจิราก็อธิบายถึงวัฒนธรรมของบริษัทให้เนตรทรายได้รู้ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารกลางวันที่คนที่นี่มักจะกินอาหารที่โรงอาหารด้านล่างหรือไม่ก็ร้านอาหารใกล้ๆแต่ส่วนมากพนักงานทุกคนจะไม่ค่อยอยากออกจากบริษัทเพราะไม่อยากเจอแดดที่แสนจะร้อนแรงข้างนอกจึงมักจะโทรสั่งให้ร้านค้าต่างๆเอาขึ้นมาส่งถึงชั้นบน

“พี่จะทำงานอยู่ระหว่างชั้น 4 กับชั้น 5 แต่ตัวเธอเองต้องประจำอยู่ที่ห้องท่านประธานนะไม่ต้องเดินไปไหนท่านมีอะไรจะได้เรียกใช้ได้ง่ายแต่ถ้าต้องประสานในเรื่องของเอกสารก็โทรศัพท์ลงมาที่โต๊ะทำงานในชั้นล่างของพี่ได้เลย”

เพ็ญจิราทำงานสองที่เพราะท่านประธานไม่ต้องการให้เลขาของเขามาอยู่ที่ชั้นบนตลอดเวลาเขาต้องการให้พนักงานคนอื่นเห็นถึงความเท่าเทียมกันและต้องการให้เลขาได้เรียนรู้งานต่างๆของทุกฝ่ายเพื่อที่จะสามารถช่วยงานเขาได้เต็มที่

“เวลาเปิดประตูเธอไม่ต้องเคาะหรือกดสัญญาณใดๆทั้งสิ้นเพราะตรงนี้เป็นส่วนของเธอแต่ถ้าจะเข้าไปที่ห้องท่านประธานก็เคาะประตูขออนุญาต”

เลขารุ่นพี่พาเนตรทรายมาถึงโต๊ะทำงานที่มีขนาดใหญ่มากมีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างเพียบพร้อมภายในห้องก็ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงามมีในส่วนห้องรับแขกอยู่ในนั้นด้วย เนตรทรายเห็นแล้วคิดว่าที่นี่ไม่เหมาะกับการเป็นบริษัทแต่เหมาะกับการเป็นที่พักอาศัยหรือห้องรับแขกมากกว่า

“เป็นห้องทำงานที่หรูมากเลยค่ะ” คนพูดทำเสียงตื่นเต้นและท่าทางตื่นตา

“เข้าไปหาท่านประธานกันได้แล้วควรทำตัวให้น่ารักนะเพราะเธอต้องอยู่กับท่านมากกว่าอยู่กับพี่เสียอีก”

ก๊อก ๆ “เพ็ญเองค่ะพาผู้ช่วยเลขาคนใหม่มารายงานตัว”

“เข้ามาได้เลยผมรออยู่”

ทันทีที่ประตูเปิดออกสายตาของเนตรทรายมองตรงไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ตรงหน้าและหญิงสาวก็ถึงกับรู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาทันทีเมื่อเธอจำได้ดีว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานคือคนเดียวกับที่เธอต่อว่าเขาในช่วงเช้านั่นเอง

“คุณ เอ่อ.. สวัสดีค่ะ”

เพ็ญจิราหันมามองหน้าผู้ช่วยเลขาคนใหม่และรีบหันไปมองหน้าของเจ้านายเธอทันทีเมื่อทั้งคู่แสดงท่าทางอย่างชัดเจนว่าเคยเจอกันมาแล้ว

“ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับคุณเพ็ญผมกับผู้ช่วยเลขาของคุณเราเคยเจอกันแล้วเมื่อเช้าที่สำคัญผมเพิ่งโดนเธออบรมมาเองไม่คิดเลยว่าจะได้มาร่วมงานกันแบบใกล้ชิดแบบนี้”

ธันวาจากที่เป็นคนจริงจังมีแววตาที่ดูดุแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นดูอารมณ์ดีมีรอยยิ้มของความขบขันซ่อนอยู่จนเลขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้นานแล้วที่เพ็ญจิราไม่ได้เห็นเจ้านายของเธอยิ้มแบบนี้โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เขาเข้ามารับตำแหน่งท่านประธานต่อจากบิดาที่เสียชีวิตไปธันวาก็แทบจะไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะให้ใครเห็นอีกเลย

“ฉันไม่ได้อบรมคุณแต่แค่ต้องการจะบอกให้คุณรู้ว่าคุณต้องรู้จักต่อคิว”

เนตรทรายจากที่ตั้งใจว่าจะสงบปากสงบคำเพราะเธออยู่ในฐานะที่จะไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับท่านประธานบริษัทไม่ได้แต่เมื่อเจอคำพูดยั่วอารมณ์ไปแบบนี้หญิงสาวก็อดที่จะเถียงออกมาตามแบบนิสัยคนตรงๆแบบเธอไม่ได้

“เนตรทรายทำไมพูดเสียงแบบนั้นกับท่านประธาน ท่านเป็นเจ้าของที่นี่ไม่จำเป็นต้องต่อคิว”

เพ็ญจิราพยายามส่งสายตาให้ผู้ช่วยของเธอหยุดพูดถึงแม้จะรู้ว่าเนตรทรายคงรู้สึกขัดใจที่เธอต้องเป็นฝ่ายเงียบแต่รุ่นพี่มองแล้วว่าถ้าขืนให้ต่อปากต่อคำกับเจ้านายต่อไปอีกคงจะมีผลร้ายมากกว่าผลดีแน่

“คุณเพ็ญไปทำงานเถอะจะได้ไม่มีงานค้างมากช่วงเย็นรถติดแล้วนี่ใครไปรับลูกให้ล่ะ”

ธันวาพูดแทรกขึ้นมาสายตาของเขาแสดงความห่วงใยถึงแม้ใบหน้าจะยังดูบึ้งตึงเฉยชาไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม

“เพ็ญไปรับเหมือนเดิมแหละค่ะแต่แค่จ้างเขาเลี้ยงจนถึงช่วงค่ำให้เงินเขามากหน่อยเราก็จะได้สบายไม่ต้องรีบร้อน”

“ถ้าวันไหนงานเสร็จเร็วก็กลับได้เลยนะผมเอางานเป็นที่ตั้งเพราะรู้ว่าคุณมีภาระบริหารเวลาให้ดีจะได้งานดีและได้เป็นแม่ที่ดีด้วยไม่มีใครมีความสุขเพียงเพราะประสบความสำเร็จในด้านเดียวหรอกจำไว้ว่าครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกคน”

เนตรทรายหันไปมองหน้าคนพูดเธอแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่แซงคิวตอนขึ้นลิฟท์แถมยังชอบพูดจากวนอารมณ์เธอจะกลายเป็นคนที่คารมคมคายแบบนี้ยิ่งฟังแล้วยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีความเป็นผู้ใหญ่และผ่านอะไรมามากมาย

“ถ้าอย่างนั้นเพ็ญขอตัวก่อนนะคะฝากเนตรทรายด้วยน้องยังมีประสบการณ์การทำงานมาไม่มากถ้าน้องทำอะไรผิดก็บอกกันได้นะคะพี่จะเตือนน้องเอง”

เพ็ญจิราหันมาส่งยิ้มให้กับผู้ช่วยคนใหม่ของเธอเพื่อหวังให้ หญิงสาวรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่คนที่เนตรทรายจะตั้งตัวเป็นศัตรูได้เธอกับเจ้านายควรจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกันไว้ให้มากเพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและที่สำคัญเพื่อความสุขสงบตลอด การทำงานที่นี่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel