บท
ตั้งค่า

๑.๑ รอย(รัก)สีหม่น

รอย(รัก)สีหม่น

หัวใจดวงน้อยของคนที่นั่งอยู่วูบหวิว ทันทีที่นกยักษ์ลำนั้นเร่งสปีดเต็มอัตราเร็วบนรันเวย์ ก่อนจะเหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่อาการวูบโหวง ใจสั่นหวิว เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง คล้ายดั่งว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอาการกลัวความสูง แต่นัสรินรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเหล่านี้ ห่างไกลจากคำว่า ‘กลัวความสูง’ ลิบลับ แม้จะเดินทางไม่ค่อยบ่อย แต่เธอก็ขึ้นเครื่องบินมากว่ายี่สิบครั้งแล้ว ซึ่งแรกๆ จะกลัวและตื่นเต้น แต่พอมาครั้งหลังๆ ก็ชินชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการขึ้นลงของเครื่องบินเสียแล้ว

ทว่าสาเหตุของอาการวูบโหวงสลับกับหนักอึ้งในใจอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะจุดหมายปลายทางที่เธอกำลังจะไปนั้นต่างหาก เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ จังหวัดที่เธอไม่เคยเหยียบย่างไปเลยนับตั้งแต่หย่าขาดจากสามี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ทว่าเธอก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์ชีวิตในช่วงสั้นๆ ของการแต่งงานได้เลย ทั้งๆ ที่พยายามมาตลอดที่จะไม่นึกถึงมัน

เธอถูกตีตราด้วยคำว่า ‘แม่หม้าย’ ทันที หลังจากแต่งงานเพียงแค่สามเดือนและต้องหย่ากับหมอปราณต์ สาเหตุก็เพราะการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของเขา แต่เขาถูกน้องชายของเขาซึ่งควรจะเป็นคนที่แต่งงานกับเธอวางแผนกับเธอจับปราณต์มัดมือชกให้เขาต้องตกกระไดพลอยโจนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

นัสรินไม่โทษปราณต์ แต่โทษตนเองที่เห็นแก่ตัว เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น เธอได้แต่เก็บเขาไว้ในใจเงียบๆ และพยายามเตือนตัวเองมาตลอดว่าเขาเป็นผู้ชายต้องห้าม เป็นพี่ชายของว่าที่สามีในอนาคตซึ่งเธอไม่ควรมีความรู้สึกใดๆ ด้วยนอกเหนือจากความเคารพนับถือ

ตาคู่สวยที่ประดับแพขนตางอนยาวมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน คล้ายกับกำลังนั่งมองปุยเมฆ ทว่าในห้วงของความคิดตอนนี้ล้วนมีแต่เรื่องราวระหว่างเธอกับอดีตสามี

ปราณต์พาเธอย้ายออกจากคุ้มลักษิกา มาอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าหลังค่อนข้างใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับคลินิกของเขา โดยให้เหตุผลกับแม่เลี้ยงลักษิกาว่า อยากอยู่ใกล้ๆ คลินิกเพราะเลิกดึก ไม่อยากขับรถกลับไกลๆ แต่นัสรินรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้าง เหตุผลที่แท้จริงนั้นก็เพื่อที่เขาจะได้ทรมานเธอได้สะดวกขึ้นต่างหาก

แม้รู้อยู่เต็มอกว่าปราณต์ไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานด้วย แต่นัสรินก็ไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาในทางเกลียดชังเธออย่างรุนแรงขนาดนั้น สายตาที่เขามองมีแต่ความเฉยเมยเย็นชา วางตัวก็ห่างเหิน พูดกันแทบจะนับคำได้ และทรมานเธอทุกอย่างเท่าที่คนเป็นหมอซึ่งเคยใจดีอย่างเขาจะทำได้

บ้านหลังใหญ่หลังนั้นอยู่ห่างจากคลินิกของปราณต์ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เขาไม่ได้จ้างแม่บ้าน แต่ยกหน้าที่ดูแลบ้านทั้งหมดให้เป็นของเธอ ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า และทำกับข้าว ครั้งแรกที่ได้ยินเช่นนั้นจากปากของปราณต์ นัสรินยอมรับว่าตัวเองหนักใจไม่น้อย เพราะถึงบ้านของเธอจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าบ้านของเขา แต่ที่บ้านก็มีคนทำให้ทุกอย่าง เธอจึงแทบจะไม่เคยหยิบจับงานพวกนี้ แต่สุดท้ายเธอก็ค่อยๆ เรียนรู้มัน มือที่เคยอ่อนนุ่มเริ่มหยาบกระด้าง เพราะต้องจับไม้กวาด ไม้ถูพื้น และเตารีด หน้าก็มันแผล็บทุกวันเพราะต้องเข้าครัวเตรียมอาหารที่บางวันปราณต์ก็กิน บางวันก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปราณต์ นับวันยิ่งห่างไกลคำว่าสามีภรรยามากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลย ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าห้องหอในโรงแรม ปราณต์ก็ออกจากห้องทันทีที่ส่งตัวเสร็จ ปล่อยให้เธอนอนในห้องกว้างนั้นอย่างเดียวดายอ้างว้าง และหลังจากนั้นเขาก็แยกห้องนอนกับเธอมาตลอด เขาไม่เคยร่วมโต๊ะอาหาร ตอนเช้าเธอจะจัดเตรียมไว้ให้ และเลี่ยงไปทำอย่างอื่น ตอนเย็นส่วนใหญ่เขาจะกินมาจากข้างนอก กระนั้นเธอก็ยังเตรียมไว้รอ นัสรินรู้ดีว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองแย่มากแค่ไหน ทว่าหลังๆ มันก็เริ่มดีขึ้น แต่ก็คงไม่ใช่ระดับที่น่าพอใจสำหรับปราณต์

นัสรินทรมานใจมากที่สุด เธอไม่เคยได้ออกไปไหน ไม่ใช่ปราณต์ห้าม แต่เธอแทบจะไม่รู้จักเชียงใหม่เลย แต่สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่าการถูกปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียว ถูกปล่อยให้นอนคนเดียว ถูกปล่อยให้ทำงานบ้านคนเดียว ทานข้าวคนเดียว ก็คือสายตาของปราณต์ที่มองเธอเหมือนเป็นวัตถุส่วนเกินหนึ่งชิ้นอันไร้ค่าในบ้านของเขา

คืนนั้นเป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนของการแต่งงาน เธอนอนคิดอยู่เกือบครึ่งค่อนคืน กระทั่งที่สุดในตอนเช้าเธอก็รวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับเขาที่โต๊ะอาหาร

“มีอะไรหรือเปล่า” ปราณต์ถามขึ้นเสียงกระด้างเย็นชาเช่นเดียวกับทุกครั้งยามพูดคุยกัน แววตานั้นก็ไม่ต่างเท่าใดนัก ทำให้หัวใจของนัสรินเจ็บปวดราวกับถูกใครเอาเข็มมาทิ่มแทง

“นัสอยากจะคุยกับคุณปราณต์เรื่องการแต่งงานของเราค่ะ”

“มีอะไรต้องคุยอีก คุณก็ได้แต่งงานกับผมสมใจแล้วนี่”

“นัสรู้ค่ะว่าคุณปราณต์ต้องฝืนใจแค่ไหนที่ต้องแต่งงานกับนัส และตอนนี้คุณปราณต์คงเกลียดนัสมาก แต่นัสขอเวลาสักสามเดือนได้มั้ยคะ อย่างน้อยก็ขอให้ทุกคนลืมเรื่องการแต่งงานของเราไปก่อน แล้วนัสจะหย่าให้คุณปราณต์ค่ะ และก็ไม่ต้องห่วงนะคะ นัสจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณแม้แต่บาทเดียว”

มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดประโยคนั้น ในเมื่อใจทั้งใจยังรักเขาและไม่มีสายตาหรือที่ว่างในหัวใจสำหรับใครอีกแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เขาไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้ก็คือคืนอิสระให้ปราณต์ เพื่อให้เขาได้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงดีๆ สักคนที่เขาอาจจะหาเจอในอนาคต

“ฉลาดดีนี่ แต่งงานสามเดือนเพื่อล้างหนี้ แล้วก็หย่าแบบไม่มีอะไรสึกหรอ แถมยังพูดจาให้ดูดีว่าจะไม่เรียกร้องอะไรอีกต่างหาก มีแต่ได้กับได้”

“นัสก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณปราณต์ใช้สิทธิ์สามีกับนัสนี่คะ”พูดไปแล้วก็หน้าแดงด้วยความกระดากปาก ปราณต์คงคิดว่าเธออยากให้เขามีอะไรด้วย

“ใช่! ผมมีสิทธิ์ แต่ผมรังเกียจพฤติกรรมของคุณจนไม่อยากจะแตะต้อง”

สะอึก! จากที่กระดากอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้หน้าเปลี่ยนเป็นชาราวกับถูกไฟชอร์ตจนไร้ความรู้สึก แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกปราณต์พูดจาเชือดเฉือนหัวใจ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เจ็บที่สุดแล้วกระมัง

“นัสทราบดีค่ะว่าคุณปราณต์เกลียดนัสแค่ไหน”

“เข้าใจซะใหม่นะนัสรินว่าผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่ผมรังเกียจพฤติกรรมของคุณต่างหาก” ปราณต์ย้ำคำพูดตัวเองด้วยสีหน้าเฉยชา หากแต่ความหมายของมันจะต่างอะไรกันล่ะในความรู้สึกของนัสริน ในเมื่อไม่ว่าเขาจะรังเกียจหรือเกลียดมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกในด้านดีเลยสักนิด

“เพราะอย่างนี้ไงคะ นัสเลยจะคืนอิสระให้คุณปราณต์ คุณปราณต์จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”

“เหมือนที่คุณเองก็จะได้หาผัวใหม่เหมือนกันใช่ไหม”

เป็นอีกครั้งที่นัสรินอึ้งกับวาจาของปราณต์ เธอแค่คิดจะหย่ากับเขาเพื่อให้เขาเป็นอิสระ แต่ไม่เคยคิดจะหาใครมาแทนที่เขาอย่างที่เขากล่าวหาสักนิด ทว่าพูดไปมันก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ในเมื่อปราณต์ปักใจรังเกียจเธอตั้งแต่แต่งงานกันแล้ว

“ตกลงคุณปราณต์จะหย่าหรือเปล่าคะ” นัสรินถามตรงๆ และไม่คิดจะต่อปากต่อคำใดๆ เพื่อให้ตัวเองต้องเจ็บปวดไปมากกว่านั้นอีก

“ก็ตามใจ อยากหย่าก็จะหย่าให้”

พูดแค่นั้น ปราณต์ก็ลุกพรวดพราดจากโต๊ะอาหารแล้วก้าวดุ่มๆ ออกไปยังโรงรถ นัสรินได้แต่เพียงยืนมองตามหลังร่างสูงนั้นไปด้วยสายตาเศร้าสร้อยและเจ็บปวด เธอไม่เคยทำอะไรถูกใจเขาเลย แม้แต่ตอนพูดเรื่องหย่า ที่เธอคาดว่าเขาน่าจะดีใจจนยิ้มแก้มปริ ทว่าเขาก็ยังคงทำมึนตึง ทำเสียงขุ่นเคืองเย็นชาใส่ และเดินหนีคล้ายไม่อยากมองหน้าเธออีกแม้แต่เสี้ยววินาที เหมือนกับเธอทำสิ่งที่ผิดร้ายแรงเหลือเกิน

หลังจากวันนั้นสถานการณ์ระหว่างเธอกับปราณต์ยิ่งดูเหมือนว่าจะย่ำแย่ลงไปกว่าเดิมอีก จากที่เคยพูดคุยกันบ้าง เขาก็แทบจะไม่คุย จากที่เคยกินอาหารที่เธอทำบ้าง เขาก็ไม่แตะ ยังดีที่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอซักรีดไว้ให้ แม้มันจะไม่เนี้ยบนักก็ตาม เพราะเพิ่งจะทำเป็นจริงเป็นจังหลังจากแต่งงานกับเขา

ในที่สุดวันเวลาแห่งความอึดอัดและทุกข์ทรมานใจจากการได้อยู่ใกล้คนที่รัก แต่กลับไม่ได้รับแม้แต่ความใจดีหรือไมตรีตอบกลับมาสักนิด ก็เดินทางมาถึงใกล้วันสุดท้าย วันพรุ่งนี้คือวันครบรอบสามเดือนของการแต่งงาน และคือวันสุดท้ายของเขาและเธอด้วย นัสรินจำได้ว่าตัวเองน้ำตาซึมแทบจะทั้งวัน ดวงตาบวมแดงฝ้าฟางไปหมด เพราะในที่สุดชีวิตการแต่งงานก็พังครืนอย่างไม่เป็นท่า เธอนั่งเก็บของทุกชิ้นของตัวเองใส่กระเป๋าด้วยความเศร้าสร้อย แต่ก็จำต้องตัดใจ เพราะหลังจากหย่าแล้วก็คงไม่ได้อยู่ที่นี่อีก เธอตั้งใจว่าจะกลับกรุงเทพฯ เลย และจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

วันนั้นเธอไม่ได้หลบหน้าปราณต์ด้วยการหนีขึ้นห้องตัวเองก่อนเหมือนเช่นทุกวัน แต่นั่งรอเขาอยู่ที่โซฟาตัวยาวในห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งถ้าปราณต์เดินเข้ามาในบ้านเขาก็ต้องเห็นเธอ ที่รอก็เพราะจะเตือนเขาว่า พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานสามเดือนและถึงกำหนดวันหย่าที่เธอเคยบอกเขาไว้ เธอไม่คิดว่าปราณต์จะจำได้ เพราะเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันแต่งงานแม้แต่น้อย ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้ทำหน้าที่ภรรยา ภรรยาซึ่งต้องอยู่รอเตือนสามีว่า พรุ่งนี้คือวันที่เขากับเธอต้องไปหย่ากันตามที่เขาต้องการแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel