1คนสำคัญ
ตอนที่ 1
คนสำคัญ
“คุณมีนาได้ติดต่อโรงพยาบาลที่หมอแนะนำหรือยังครับ”
หมอสูงวัยเอ่ยถาม เดิมทีเขาเป็นแพทย์ประจำตัวของมยุริญ แต่ระยะหลังอาการของอีกฝ่ายทรุดลงมาก เขาจึงได้แนะนำให้มีนาพาผู้เป็นแม่ไปรักษาอีกโรงพยาบาลซึ่งมีหมอที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคนี้โดยเฉพาะ
“ติดต่อไปแล้วค่ะแต่ว่าค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้าง…”
หญิงสาวแสดงความกังวลให้คุณหมอเห็น ตอนนี้ฐานะครอบครัวของเธอไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน ถึงจะมีเงินก้อนใหญ่ที่พ่อทิ้งไว้ให้ แต่เงินจำนวนนี้เธอต้องเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลและเป็นค่าใช้จ่ายของแม่กับเธอ เนื่องจากเธอไม่ได้ทำงาน เพราะต้องดูแลแม่อย่างใกล้ชิด
“เชื่อผมเถอะครับว่าค่ารักษาทุกบาททุกสตางค์ที่คุณมีนาจ่าย จะต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน”
แพทย์วัยกลางคนได้แต่ปลอบใจหญิงสาว นอกเหนือจากคำปลอบใจเขาก็ไม่รู้จะช่วยเธออย่างไร
สิ่งที่เขาช่วยได้ในตอนนี้คือแนะนำให้เธอได้พบกับหมอที่ดีที่สุดและเป็นหมอเฉพาะทางที่สามารถดูแลอาการของมยุริญได้
“ขอบคุณมากเลยนะคะคุณหมอ ที่ผ่านมาคุณหมอก็ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี”
“ผมรู้สึกว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดี”
ชายวัยกลางคนกลางกล่าว เขาอยากรักษาคนไข้ทุกคนให้หายดีและกลับไปอยู่กับครอบครัว แต่บางครั้งชีวิตของคนเราก็ไม่สามารถฝืนโชคชะตาได้
“อย่าคิดแบบนั้นเลยค่ะ คุณหมอเป็นคนเก่ง ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแลคุณแม่มาโดยตลอด”
ก่อนย้ายโรงพยาบาลหญิงสาวอยากขอบคุณคุณหมอที่ช่วยดูแลแม่ของเธอ เพราะบุคลากรทางการแพทย์ท่านนี้เป็นหมอที่ใส่ใจคนไข้ แม้ว่าเรื่องบางเรื่องจะจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา แต่อีกฝ่ายก็พยายามช่วยเหลือหาทางให้
“ผมขอให้คุณมยุริญหายเร็วๆนะครับ ผมรับรองว่าแพทย์ที่นั่นจะต้องรักษาได้”
เพราะเหตุผลนี้เขาจึงได้ตัดสินใจเสนอให้ หญิงสาวพาแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยแพทย์ฝีมือดี
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณหมอ”
หญิงสาวยกมือไหว้ ก่อนที่เธอจะเตรียมเก็บข้าวของเพื่อพาแม่ย้ายโรงพยาบาล รถพยาบาลรออยู่ด้านล่างเพื่อเตรียมขนย้ายผู้ป่วย
มีนาขับรถตามไปทีหลัง เมื่อมาถึงโรงพยาบาลใหม่เธอก็พบกับความหรูหรา และความหรูหรานี้แหละที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
“เดี๋ยวเชิญขึ้นไปข้างบนเลยนะคะ ทางเราจัดเตรียมห้องไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
พยาบาลสาวเดินเข้ามาหา พร้อมกับพามีนาขึ้นไปด้านบน ห้องพิเศษโอ่อ่ากว้างขวาง เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ถึงแม้ต้องแลกด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมากแต่หญิงสาวก็พร้อมที่จะสู้
ก่อนหน้านี้มีนายังไม่ได้เริ่มต้นทำงาน เนื่องจากเธอยังกังวลกับอาการของแม่ แต่หลังจากที่แม่ถึงมือหมอ หญิงสาวก็คิดที่จะหาอะไรทำเพื่อหารายได้
โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่ดี เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เต็มไปด้วยหมอฝีมือดีมากมาย ได้ยินว่าคนไข้ส่วนใหญ่ ที่เข้ามารักษาที่นี่สามารถหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่ได้ ทำให้มีนามีความหวัง หวังว่าแม่ของเธอจะกลับมาเป็นปกติ
“เดี๋ยวรบกวนกรอกเอกสารตรงนี้ด้วยนะคะ”
พยาบาลสาวคนเดิมเดินเข้ามาในห้อง ก่อนยื่นเอกสารให้อีกฝ่ายกรอก หลังจากที่ทุกคนออกไป มีนาก็เดินมาหาแม่ที่นอนหลับอยู่บนเตียง
แม่ของเธอนอนหลับแบบนี้มานานนับเดือนแล้ว เธอไม่รู้ว่าแม่จะฟื้นเมื่อไหร่ แต่มีนาก็ยังคงมีความหวังอยู่เสมอ
“รีบตื่นนะคะคุณแม่ หนูรออยู่นะ”
ชีวิตของหญิงสาวหมดสิ้นความสุขไปตั้งแต่วันที่เธอเสียพ่อ จนกระทั่งแม่ล้มป่วยเพราะตรอมใจที่ต้องสูญเสียพ่อไปกะทันหัน มันก็ทำให้เธอยิ่งรู้สึกดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ
มีนาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอยิ้มครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ แต่จำได้เสมอว่าเธอร้องไห้ครั้งสุดท้ายตอนไหน
“สวัสดีครับ ขออนุญาตตรวจคนไข้นะครับ”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนถอยออกมาเล็กน้อย คุณหมอที่เข้ามาอายุประมาณสามสิบกว่าปี อีกฝ่ายตรวจอาการแม่ของเธออย่างละเอียด ก่อนจดอะไรบางอย่างลงแฟ้มที่พกมาด้วย
“ยังไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ เดี๋ยวจะมีคุณหมอเจ้าของเคสเข้ามาดูแลอีกทีนะครับ “
“คุณหมอไม่ใช้เจ้าของเคสเหรอคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมกับยกยิ้มน้อยๆ
“ผมมารับช่วงต่อชั่วคราวครับ แค่มาตรวจอาการเบื้องต้นเท่านั้น แต่เดี๋ยวคุณหมอมาวินจะมาดูแลต่อ”
ชายหนุ่มอธิบายให้หญิงสาวเข้าใจ ว่าเขายังไม่ใช่เจ้าของไข้ตัวจริงของมยุริญ
“โอเคค่ะ”
“ถ้ามีอะไรถามเจ้าหน้าที่ได้เลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่อาการของคุณแม่ไม่มีอะไรแทรกซ้อนใช่ไหมคะ”
ชายหนุ่มนิ่งไปพักหนึ่งก่อนส่ายหน้า เขามีความจำเป็นที่จะต้องแจ้งกับญาติคนไข้ตรงๆ
“ผมยังตอบไม่ได้ครับว่ามีอาการแทรกซ้อนหรือเปล่า เพราะเบื้องต้นเท่าที่ตรวจดูยังไม่มีอะไรผิดปกติจากเดิม”
เห็นหญิงสาวมีสีหน้ากังวลชายหนุ่มก็พูดไม่ออก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องประสบพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ญาติคนไข้ทุกคนจะต้องรู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรหากเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“ขอบคุณนะคะที่บอกตรงๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะได้ทำใจ”
ถึงจะมีความหวังแต่เธอยอมรับว่าบางครั้งเธอก็แอบทำใจเอาไว้บ้างแล้ว แม่นอนหลับไปนานขนาดนี้ทำให้เธอไม่แน่ใจเลยว่าแม่ของเธอจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือเปล่า
แต่หญิงสาวก็จะสู้ เธอจะรักษาแม่ไปเรื่อยๆ เพราะอย่างน้อยผลลัพธ์ก็มีสองอย่าง อย่างแรกคือแม่หายเป็นปกติและกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ส่วนอย่างที่ 2 คือร่างกายของแม่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา หากเป็นแบบนั้นเธอก็ยอมที่จะปล่อยแม่ไปดีกว่ายื้อให้แม่ทรมาน
“ถ้ายังไงหมอขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวคุณหมอมาวินจะมาวันพรุ่งนี้”
“พอจะทราบไหมคะว่าคุณหมอมาวินจะเข้ามาประมาณกี่โมง”
หญิงสาวเอ่ยถาม พรุ่งนี้เธอมีธุระที่จะต้องไปทำ กลัวว่าหากหมอมาวินเข้ามาแล้วจะไม่เจอเธอจึงได้เอ่ยถามข้อมูลจากอีกฝ่าย
“ไม่เกินเที่ยงครับ”
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวจัดข้าวของใส่ตู้เป็นระเบียบเรียบร้อย เธอรู้ดีว่าคงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน สำหรับเธอในตอนนี้โรงพยาบาลก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ไปแล้ว ส่วนบ้านของเธอก็ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ นานๆทีถึงจะจ้างแม่บ้านเข้าไปดูแลทำความสะอาด
“รีบตื่นนะคะคุณแม่ คุณพ่อทิ้งหนูไปคนนึงแล้ว คุณแม่อย่าใจร้ายทิ้งหนูไปอีกคนเลยนะคะ”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือ เธอซบใบหน้าลงที่ฝ่ามืออุ่น ก่อนร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้น ทุกครั้งที่บรรยากาศเงียบเหงามันก็ทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่
หญิงสาวพยายามมาโดยตลอด พยายามที่จะเข้มแข็งต่อหน้าทุกคน แต่เมื่ออยู่กับผู้เป็นแม่เพียงลำพังเธอก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเองมันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าใจ จากครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา ในตอนนี้เธอต้องสูญเสียทั้งพ่อและกำลังจะสูญเสียแม่ไปอีกคน
